คือมีรุ่นน้องผมคนนึงเพิ่งออกรถกระบะมา ไม่ใช่พวกวัยรุ่นสร้างตัวนะ กระบะนาวาร่าเอามาใช้งานปกตินี่แหล่ะ ไม่ได้จะเเต่งซิ่งอะไรเลย แต่ออกมาปุ๊บก็ไปอุด egr ปั๊บโดยให้เหตุผลว่าอยากถนอมเครื่องให้ใช้ได้นานๆ
แล้วก็เห็นตามพวกกลุ่มรถกระบะ หรือ ppv แบบฟอร์จูนเนอร์ มิวเอ็กซ์อะไรพวกนี้ จะชอบบอกให้ไปอุดกันเหมือนเป็นค่านิยมทั้งๆที่ก็ไม่ใช่รถแต่งซิ่งอะไรเป็นรถบ้านๆใช้งานทั่วๆไป

เลยสงสัยว่ารถเก๋งหรือรถอื่นๆ พวก volvo benz bmw นี่คงไม่อุดมั้ง แต่แบบมาสดา2 crv อะไรพวกนี้ที่เครื่องดีเซลนี่เค้าอุดกันมั้ยอะครับ หรือมีแค่พวกรถกระบะ กับ ppv ที่ชอบไปอุดกัน

ผมมองว่าไร้สาระครับ อะไรที่วิศวกรคิดออกมาแล้ว มันดีและมีเหตุผลแล้ว

ส่วนตัวทั้งรถยุ่นและยุโรป ไม่ได้ไปอุด EGR ขับเดิมๆ

ของที่มีก็แรงพออยู่แล้ว

ถนอมเครื่องยังไงอ่า ไปวุ่นวายกับเครื่องยนต์ไม่ใช่ว่าประกันจะขาดเอาหรอ แล้วอีกอย่างมันออกแบบมาเพื่อลดมลพิษนะ ไปปิดมันไว้มลพิษก็มาเต็มเหมือนเดิมสิ

ของที่บ้านเดิมๆครับรถยุโรป คือถ้าจะเน้นแรงก็คงไม่เลือกดีเซลแต่แรกหรือเปล่า? เค้ามีตัวแรงให้เลือกในแต่ล่ะกลุ่มอยู่แล้ว เบนซิน Turbo โหดๆปรับช่วงล่าง ปรับพวงมาลัยมาพร้อมแล้ว ก็จ่ายเงินเพิ่มเอา ไม่น่าต้องซื้อดีเซลแล้วเอาไปปรับแต่งน้า แรงขึ้นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เสียวประกันขาดอีก

คือผมก็ไม่ได้เห็นด้วยเรื่องอุด ก็คิดว่ามันไม่โอเคน่ะแหล่ะ เค้าคิดมาแล้วไม่งั้นมันไม่ผ่านการทดสอบออกขายได้หรอก

แต่แค่สงสัยว่าไอ้ความเชื่อนี้มันมีแต่รถกระบะไหม เพราะรถเก๋งเครื่องดีเซลมันก็มี
และถ้ามันเป็นเฉพาะรถกระบะ ทำไมมันถึงมีแต่รถกระบะที่เชื่อกันอย่างงี้เลยมาถามเผื่อใครรู้อะครับ

egr เขาออกแบบมาเพื่อเอาไอเสียไปเผาไหม้ใหม่เพื่อให้ลดมลพิษ ตามมาตรฐาน ยูโร 3 แต่สิ่งที่ได้มาคือ ท่อไอดีจะสกปรกเร็วกว่า อุด egr
ก็เลือกเอานะครับ สำหรับผม ผมเลือกไม่อุดครับ เหมือนเผาอ้อยหรือเศษขยะแหละ
รับผิดชอบเองสิ จะมาให้คนอื่นร่วมรับผิดชอบทำไม

ไม่อุดแต่ควรมีการกำหนดให้ล้างในการเช็คระยะด้วย แต่มันไม่กำหนดนี่สิ เพราะกว่าจะตันคงขับกันเกิน 3 แสนกิโล

