#SSxKMD | จาก 4M คือ Messi, Modric, Mbappe และ Morrocco ตอนนี้เหลือเมสซีและเอ็มบัปเปที่ยังมีโอกาสได้ชูฟีฟา เวิลด์คัพ โทรฟี ในวันอาทิตย์นี้ แม้ฟุตบอลเล่นเป็นทีมแต่ก่อนถึงนัดที่ 64 ของฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 สปอตไลท์จับจ้องอยู่ที่สองซูเปอร์สตาร์อายุต่างกัน 12 ปี เมสซีกับเอ็มบัปเป ซึ่งคนรักกีฬาลูกหนังส่วนหนึ่งเชื่อว่าฟอร์มของทั้งคู่จะมีอิทธิพลต่อผลแพ้ชนะของทีม

แต่มีส่วนหนึ่งมองเห็นต่าง แม้เอ็มบัปเปจะเป็นว่าที่ GOAT คนใหม่ เตรียมรับคฑาต่อจากเมสซีและคริสเตียโน โรนัลโด เขามีลีลาตื่นเต้นเร้าใจ ทำไปแล้ว 5 ประตู 2 แอสซิสต์ที่กาตาร์ แต่นักเตะที่เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนเกมของฝรั่งเศสจริงๆคือ “อองตวน กรีซมันน์” บางทีโฟกัสนัดชิงอาจอยู่ที่ เมสซี vs กรีซมันน์

แนวรุกวัย 31 ลงสนามเต็มแมตช์ให้ฝรั่งเศส 5 จาก 6 นัดที่ผ่านมา ทำ 3 แอสซิสต์ แต่ไม่มีสกอร์ทั้งที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลอันดับ 3 ของ Les Bleus เหตุผลคือ ดีดิเยร์ เดส์ชองส์ ย้ายกรีซมันน์มารับบทมิดฟิลด์แทนปอล ป็อกบา และเอ็นโกโล กองเต สองสตาร์จากทีมแชมป์โลก 2018 ที่บาดเจ็บ (อ่านเรื่อง “กรีซมันน์ เวอร์ชัน 2.0 เดอะมิดฟิลด์” ได้ที่ https://shorturl.asia/Now9K )

แจ็ค วิลกินสัน จากสกายสปอร์ตส์ อธิบายหน้าที่ใหม่ของกรีซมันน์ว่า แม้แรกเริ่มเป็นความเสี่ยงแต่ผลลัพธ์เป็นตัวยืนยันว่าเฮดโค้ชวัย 54 ตัดสินใจถูกต้องที่ให้เจ้าของรองเท้าทองคำยูโร 2016 ปรับตัวเองเป็นมิดฟิลด์แบบบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ กรีซมันน์ไม่เพียงเสริมเขี้ยวเล็บให้เกมรุกแต่ยังแสดงให้เห็นถึงเกมรับที่แข็งแกร่งอีกด้วย

กรีซมันน์สร้างโอกาสได้มากที่สุดในนัดตัดเชือก รวมถึงวิ่งตัดหลังผู้เล่นโมร็อกโกเหนือหัวกะโหลก หนีไปรับบอลใกล้กรอบเขตโทษฝั่งขวา เป็นเซต-อัพเพลย์นำไปสู่ประตูแรกแค่นาทีที่ 5 ของเตโอ แอร์กน็องเดซ ขณะที่สถิติเกมรับ เคลียร์บอล 3 ครั้ง, แท็คเกิล 2 ครั้ง และอินเตอร์เซปท์ 2 ครั้ง จนทีมสิงโตแอตลาสรุกสวนกลับที่ถนัดไม่ได้

เมลิสซา เรดดี นักข่าวอาวุโสของสกายสปอร์ตนิวส์ ให้ทรรศนะว่า เธอรู้ดีว่าหลายคนอยากให้เธอเขียนและสร้างเรื่อง เอ็มบัปเป vs เมสซี แต่สำหรับเธอ นัดชิงจะเป็น “เดอะ กรีซมันน์ โชว์” เพราะเขาเป็นนักเตะที่ฟอร์มโดดเด่นที่สุดของฝรั่งเศส เขาอยู่ทุกพื้นที่ของสนามในแมตช์กับโมร็อกโก ทุกสิ่งที่ถูกสรรสร้างขึ้นมาในมุมเกมบุกมาจากเขา บางครั้งเขาก็ทำหน้าที่ตัวป้องกันคนสุดท้ายของทีม จนเหมือนนักเตะอย่างเขาไม่น่ามีอยู่จริง”

