BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
20 September 2022 13:18 by Narueta
5 เรื่องน่ารู้ก่อนดู “ช้างศึก” ลุย “คิงส์ คัพ” ครั้งที่ 48
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)




หลังจากห่างหายไปถึง 3 ปี ในที่สุด ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ คัพ” ครั้งที่ 48 ก็ได้เวลากลับมาระเบิดความมันกันอีกครั้งในวันที่ 22 กันยายน และ 25 กันยายนนี้ ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี และวันนี้ เรามี 5 เรื่องน่ารู้ก่อนไปดู “ช้างศึก” ออกรบ

1.รู้หรือไม่? ทีมชาติไทย คือ ทีมที่คว้าแชมป์มากสุดถึง 15 สมัย นับตั้งแต่เริ่มจัดครั้งแรกในปี พ.ศ. 2511 และมีการจัดต่อเนื่องทุกปีจนถึงปัจจุบัน ยกเว้นในปี 2526, 2528, 2551, 2554 และ 2557 รวมถึงช่วงสถานการณ์ โควิด-19 แพร่ระบาด ในปี 2563 และ 2564 ซึ่งในบางปีจะมีการรับเชิญทีมสโมสรมาร่วมแข่งด้วย

อย่างไรก็ตาม แชมป์ครั้งแรกของ ทีมชาติไทย ต้องรอนานถึง 9 ปี หลังจาก 8 ครั้งแรก (2011-2018) มีโอกาสเข้าชิงถึง 4 หน แต่ผิดหวังตลอด จนกระทั่งได้ครองแชมป์ร่วมกับ มาเลเซีย ในปี 2519 หลังจากเสมอกัน 1-1 ส่วนครั้งสุดท้ายที่ได้แชมป์คือปี 2560 ด้วยการดวลจุดโทษชนะ เบลารุส 5-4 หลังเสมอกันในเวลา 0-0

2.รู้หรือไม่? ทีมชาติมาเลเซีย คู่แข่งด่านแรกในศึกคิงส์คัพครั้งนี้ เคยคว้าแชมป์ทั้งหมด 4 ครั้ง และเป็นการเจอ ทีมชาติไทย 2 ครั้ง ในปี 2015 (ชนะ ไทย 1-0), 2519 (ครองแชมป์ร่วมกับ ไทย หลังเสมอ 1-1) ส่วนอีก 2 ครั้งในปี 2520 (ครองแชมป์ร่วมกับ เกาหลีใต้ หลังเสมอ 0-0) และ 2521 (ชนะ สิงคโปร์ 3-2)

นอกจากนั้น ทัพ “เสือเหลือง” ยังเป็น 1 ใน 3 ชาติ ที่สามารถคว้าแชมป์ได้ 3 สมัยติดต่อกัน เช่นเดียวกับ ไทย และ เกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น มาเลเซีย ไม่ได้เข้าชิงชนะเลิศอีกเลย นับเป็นเวลายาวนานถึง 44 ปี



3.รู้หรือไม่? ทีมชาติไทย เอาชนะ มาเลเซีย ได้ครั้งล่าสุด ต้องย้อนไปในศึกชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014” รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ด้วยสกอร์ 2-0 หลังจากนั้นเจอกันอีก 5 นัดรวมทุกรายการ ทัพ “ช้างศึก” ก็ไม่เคยเอาชนะ “เสือเหลือง” ได้อีกเลย แบ่งเป็น เสมอ 2 แพ้ 3

20 ธ.ค. 2014 - มาเลเซีย ชนะ ไทย 3-2 (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง)
1 ธ.ค. 2018 - มาเลเซีย เสมอ ไทย 0-0 (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก)
2 ธ.ค. 2018 - ไทย เสมอ มาเลเซีย 2-2 (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง)
14 พ.ย. 2019 - มาเลเซีย ชนะ ไทย 2-1 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่มจี นัดที่ 4)
15 มิ.ย. 2020 ไทย แพ้ มาเลเซีย 0-1 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่มจี นัดสุดท้าย)

