daydreamer พิมพ์ว่า:
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ แต่เรื่องนี้มันจะผ่านไปครับ ชีวิตคนเรามีทั้งสมหวังและผิดหวัง ครั้งนี้อาจจะผิดหวังแต่ทำให้เราได้เรียนรู้ มีประสบการณ์แล้วก็จะได้ไปเจอคนต่อไปครับ
แต่ขออนุญาตแชร์อย่างนึงละกันครับ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
"เรื่องการเงินเป็นเรื่องส่วนบุคคลนะครับ"
ผมเข้าใจว่าคุณสองคนเป็นแฟนกัน ยังไงก็อยากมีเตือนกันบ้าง เห็นว่าอะไรไม่ดี เราก็อยากจะเตือนกันละกัน แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนบุคคลจริงๆ และเป็นเรื่องที่เขาต้องจัดการด้วยตัวเอง เพราะคุณกับเขายังไม่ได้แต่งงานกัน เขาก็ยังมีสิทธิ์ที่ใช้เงินในทางที่เขาอยากจะใช้ (ไม่ได้บอกว่าถูกหรือผิดนะครับ)
ตอนผมเด็กๆ ก็เคยเป็นแบบนี้แหละครับ บ่นแฟนเก่าว่าทำไมใช้เงินเยอะ ไม่มีเงินเก็บเลย (แต่ก็ไม่ได้มีหนี้นะครับ) ก็คิดอยู่เยอะว่า จะไปรอดกับคนๆนี้ไหมนะ ก็ไปบ่นกับคุณแม่ เขาก็ให้ข้อคิดมาว่า เรื่องพวกนี้คือ เราพูดได้ระดับนึงเท่านั้น สุดท้ายเราจะไปบังคับเขาไม่ได้ เพราะสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่เขาหามา ชีวิตคนเราก็ไม่เหมือนกัน จะไปเจ้ากี้เจ้าการขนาดนั้นไม่ได้ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นแค่ช่วงนี้ ที่เขารู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตก่อน แล้วถึงจุดนึงแล้วเขาอาจจะคิดเองได้ก็ได้ (หรือก็อาจจะไม่เป็นแบบนั้น)
อีกอย่าง ตอนนั้นก็เป็นแค่แฟน ไม่ได้แต่งงานกัน ถึงเขาจะล้่ม เราก็ไม่ได้ผลกระทบ ก็ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งมากมายครับ
สุดท้ายสิ่งที่อยากจะบอกว่า เรื่องนี้คุณอาจจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองมากกว่าแทนที่จะไปพยายามเปลี่ยนเขาในทางที่คุณอยากเป็น เพราะการเงินเป็นเรื่องส่วนบุคคลจริงๆ ดังนั้นก็เหลือแค่ว่าคุณเตือนบ้าง และพยายาม make peace of mind กับสิ่งนั้น และหวังว่าเขาจะเปลี่ยน หรือว่าคุณถอยห่างเพราะรู้สึกว่าเราไม่ชอบการใช้ชีวิตของเขาแบบนี้ หรือคิดว่า ในอนาคตไปกันไม่รอดแน่ๆ ดีกว่าครับ เพราะไม่เช่นนั้นมันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในอนาคตครับ
ขออนุญาตแชร์ความคิดเห็นครับ
เห็นด้วยกับการไม่ควรตั้งใจไปเปลี่ยนคนอื่น เพื่อตัวเราเองครับ เพราะจะทำให้เรามีแต่เป็นทุกข์
แต่ถ้าบอกว่า เรื่องการเงินเป็นเรื่องส่วนบุคคล นี่ ค่อนข้างไม่เห็นด้วยเลยครับ
ต่อให้แม้จะยังไม่แต่งงาน ถ้าคิดจะจริงจัง มองถึงอนาคตกับคนๆนี้ ผมกลับมองว่าเราสามารถก้าวก่ายได้บางอย่างครับ มันคือปรับจูนทัศนคติกับความคิดให้มันตรงกัน อย่างน้อยก็เข้าใจความคิดด้านนี้ และการวางแผน ซึ่งเขาอาจจะวางแผนมาดีกว่าที่เราคิดก็ได้ หรือไม่ได้คิดไรเลยจริงๆ เพราะถ้าเราไม่ยอมแตะตรงนั้นเลย แต่พอแต่งงานไปค่อยมาทะเลาะกัน อันนี้ผมว่าก็ไม่ค่อยจะดี
ถ้าเราอยากให้เขาเปลี่ยน เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของเขาเอง (แต่ไม่ใช่การยัดความคิด เป็นการแบ่งปันและเข้าใจมุมมองแต่ละฝ่าย) แนะนำในสิ่งที่เขายังไม่รู้ บางคนแค่อาจจะยังไม่รู้ เพราะไม่เคยมีคนบอกก็เป็นได้ แต่ถ้าสุดท้ายดูแล้วความคิดมันต่างกันสุดขั้ว ถ้าแบบนี้แต่งงานกันไป ก็ toxic กันเปล่าๆ
แต่ถ้าเป็นกรณี ที่เขาสามารถจัดการตัวเองได้ เช่น ผู้หญิงใช้แต่ของแบรนด์เนม ผู้ชายสะสมของไร้สาระ แต่ยังสามารถจัดการเงินของตัวเองได้อย่างดี มีเงินเก็บ วางแผนอนาคต มีความรู้ด้านการเงิน แค่เพียงสิ่งที่เขาใช้เงินไป ไม่ถูกใจเรา อันนี้เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าเราต้องมี space ให้ความชอบแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันครับ