เส้นทางที่เหลือเชื่อ : จอห์น เฮิร์ดแมน

หลายคนอาจไม่ทราบว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่ทีมชาติอังกฤษ ไม่ใช่ชาวผู้ดีคนเดียวที่รับบทบาทผู้จัดการทีม ทำหน้าที่ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังโม่แข้งกันในเวลานี้ เพราะยังมีชายที่ชื่อ จอห์น เฮิร์ดแมน อีกคนหนึ่ง

แคนาดา ลงสนามในศึกเวิลด์ คัพ รอบสุดท้ายหนแรกในรอบกว่า 36 ปี และชายที่นำพาพวกเขาไปถึงกาตาร์ ได้สำเร็จนั้น เกิดที่ เค้าน์ตี้ เดอแรม เมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ

บางคนอาจสงสัยว่าชายจากแดนอีสานของเมืองผู้ดี ไปอยู่ตรงจุดนั้นได้อย่างไร ซึ่งเส้นทางของ เฮิร์ดแมนนั้น ค่อนข้างจะผิดแปลกจากชาวบ้านชาวช่องทั่วไป แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนได้อีกมากมายเช่นเดียวกัน

"ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าผมกำลังพูดเรื่องนี้ มันฟังดูบ้าบอมากๆ" หนุ่มใหญ่วัย 47 ปี ให้สัมภาษณ์ถึงเวิลด์ คัพ

แน่นอนว่าใน แคนาดา เกมฟุตบอลไม่ได้รับความนิยมชมชอบมากเท่าไหร่ เพราะฮ็อคกี้น้ำแข็ง ถือเป็นกีฬาประจำชาติของพวกเขามากกว่า อย่างไรก็ดี ตอนนี้ มนต์สเน่ห์เกมฟุตบอล กำลังคืบคลานเข้ามา ก่อนหน้าลงสนามในศึกฟุตบอลโลก หนที่ 2 ในประวัติศาสตร์

"สำหรับแคนาดาแล้ว มันมีโอกาสในฟุตบอลโลกหนนี้" เฮิร์ดแมน กล่าวก่อนพาทีมลงสนามพบเบลเยี่ยม ในเกมแรก

"เรายังยิงไม่ได้สักประตูเดียวในเวิลด์ คัพ เราเก็บคลีนชีทไม่ได้สักนัดในฟุตบอลโลก แถมเรายังไม่เคยได้สักแต้มอีกต่างหาก"

"ดังนั้น มันมีโอกาสมากมายให้ทีมนี้ไล่ล่า มันเป็นย่างก้าวเล็กๆ ลึกๆแล้ว มันมีความเชื่อมั่นอยู่ เราทำงานหนักมาตลอดเวลา 3 ปีในช่วงของรอบคัดเลือก และจบด้วยตำแหน่งแชมป์คอนคาเคฟ เหนือทีมอย่าง เม็กซิโก และสหรัฐฯ แต่การมาถึงระดับโลกนั้นมันเป็นป่าทึบที่แตกต่างออกไป"

แคนาดา อยู่ในกลุ่มเอฟ มีเพื่อนร่วมสายที่หนักใช้ได้อย่าง เบลเยี่ยม, โครเอเชีย และโมร็อกโก แน่นอนว่ามันมีโอกาสบ้างที่จะทำให้แคนาดา ทำให้ทั่วโลกช็อค เพราะทีมจากยุโรป เริ่มมีอายุอานามมากขึ้น

แน่นอนว่าภายในทีมของพวกเขา มีสตาร์ดังที่โลดแล่นอยู่ในแชมเปี้ยนส์ ลีก นำมาโดย อัลฟอนโซ่ เดวิส จากบาเยิร์น มิวนิค, โจนาธาน เดวิด ซุปตาร์ของลีลล์ ไม่เท่านั้น ยังมี ไคล์ ลาริน ดาวซัลโวในรอบคัดเลือกซึ่งค้าแข้งกับคลับ บรู๊กก์ และ สเตเฟ่น ยูสตากีโอของเอฟซี ปอร์โต้