เก๋งส่วนใหญ่ไม่อุดอยู่แล้ว เพราะคนใช้ส่วนมากเค้ามองเรื่องประหยัดน้ำมันอะเอาจริงๆ การที่จะออกเก๋งดีเซล

พวกกระบะก็เว้นไว้ในฐานที่เข้าใจละกัน

ส่วนพวกppv ที่อุดส่วนใหญ่ไม่พวกแว้นกลับใจก็พวกแว้นมีเงินอะ ลองไปถามเหตุผลจะบอกว่าพี่นู่นนี่นั่น(ไม่เจ้าของอู่แต่งซิ่งก็พวกแต่งกระบะ) เค้าบอกมาว่ามันจะนู่นนี่นั่น แต่ถามหาเหตุผลไม่เคยมี มีแต่คนบอกมาทั้งนั้น

เห็นคนใช้ มาสด้า 2 ดีเซล ไปอุด egr กันอยู่นะ

เก๋งดีเซลส่วนมากจะเป็นรถยุโรป
ไม่ค่อยทำไรกันมาก เต็มที่ก็สเตจ1

มาสด้า2ดีเซลซื่งๆอะเยอะเหมือนกัน ไปยันตัด dpf

เคยใช้ KIA Grand Carnival มี EGR ใครมาโพสต์ว่าไปอุด EGR มานี่คือโดนถล่มเลย ส่วน Mazda CX-5 ดีเซลอีกคันก็รู้แหละมีคนอุด แต่ไม่ค่อยมีคนออกตัวประเจิดประเจ้อ แต่สำหรับ Mazda 2 อีกคันที่ไปอยู่ในกลุ่ม การตัด DPF อุด EGR เหมือนเป็นเรื่องปรกติ ใครๆก็ทำกัน

กลุ่มลูกค้าและราคาน่าจะมีผล

ผมได้สัมผัส BMW ดีเซลมา
ถ้าเจ้าของเป็นงาน เข้า service ตามระยะ
อะไหล่บางอย่างต้องเปลี่ยนถ้าไม่อุด ต้องล้างระบบไอดีทุก 50000 โล
ครบระยะนึงล้างกรอง DPF (น้ำยาล้างใช้เฉพาะของมัน)
ถ้าทำได้ตามนี้ ไม่ต้องอุดก็ได้ครับ
แต่ถ้าหาอู่ไว้ใจไม่ได้ เงินซ่อมบำรุงไม่ถึง ผมคิดว่าน่าจะต้องอุดครับ ไม่งั้นรถพัง

อาจได้เปลี่ยนชุดใหญ่ไม่ก็ยกช็อตบล็อคกกันเลยล่ะ

ส่วนค่ายดาว
ขนาด ADblue ยังจ้องจะตัดระบบทิ้งกันเลย(อย่างว่าแหละเจอใบเสนอราคาปั้มเห็นราคาแล้วขนลุกเลย)

เคยใช้เก๋งดีเซลครับ เคยอุด 50% คือลดปริมาณที่วนกลับมาเผาซ้ำครับ ก็ลดเขม่าในไอดีไปได้นิดหน่อยลดความถี่ในการล้างคราบเขม่าไปได้บ้าง ก็ใช้แบบนั้นไปยันขายรถไม่เจอปัญหาอะไรครับ

รถมาสด้า2 ของน้อง ใช้แบบปกติ ไฟ dpf ขึ้นบ่อยมาก เข้าไปศุนย์ทีออกวิ่งไม่ทันไรไฟขึ้นอีกแล้ว ศูนย์บอกรถวิ่งน้อย

มาสด้าแฟนผมทั้อุดegr ตัดdpf เลยง่ะ

Mazda 2 มันต้องเผาเขม่าถ้าวิ่งในเมืองบ่อยบางคนก็เอาไปอุดกันเพราะdpfจะตันบ่อย คนขับทางไกลบ่อยอาจจะไม่เจอปัญหานี้เลยไม่ได้อุด อุดมันก็ไม่ดีต่อโลกนะแหละ แต่ถ้าไม่อุดก็ต้องดูแลเยอะอยู่ที่ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมแล้วแบบนี้