ถ้าคุณเริ่มตั้งคำถามกับ " ความชอบ " คุณจะหาคำตอบได้จริงหรือ

คุณลองคิดว่าที่คนเค้ามาฟังกันเค้าไม่ได้มาฟังธรรมครับเค้าเเค่มาฟังสิ่งที่ชอบ บางทีผมก็เข้าใจได้นะการมาล้อการมาตลกกับสิ่งที่คุณยึดถือ หรือยึดเหนี่ยวคุณอาจจะไม่เห็นด้วยได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม "อย่ายึดติด" ไม่เเน่ใจว่าใครสอนมา555555

ส่วนในข้อที่คุณบอกว่าพอสึกออกมาไม่สำรวมอันนี้ขอถามว่าก็ถูกแล้วนี่ เพราะสำรวมไม่ได้ก็ออกมาผิดอย่างไรหรือครับ

ก็อยากปั้กเป้าอะใส่ชุดสีโอเร้นมันปั้กเป้าไม่ได้ พอไม่ใส่แล้วก็ห้ามหรอใจร้ายยยยจังง

ตามช่วงวัยครับ

ถ้าจะสอนวัยรุ่นวัยทำงานที่ความสนใจหลักไม่ใช่เรื่องธรรม ต้องดึงความสนใจด้วยการสอนแบบทันยุคทันสมัย มีมุขบ้าง ไม่ควรเคร่งเกินไปเดี๋ยวญาติโยมจะเบื่อเอาง่ายๆ

แต่ถ้าสอนคนมีอายุแล้ว คนเหล่านี้ผ่านโลกมาพอสมควร สนใจอยากศึกษาและปฏิบัติเพิ่ม ก็ตั้งใจมากกว่าพวกแรก รนสอนก็สอนได้แบบเน้นๆ

พวกแรกคือ อดีตพระมหาสมปงและพระมหาไพรวัลย์
พวกที่สองคือ หลางพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

อย่าว่าแต่สาวกพุธศาสนาเลยครับ เอาแค่วงการพระสงฆ์เองถ้าฟังองค์ศาสดาคงไม่เละเทะให้เห็นเยอะขนาดนี้

"ไม่ต้องเคร่งนู่นนี่นั่น เอาแค่สอนให้เป็นคนดี"

ก็ชีวิตคนเรามันก็แค่นี้แหละครับ หากอยากขึ้นขั้นสูงก็ควรต้องเข้าหาไปศึกษาเอา เหมือนคนชอบเล่นกีฬาเป็นงานอดิเรกกับเล่นเพื่อแข่งขันนั่นแหละครับ คนที่อยากแข่งขันก็ต้องเข้าหาวิธีการ ฝึกซ้อมเพื่อให้ได้มา

ก็เหมือนกับการ เคร่งครัด สอนทางให้จิตใจดีจริงๆแบบปล่อยวาง ให้อภัย จิตใจสงบ นั่นแหละที่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปต้องการครับเค้าแค่อยากได้อะไรที่มันจรรโลงใจ ได้ข้อคิด ย่อยง่าย ฟังแล้วบันเทิงไม่ง่วงนอน

ปล. ส่วนใหญ่ที่เจอถ้าพวกธรรมบุญหนักๆทำทานเข้าวัดบ่อยๆ ปล่อยนกปล่อยปลา เท่าที่ผมพบเจอไม่ปกติซักคนไม่ได้หมายถึงบ้านะครับ แบบว่าจะต้องมีชุดความคิดแปลกๆบางอย่าง มีความเห็นแก่ตัวในบางเรื่อง ชอบตัดสินคนอื่น เหมือนคนเหล่านี้เข้าหาธรรมเพื่อหาสิ่งยึดเหนี่ยวจริงๆเพราะตัวเองไม่สามารถยึดมั่นในตัวเองได้ เอาธรรมะมาบังหน้าให้ตัวเองรู้สึกว่าเป็นคนดียังงั้นแหละ

ตอบในแง่โดนบังคับให้ฟัง อาจจะอบรมตอนเด็ก หรือสัมมนาของที่ทำงาน ก็ดีกว่าฟังคนน่าเบื่อพูดอะไรเข้าใจยากอ่ะครับ

แต่ถ้าตอบในฐานะคนทั่วๆไป ผมว่าถ้าตลกแล้วมันผิดกฎสงฆ์ แต่อยากตลกมากก็สึกออกมาเป็นตลกเป็นนักพูดสายธรรมะก็จะดีกว่า คนเผยแพร่ธรรมะไม่เห็นจำเป็นต้องเป็นพระนะ อย่างน้อยเป็นบุคคลทั่วไปก็ตรวจสอบรายได้รายจ่ายได้ง่ายกว่า โปร่งใสกว่า

"ไม่ต้องเคร่งนู่นนี่นั่น เอาแค่สอนให้เป็นคนดี"