ย้อนกลับมาที่ เฮิร์ดแมนกันบ้าง เส้นทางการเป็นโค้ชของเขาเริ่มต้นที่โรงเรียนฟุตบอลบราซิเลี่ยนในแดนอีสาน ตามด้วยการย้ายไปศึกษาที่ฮาร์ทเทิ่ลพูล และเริ่มพัฒนาฝีมือขึ้นมากับทีมเยาวชนของซันเดอร์แลนด์

ดูเหมือนชีวิตของเขาค่อนข้างลงตัวและไปได้สวยระหว่างที่ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธัมเบรีย แถมยังเคยเป็นโค้ชของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ตอนนั้นอยู่กับทีมเยาวชนของ "แมวดำ" อีกต่างหาก

อย่างไรก็ดี จากการที่เคยไม่เคยมีประสบการณ์การลงเล่นในระดับอาชีพ ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มตัน แล้วจากนั้นก็มีโอกาสเข้ามาให้เขาตรงดิ่งไปนิวซีแลนด์ เพื่อร่วมงานกับสมาคมฟุตบอลแดนกีวี เมื่อปี 2003

"มันยากลำบากจริงๆ ที่จะพัฒนาไปอีกระดับ หากว่าคุณไม่เคยลงเล่นในระดับสูงที่สุด"

"จากนั้นก็ย้ายไปนิวซีแลนด์ ไปอยู่ที่เมืองอินเวอร์คาร์กิลล์ ซึ่งเป็นเมืองตะวันออกเฉียงใต้สุดบนโลกนี้"

"พวกเขาแทบทั้งหมดเป็นคนที่ทำงานอยู่ในฟาร์ม ออกไปในสนามหญ้าพร้อมกับไฟฉายแตกๆ ผู้คนสวมรองเท้าบู๊ต มันคือประสบการณ์ที่ไม่น่าเชื่อเลย ในการพยายามนำแพสชั่นของคุณไปยังประเทศที่เล่นรักบี้"

"ในช่วงเวลานั้นของชีวิตผมสนุกมากจริงๆ บางที มันอาจเป็นช่วงเวลา 10 ปีที่มีคุณค่ามากที่สุดในประสบการณ์ด้านฟุตบอลสำหรับผม"

"ผมทำงานทุกอย่างตั้งแต่การเป็นเจ้าหน้าที่พัฒนาประจำภูมิภาค ไปจนถึงผู้อำนวยการเทคนิคของประเทศ และในเวลาเดียวกัน ผมก็คุมทีมหญิงไปด้วย"

เฮิร์ดแมน รับงานหัวหน้าโค้ชทีมชาติหญิงระหว่างปี 2006-2011 และเคยพาทีมรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ไปเล่นชิงแชมป์โลก เมื่อปี 2006 ก่อนที่จะพาทีมรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ไปเล่นในเวทีเดียวกัน

นอกจากนั้น เขายังพาทีมชุดใหญ่ไปเล่นชิงแชมป์โลกหญิง ในปี 2007 และ 2011 เช่นเดียวกับโอลิมปิก เกมส์ ที่ปักกิ่ง เมื่อปี 2008

"จากนั้น ผมก็มีโอกาสมาแคนาดา และนั่นคือที่ที่ผมกลายเป็นโค้ชแบบฟูลไทม์ ที่นี่มันมีการชักนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงน้อยกว่า มียุทศาสตร์หยั่งรากลึกอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องของการสร้างระบบสมรรถนะระดับสูงสำหรับผู้หญิง"

เฮิร์ดแมน ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งกับทีมหญิงของแคนาดา หลังเข้ามานั่งเก้าอี้ในปี 2011 พวกเขาได้แชมป์แพน อเมริกัน เกมส์ 2011 และได้เหรียญทองแดงในโอลิมปิก เกมส์ 2 หนติดต่อกันเมื่อปี 2012 และ 2016

หลังความสำเร็จกับทีมหญิง เขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าโค้ชทีมชาย และกลายเป็น ผอ.ของทีมชาติ ที่รับหน้าที่ดูแลทีมทุกชุดตั้งแต่อายุ 14 ปี ขึ้นมา

ภายใต้การนำพาของเขา "ใบเมเปิ้ล" ขยับจากอันดับโลกที่ 72 ขึ้นมาอยู่ที่ 41 ในตอนนี้ และการผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกหนนี้ คือครั้งแรกในรอบ 36 ปี

แม้ไม่เคยลงเล่นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน แต่ เฮิร์ดแมน ได้สร้างโปรไฟล์การทำงานที่น่าประทับใจ คงมีไม่กี่คนที่ก้าวมาถึงระดับแบบนี้ได้ อย่างไรก็ดี เขาได้ชี้ให้เห็นถึงผู้บุกบุกบางคน ที่เขาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน

"ย้อนไปที่ช่วงเวลาของผม แรงบันดาลใจคือ ราฟา เบนิเตซ และ โจเซ่ มูรินโญ่ พวกเขาคือผู้บุกเบิกอย่างแท้จริง เป็นคนที่ไม่เคยเล่นในเกมระดับสูงสุด แต่สามารถทำงานในเชิงวิชาการในฐานะคนที่ศึกษาเกมการเล่น จากนั้นก็ปรับมันมาใช้ในการสื่อสารกับนักเตะ"

"คนที่ไม่เคยเล่นในระดับเดียวกับนักเตะก็ย่อมประสบความยากลำบากในการสื่อสารกับพวกเขา ทั้งการได้เห็น ประสบการณ์ และความรู้สึก"

"วิธีพลิกแพลงมีอยู่รอบตัวของคุณ เพราะมีคนที่สามารถมาเติมช่องว่างเหล่านี้ และเข้าใจเรื่องของจิตวิทยาในช่วงเวลาต่างๆ พร้อมสร้างความเข้าใจขึ้นมา"

ความสำเร็จในฟุตบอลโลก อาจทำให้ชื่อเสียงของเขามีเพิ่มมากอีกสักหน่อยในดินแดนบ้านเกิดที่แทบไม่มีใครรู้จักเขา

เฮิร์ดแมน มีสัญญากับ แคนาดา จนถึงปี 2026 ซึ่งจนถึงตอนนั้นพวกเขาจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ร่วมกับสหรัฐฯ และเม็กซิโก

ตอนนี้ การเก็บข้าวของกลับมาอังกฤษ ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ แต่แน่นอนว่าในวันหนึ่งข้างหน้า อาจเกิดขึ้นก็ได้

"คุณก็แค่พยายามผลักดันระดับของตัวเอง นั่นคือสิ่งสำคัญในเรื่องนี้ ผมมีสัญญากับแคนาดา ถึงปี 2026"

"ในโปรเจ็คต์ของผมนั้น ผมมักจะใช้เวลานาน 10 ปีกับแต่ละโปรเจ็คต์ ผมอยู่นิวซีแลนด์ 10 ปี, และแคนาดา 10 ปี ผมยังเหลือเวลากับแคนาดาอีก 4 ปีก่อนจะถึงฟุตบอลโลก 2026 ที่บ้าน ซึ่งมันน่าอัศจรรย์ยิ่ง"

"ในเวลาเดียวกัน คุณมักที่จะพยายามผลักดันไปให้ถึงลิมิตของตัวเอง ในบางทีมันอาจมีโอกาสที่พวกมันจะพาคุณไปถึงสมรรถนะอีกระดับหนึ่ง"

"บางทีคุณก็อาจสบายๆ และคุณต้องตระหนักให้ได้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกสบายอกสบายใจมากเกินไปแล้ว"

"ผมพยายามประเมินสถานการณ์เหล่านั้นอยู่เสมอ สำหรับในช่วงเวลานี้ ผมตื่นเต้นกับฟุตบอลโลกหนนี้ แล้วต่อจากนั้นก็เวิลด์ คัพ ที่บ้าน"

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

Surawutk

โหวตเป็นกระทู้แนะนำ