นอกจากสำนึกในการใช้รถจะน้อยแล้ว ก็มีพวกกฏจราจร กับ ความหมายของป้ายสัญลักษณ์นี่แหละที่คนไทยมีความรู้น้อยมากทั้งๆที่มีใบขับขี่

ใช่ครับท่าน ผมเห็นด้วยกับกฎบ้านเขามากเลยนะ มองย้อนกลับไปตอนเด็กมันไม่มีคนเตือนจริงๆแล้วก็คิดน้อยด้วย

เอาแค่เลี้ยวซ้ายต้องรอสัญญาณไฟเท่านั้นก็พอครับ

พวกเล่นคิดกันว่าทุกแยกคือเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด พับผ่า

พ่อสอน แถมเกีบร์กระปุกด้วย ติดไฟแดงหรือขึ้นเนินทีแทบตาย
ตอนนี้รถคันนั้นก็ยังอยู่ ขอบคุณครับลุงnissan sunny b11

จักรยาน - น้าสอนปล่อยไหลในซอย

มอไซค์ - ไม่เคยขี่เลยแต่ปีใหม่รวมญาติ ป้าบอกเอามอไซค์ไปซื้อส้มตำมาสิ้ ก็ขับเลยครับแรก ก็อ่อเราขับมอไซค์เป็นแล้วสินะ

รถยนต์ - แม่สอนครั้งแรกตอนม.ปลาย เกียร์ปุกขับในสนามบอลโรงเรียน ขรุขระมาก เลี้ยวไปเลี้ยวมา ต่อมาพักนึง มหาลัยแล้วกลับตจว.กับพ่อ พ่อให้ขับตั้งแต่ขอนแก่นไปอุดร เบียดไล่ทางทั้งเส้นไม่กล้าเข้าเลนจนถึงอุดร มาขับเป็นตอนเกณฑ์ทหารแม่หัดขับให้โดยการนั่งไปด้วยตอนซื้อส้มตำ ก็เป็นมาตั้งแต่ตอนนั้น

ทำไมมันวนอยู่ที่ร้านส้มตำหละครับนั่น

อาหารหลักครับ

รถยนต์ คนขับรถที่บ้านสอนครับ หมุนไปหมุนมาในโรงจอดในบ้าน วันที่ลงถนนจริงวันแรก ขับจาก กทม ไป สุพรรณ กลับมาบ้านได้ปกติสุข แต่…ตอนถอยเข้าบ้านไปเกี่ยวหูแม่กุญแจที่ประตูบ้าน ยาววววเลย

ลงรถมาภูมิใจมาก พ่อกลับมาบ้านพอดี ดึงแขนมาดูรอยครูด หน้าแหกเลยครับ

เรียนครับ
ไม่เคยขับรถยนต์มาก่อนเลยซักครั้ง แต่ตั้งใจเลือกเรียนแบบเกียร์กระปุก เพราะคิดว่าถ้าขับเป็น เกียร์ออโต้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 12 ชม. (แบ่งเป็น 3-4วัน) นั่นคือประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้ขับ
แล้วก็สอบใบขับขี่เลยครับที่ขนส่ง ซึ่งก็ผ่านมาได้
หลังจากนั้นไม่ได้แตะรถยนต์อีกหลายเดือน กว่าจะได้ซื้อรถเป็นของตัวเอง แล้วก็ค่อยๆหัดขับให้คล่องกับรถตัวเอง

หัดขับในลานมัน ตอนนั้น ม.1 ม.2 หัวยังแทบไม่พ้นบังลมรถ

หัดด้วยการขับพลิกมัน ก็ขับแบบนั้นทั้งวัน หลายวัน พวงมาลัยธรรมดา เกียร์ธรรมดา รถจี๊ปเก่าๆ จนใช้พวงมาลัยโคตรคล่อง

ขับได้เพราะพ่อกับอาสอนตอนนั้นน่าจะ ม.3 แต่รถที่ฝึกตอนนั้นขับเกียร์กระปุก แต่ขับเป็นและถูกกฏระเบียบเพราะลงเรียนครับ คอร์ส 5000 ลงถนนไปหลายรอบมากและสอบที่โรงเรียนครับ

พ่อสอนครับ เริ่มจะกระบะเกียร์กระปุก