House of the dragon : บทความเรื่องคริสตัน โคล
"หน้าที่คือจุดจบของความรัก และความรักคือจุดจบของหน้าที่ (Duty is the Death of Love and Love is the Death of Duty.)" Maester Aemon เคยพูดไว้กับ Jon Snow และพอดูอีพีล่าสุดของ House of the Dragon มันทำให้ฉุกคิดขึ้นได้ว่าจริงๆ แล้ว Criston Cole นี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับ Jon เลยนะครับ ที่ปล่อยให้ความรักกับหน้าที่ขัดแย้งกันเอง
อันที่จริงแล้ว Ser Crispin ไม่ได้มีเกียรติขนาดนั้น แต่มีแง่มุมเห็นแก่ตัวไม่น้อยเลย จริงอยู่ที่มีเกียรติเรื่องที่สารภาพ และยอมตายดีกว่าที่จะอยู่กับคำโกหก และดูเป็นอัศวินเคร่งครัด แต่ Ser ก็ถือว่าขาดความ professional มีความหละหลวมในหน้าที่ และไม่คิดหน้าคิดหลังอยู่มาก มันจึงนำมาสู่จุดนี้ แต่มาสู่จุดนี้ไม่เท่าไหร่ อัศวินผ้าคลุมขาวไม่ควรที่จะหมายปององค์หญิงและปล่อยตัวปล่อยใจทำเกินเลยหน้าที่แต่แรก แต่เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ก็เกิดอาการผิดหวังและเจ็บช้ำใจ
ผมชอบฉากที่ Ser ตาลุกวาวชวนองค์หญิงไป Essos ตรงที่ทั้งสองคนที่ 'รักกัน' ต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเอง Ser อยากใช้ชีวิตกับองค์หญิง ส่วนองค์หญิงมี 7 อาณาจักรและ 'หน้าที่' ที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งถามว่า Rhaenyra นัก Criston มั้ย? แน่นอนว่ารักถึงได้ทำตามข้อตกลงกับ Laenor แต่ Ser แกไม่ได้เข้าใจทั้งสิ่งที่องค์หญิงแบกรับเลย ฟังก็ไม่จบ
มันจึงสอดคล้องกับสิ่งที่ Maester Aemon พูดครับ เพราะความรักเป็นสิ่งที่ทำให้หน้าที่มาถึงจุดจบ หรือก็คือหน้าที่ในการเป็นองค์รักษ์พิทักษ์องค์หญิงได้จบสิ้นแล้ว และในขณะเดียวกันการท่ีองค์หญิงเลือก Ser มารับหน้าที่นี้ เป็นจุดจบของความรักทั้งคู่
ซึ่งถึงแม้จะพูดแบบนี้ สิ่งนึงที่ผมชอบและสาเหตุที่ผมชอบอีพี 5 คือเราได้เห็นว่าตัวละครมีความเป็นมนุษย์ดีนะครับ สิ่งที่ Criston เป็นอยู่ รู้สึก และกระทำ ไม่ควรเกิดขึ้น แต่เพราะเขาเป็นมนุษย์ มันจึงเกิดข้อผิดพลาด และพอเกิดข้อผิดพลาด มันเลยเป็น conflict และดราม่าที่ดี รวมถึงความมี flaw ในฉบับซีรีส์ที่เด่นชัดก็ทำให้ Criston มีมิติและน่าสนใจกว่าฉบับหนังสือเยอะมากๆ และทำให้รู้สึกว่าเมคเซ้นส์แล้วที่ความภักดีเขาเปลี่ยนไปอยู่กับอีกฝั่ง (อันนี้ไม่น่าสปอยล์เนอะครับ ตัวอย่างมีซีนให้เห็นอยู่แล้วว่ายืนกับ Alicent)