----คือผมขออธิบายเพิ่มเติมว่า สอนให้เป็นคนดี ที่ผมกล่าวคือ มันบิดเบือนง่ายมากครับ
คำสอนง่ายๆที่ท่าน......สอนกัน ผมลองพิจารณาแล้ว เลี่ยงบาลีได้เยอะเลยครับ

มันเหมือนว่าสามารถร้ายได้เสมอ ถ้าอีกฝ่ายร้ายก่อน (คือการจองเวรดีๆนั่นเองแต่ไม่ได้พูดคำนี้)
และอื่นๆอีกมากมาย เหมือนสอนตามหลักความเป็นจริงมนุษย์ทั่วไปอะครับ (แต่ใช้คำสวยๆหน่อย)

ที่สามารถตอบโต้ได้ ร้ายได้ แต่อย่าไปทำเขาก่อน อะไรแบบนี้
บางท่านตอนสึกมาก็เป็นประมาณนี้เช่นกัน

ซึ่งก็ตามที่ท่านว่า ปล่อยวาง ให้อภัย คงปฎิบัติยากจริงๆสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้สนใจธรรมจริงจังนั่นเหละ

ต้องนิยามคนสมัยนี้คือ ประมาณไหนก่อนครับ ถ้ารุ่นใหม่ๆ คนไม่มีศาสนาค่อยข้างเยอะขึ้น หรือ มีศาสนาเพราะจะรวย จะซื้อหวย จะขายวัตถุมงคล ก็เป็น 2 ประเภทที่ผมว่าเขาคงไม่ไ้ดสนใจคำสอนอะไร

ส่วนที่บอกว่าพระที่สอนให้เป็นคนดี มีคำคมดีๆ เท่ห์ๆ เทศน์สนุกๆ ผมคิดว่ามี 2 ประเภท ประเภทที่สอนฮาๆ เทศน์สนุกก็จะมีทั้ง Target คนแก่ไปจนประมาณ 30 เป็นรุ่นก่อนๆยังมีคนฟัง ส่วนอีกจำพวก พวกพระ Life Coach สอนชีวิตเฟี้ยวๆ อันนั้นผมว่ามีไม่กี่องค์ก็เห็นๆกันอยู่ เน้นหน้าตา คารมดี ส่วนพิธีเน้น ผสมผี มากกว่าพุทธ

ที่บอกว่าคนชอบมาก กลุ่มไหนชอบกลุ่มไหนผมคิดว่ามันมี Target ของมันไม่ได้ชอบทุุกคน แล้วแต่ละประเภทมีผลประโยชน์ที่ได้ต่างกัน

ส่วนประเด็น พระแนวๆนี้ที่สึกออกมาหลายองค์ ยุ่งเรื่องทางโลกแบบเต็ม 100 เลย ออกมาก็เป็นคนมีรักโลภโกรธหลง เต็มที่เลย พูดหยาบ มีกิเลส ใจร้อน
ก็คนครับ ทุกคนเป็นหมดครับร้อยละ 99 เลยแล้วก็ไม่มีเหตุอะไรทำให้เขาจะต้องไม่ยุ่งทางโลกด้วย ในเมื่อเขาเป็นคนธรรมดาแล้ว จะกิน ขี้ ปี้ นอน ก็เขาสึกมาแล้ว จะด่า ใครยังไงผมไม่คิดว่าเป็นประเด็น เขาทำในสิทธิ์ของเขา รับผิดชอบของเขาไป แต่ที่น่าถามคือ อยู่ในเพศสภาพผ้าเหลือง ทำไมถึง ยุ่งเรื่องทางโลกแบบเต็ม เกือบ 100 รักโลภโกรธหลง เต็มที่เลย พูดหยาบ มีกิเลส ใจร้อน มั่วสีกา เมายา ต่อยพระด้วยกัน เดินซื้อคอม หนังโป๊ มีลง Esport งี้ มีฟิตเนสออกกำลังกาย ขึ้นอี ขึ้นไอ้ ไปตั้งคำถามกับสิ่งที่อยู่ในกฏระเบียบข้อบังคับ แต่แหกมันเกือบทุกข้อน่าจะดีกว่า มาถามคนที่สึกแล้วละทิ้งเพศสภาพนั้นแล้ว

แล้วอีกอย่างไปเอาความคิดไหนมาว่าเป็นพระแล้วสึกออกมาแล้วต้องใจเย็น ผมก็เห็นเป็นพระใจร้อนเยอะแยะไปครับ แสดงออกเยอะด้วยครับ ตัวอย่างเช่นด้านล่างนี้ครับ

ไม่รู้จะแซะกันทำไม

ส่วนตัวผมต้องแยกความชอบกับความถูกต้องก่อน ต้องยอมรับว่าคนสมัยใหม่หรือวัยรุ่นแค่ชอบอะไรที่แปลกใหม่ เข้าถึงง่ายและเป็นกระแส พระตามที่จขม.ว่าก็เลยดัง (ในโซเชียล)