กรีซมันน์ยืนตำแหน่งปีกในเวิลด์คัพ 2014 และเป็นทีเด็ดในการทำสกอร์ในปี 2018 ดังนั้นการถูกถอยลงมาเล่นมิดฟิลด์ที่กาตาร์ จะไม่แปลกใจเลยหากเขาจะเฉิดฉายมีอิทธิพลกับเกมบุก แต่กับเกมรับเป็นเรื่องที่เกิดคาด เกรแฮม ดันบาร์ จากสำนักข่าวใหญ่ เอพี ยกให้กรีซมันน์เป็น all-purpose midfielder ทั้งสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมและขัดขวางฝ่ายตรงข้าม ขณะที่ป็อกปาโพสต์บนอินสตาแกรมหลังจบรอบรองฯว่า Griezmannkante เหมือนกรีซมันน์สวมวิญญาณกองเต ผู้ไม่เคยยอมแพ้ที่จะเอาบอลคืนมาจากคู่แข่ง

ฌูลส์ กุนเด แบ็คขวาร่วมทีม ให้สัมภาษณ์ว่าโดดเด่นสุดๆ กรีซมันน์ทำงานหนักมากในการบล็อกรูรั่วของทีม แต่ทุกครั้งที่ได้บอล เหมือนเขาพยายามจุดประกายให้การขับเคลื่อนเกมของทีม ขณะที่ริโอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งนั่งอยู่ในบู๊ธของสถานีโทรทัศน์บีบีซี ถึงขั้นยกย่องกรีซมันน์เป็น the best defensive player ในทัวร์นาเมนท์นี้เลยทีเดียว

ตำนานเซ็นเตอร์แบ็คทีมชาติอังกฤษวัย 44 ที่มีฝีปากคมราวกรรไกร ขยายความต่อว่า บีบีซีสามารถฉายคลิปเด็ดๆให้เห็นว่ากรีซมันน์ทำอะไรในการพาเกมขึ้นหน้าและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ แต่บีบีซีก็สามารถโชว์คลิปการป้องกันดีๆจากกรีซมันน์ได้มากไม่แพ้กัน

นับเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส(ทอง)ของเดส์ชองส์อย่างแท้จริง ผลลัพธ์ไม่เพียงตกกับฝรั่งเศสที่มีโอกาสรักษาถ้วยฟีฟาเวิลด์คัพ แต่ยังรีดศักยภาพที่ซุกซ่อนอยู่ทั้งเกมบุกและรับของกรีซมันน์ออกมาอย่างไม่คาดฝัน สี่ทุ่มวันอาทิตย์นี้มาจับตาดูว่ากรีซมันน์จะทำอะไรกับความอัจฉริยะของเมสซีได้บ้าง

เรียบดรียง: KMD Content Team
ภาพ: Sky Sports England

นี่แหละข้อดีของกรีชมัน

ไม่น่าไปเสียคนที่บาซ่ากับตำแหน่งไม่ถนัดเลย แต่เข้าใจได้ว่า ไปบาซ่าคือมันดีกว่าจริงๆแหละ ทั้งโอกาสคว่าแชมป์และเรื่องเงิน

ตอนนี้ดีใจมากที่กลับบ้านเรา ถูกเนิร์ฟไปเยอะ ทั้งที่ถ้าใครเคยดูหรือชอบแกจะรู้เลยว่า นักเตะที่ทำงานในสนามหนักมาก ทั้งเกมรับและเกมรุก
แก้เพลสเก่ง อ่านเกมดี ไม่เห็นแก่ตัวในจังหวะที่เพื่อนตำแหน่งดีกว่า

และที่สำคัญจังหวะทีเด็ดทีขาด ก็ยังมีความคมให้ตลอด

ก่อนย้ายไปบาซ่าแทบจะเป็นตัวรุกอันดับต้นๆของโลกเลย
จบบอลโลกกลับมาฟื้นตัว แล้วเป็นตัวหลักอึกครั้งให้แอตมาดริดที

ของเขาดีจริงๆ

กรีซมัน บัฟเสริมพลังเพื่อนๆ

เล่นดีจน ไม่ว่าผลนัดชิงจะเป็นยังไง โอกาศได้เป็น MVP ประจำทัวร์สูงมากๆ