ส่วนฝั่งองค์หญิง Rhaenyra ที่เป็นคนหัวใหม่และหาทางออกให้กับการอยู่กับระบบสมรสเพื่อการเมืองเองก็ช้ำใจไม่แพ้กัน ที่ใช่แหละสำหรับ Criston มันฟังดูแย่มากๆ ที่ต้องเป็น 'นายโลม' กับหลบๆ ซ่อนๆ ดูไร้เกียรติ (ยิ่งถูกอัศวินจุมพิตตอกย้ำด้วยแล้ว) แต่ความพยายามหา solution ขององค์หญิงกลายเป็นเรื่องเสียเปล่าไปเลย และยังทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นไปอีก โดยที่ Ser Crispin มององค์หญิงแบบแคบๆ เป็นคนรัก แต่ไม่เคยมองว่าเธอมีหน้าที่อะไรอยู่รอบข้างและบนบ่า
ฉากสารภาพกับ Alicent สำหรับผมมันจึงเป็นความเห็นแก่ตัวนิดๆ ที่โพล่งออกไปเพื่อความสบายใจตนเองที่ทนอยู่กับสภาพอกหักและเสียความบริสุทธิ์ระหว่างหน้าที่ไม่ได้ โดยที่ไม่ได้นึกถึงองค์หญิงแม้แต่น้อย ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง และเสื่อมเสียยังไง ราชินีจะทำอะไรกับเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่แต่แรกเขามีหน้าที่และถูกคัดเลือกเพื่อมาปกป้ององค์หญิง และเรื่องที่พูดไม่ได้กระทบเขาคนเดียว (แต่ในเวย์นึงก็เข้าใจได้ว่า Criston รับใช้อาณาจักรมากกว่าองค์หญิง และราชินีลำดับสูงกว่า)
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้บอกว่า Rhaenyra ทำถูกนะครับ พอๆ กันเลย การเล่นกับใจคนอื่นมันมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ และการแปรพักต์กับความผิดหวังของ Ser ที่ไม่ได้อยากเป็น Ser Friend with Benefits รวมถึงการที่เธอแต่งงานกับ Laenor และนั่งเรือไป Essos ด้วยไม่ได้ มันคือความผิดหวังอย่างเมคเซ้นส์ในฐานะของราคาที่ทั้งคู่ต้องจ่าย และทั้งคู่มีส่วนที่ทั้งทำให้เรารู้สึกเห็นใจ เข้าใจ กับรู้สึกอยากตำหนิติติงในเวลาเดียวกัน
สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือแง่มุมความเป็นมนุษย์เทาๆ ที่มีรัก โลภ โกรธ หลง ปล่อยตัวปล่อยใจ และมันมีแต่เรื่องของการตัดสินใจที่ถูก-ผิด เสียใจ-ไม่เสียใจ และส่งผลดี-ร้ายเท่านั้นที่เราไม่อาจรู้ได้จนกว่าเวลานั้นจะมาถึงและรู้อีกทีเราดันยืนอยู่ที่จุดนั้นซะแล้ว และทั้งหมดนี้คือสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงโลกของ Game of Thrones ได้ดีเลยครับ ที่ความรัก ความสัมพันธ์ ความสุข จะต้องมาคู่กับความผิดหวัง การกลับตาลปัตร ความเศร้าโศกเสียใจที่ไม่เป็นดั่งหวังเสมอ
ทั้งหมดคือ 'ความเป็นไปของสรรพสิ่ง' และในโลก Game of Thrones ตัวละครมักพบเจอชะตากรรมที่เจ็บปวดขมขื่น ไม่ได้ดั่งใจ โดยเฉพาะคนที่เป็นตัวละครหลักที่ค่าตัวเยอะกว่าคนอื่นหน่อย แต่ทั้งคนดูและตัวละครเองก็หวังลึกๆ กับภาวนาให้เรื่องนี้กับความสัมพันธ์นั้นๆ จบดีทีเถิด อย่าเชคเสปียร์เลยนะ