ส่วนที่หลายคนบอกยุคใหม่ก็ต้องปรับตัว ไม่งั้นก็ตายไป ผมว่าอันนี้ไม่ถูก ศาสนาและหลักคำสอนต้องการให้มีการเผยแผ่ มันก็ควรสอนสิ่งที่ถูก และนำปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสมด้วย ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่ทราบนะว่ามันต้องเคร่งแค่ไหน ทำยังไง ถ้าศาสนามันจะตายก็ปล่อยไป ดีกว่าให้พวกบิดเบือนเอามาหากิน
ส่วนตัวมองว่าพระดังๆอย่างไพรวัลย์และสมปอง ทำไม่ถูกต้องมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ยิ่งสึกออกมายิ่งน่าผิดหวังสำหรับแพรี่และสมปอง สองคนนี้ทำให้เสื่อมความน่าเชื่อถืออย่างแท้จริงว่าพระน้ำดีคงไม่มีอีกแล้วและทำให้ตอกย้ำว่าอย่าไปยึดตัวบุคคลและผ้าเหลือง ถ้าจะทำตามให้ยึดหลักคำสอนดีกว่า


ปล.ไม่ยกพระรูปอื่นอย่างกาโตะ เทพเทือกหรือรูปอื่นๆนะ เพราะอันนี้ชัดเจนว่าไม่มีราคาอยู่แล้ว

ผมขอเปรียบเทียบการศึกษาธรรมะกับ ระดับการศึกษาละกัน

คนทั่วไปที่ไม่รู้จักศาสนา ก็เปรียบเหมือนเด็กแบเบาะ
เราใช้แสงสีเสียง ในการทำให้เมล็ดศาสนาโตขึ้นในใจเด็กแบเบาะคนนั้น

พอเด็กคนนั้นโตขึ้นมาระดับอนุบาล(ระดับชาวพุทธทั่วไป) คือรู้จักศาสนาแล้ว แต่ไม่ได้เข้าใจศาสนา คนเผยแพร่ก็ต้องใช้กุศโลบายต่างๆ เพื่อให้เด็กอนุบาล รู้สึกสนุกกับการเรียนรู้ศาสนา ถ้าเป็นสมัยก่อน ก็ใช้ วัดวาอาราม รูปเคารพ ภาพเคารพ

พอโตมาระดับประถม(ระดับคนที่ฟังธรรม) เริ่มเข้าใจที่มาที่ไปของศาสนา เข้าใจประวัติ ชื่นชม ชื่นชอบ
วิธีเผยแพร่ก็ใช้ นิทานต่างๆ ในการเล่าให้ชาวพุทธฟัง คนฟังก็เพลิดเพลิน

โตขึ้นมาอีก ก็มัธยม(ระดับคนอ่านหนังสือ ทำความเข้าใจ) ตรงนี้เริ่มเรียนรู้เองได้ อ่านหนังสือธรรมะเอง เข้าถึงสื่อธรรมต่างๆเองได้

โตมาอีกก็ระดับ มหาลัยฯ(ระดับนักบวช บวชพระ บวชพราหม) จุดนี้เริ่มเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ หลายคนคิดว่า แค่ได้บวชก็คือว่าเรียนจบ ทั้งๆที่จริงแล้ว การได้ปริญญาทางธรรม มันต้องเข้าใจธรรมได้ในระดับนึง แต่หลายคน บวชเสร็จ ยังไม่เข้าใจธรรมด้วยซ้ำ เข้าใจแบบงูๆปลาๆ ลอกเค้ามา ออกมาพูดซะเหมือนตัวเองได้เกียรตินิยม

โตมาอีกก็ ป.โท (ระดับนี้สอนคนอื่นได้) มีความเข้าใจลึกซึ้ง แต่ก็ยังไม่ใช่ผู้ที่เข้าใจถ่องแท้หมดจรด

จนถึง ป.เอก (อรหันต์) มีความรู้ความเข้าใจถ่องแท้ สิ้นข้อสงสัยใดๆ ถึงจุดนี้ ก็ค่อยเลือกว่าจะไปนิพพาน หรือจะวนเวียนอยู่ใน ระบบ

ทีนี้ สิ่งที่คุณพูดถึง มันอยู่ในช่วง อนุบาลศาสนา ซึ่ง มันคือการพาคนไปรู้จักศาสนา แต่จุดมุ่งหมายจริงๆของคนทำคลิปคืออะไร? ทำเพื่อเผยแพร่ หรือ เพื่อ ยอดวิว

ฉะนั้น คนกลุ่มนั้นที่ใช้สิ่งที่ไม่ใช่หลักศาสนามาโปรโมทศาสนา เพื่อยอดวิว อย่านับรวมว่าเป็นการเผยแพร่ศาสนาที่ถูกต้องเลย