4.รู้หรือไม่? มาโน่ โพลกิ้ง เรียก 3 แข้งดาวรุ่งขึ้นมาติดทัพ “ช้างศึก” ลุยคิงส์คัพครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็น “ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว” ดาวรุ่งวัย 21 ปี หลังจากที่ไปค้าแข้งต่างแดนกับ อูนิโอน อดาร์เบ ในลีกดิวิชัน 4 ของสเปน ก็กลับมาทำผลงานโดดเด่ดจนกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงในทัพ “ฉลามชล” ฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับ “ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์” อีกหนึ่งดาวรุ่งจากอคาเดมี่ชลบุรีในวัยเพียง 20 ปี แต่ลงเล่นไทยลีกมาแล้วเกิน 50 เกม และยึดตำแหน่งตัวจริงถิ่นบูรพาตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา

อีกหนึ่งดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่อย่างรวดเร็วคือ “ธีรศักดิ์ เผยพิมาย” กองหน้าวัย 19 ปี ที่ได้เดบิวต์ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก่อนถูก การท่าเรือ เอฟซี ดึงตัวมาจาก พราม แบงค็อก ในเลกสองของฤดูกาลที่แล้ว แต่ไม่มีใครคาดหวังมากนัก จนกระทั่งมาระเบิดฟอร์มเปรี้ยงปร้างในฤดูกาลนี้หลังการเข้ามาของ สก็อตต์ คูเปอร์

5.รู้หรือไม่? สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เคยใช้เป็นสังเวียนฟาดแข้งฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” มาแล้ว ในครั้งที่ 42 เมื่อปี พ.ศ.2556 ซึ่งมี ทีมชาติสวีเดน, ฟินแลนด์ และเกาหลีเหนือ ร่วมชิงชัย ก่อนที่ สวีเดน นำโดยกัปตัน อันเดรส สเวนสัน จอมทัพเจ้าของสถิติลงเล่นให้ “ไวกิ้ง” มากที่สุด 148 นัด พาทีมคว้าแชมป์ไปครองด้วยการปราบ ฟินแลนด์ ที่มี มิคาเอล ฟอสเซล อดีตดาวยิงเชลซี ไปได้ 3-0 ในนัดชิง



ส่วน ทีมชาติไทย ชุดนั้น กุมบังเหียนโดย วินฟรีด เชเฟอร์ ประเดิมแพ้ ฟินแลนด์ 1-3 ก่อนชิงอันดับ 3 เสมอกับ เกาหลีเหนือ ไป 2-2 โดยมีขุมกำลังอย่าง ดัสกร ทองเหลา, ธีรเทพ วิโนทัย, อดุล หละโสะ รวมทั้ง สุมัญญา ปุริสาย และดาวรุ่งอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ซึ่งทั้ง 3 รายหลัง ยังมีชื่อลุยศึกคิงส์คัพครั้งนี้ด้วย

เตรียมตัวนับถอยหลังให้พร้อมกับศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 48 เพื่อเชียร์ “ช้างศึก” ประเดิมแมตช์แรกในวันที่ 22 กันยายนนี้ ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เริ่มเวลา 20.30 น.ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐทีวี และ AIS PLAY





แก้ไขล่าสุดโดย Narueta เมื่อ Tue Sep 20, 2022 13:19, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออนไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Nov 2006
ตอบ: 473
ที่อยู่: มุมๆหนึ่งที่ชั้น 3 ของออฟฟิศ
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2022 16:30
[RE: 5 เรื่องน่ารู้ก่อนดู “ช้างศึก” ลุย “คิงส์ คัพ” ครั้งที่ 48]
รู้หรือไม่ เคยชนะทีมชาติเยอรมัน มาแล้ว 5555
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะกัลโช่
Status: INVU https://www.youtube.com/watch?v=k0Kg8gYC3R0
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Dec 2007
ตอบ: 13194
ที่อยู่: เชียงใหม่
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2022 19:40
[RE: 5 เรื่องน่ารู้ก่อนดู “ช้างศึก” ลุย “คิงส์ คัพ” ครั้งที่ 48]

อ้างอิงจาก:
อย่างไรก็ตาม แชมป์ครั้งแรกของ ทีมชาติไทย ต้องรอนานถึง 9 ปี หลังจาก 8 ครั้งแรก (2011-2018) มีโอกาสเข้าชิงถึง 4 หน แต่ผิดหวังตลอด จนกระทั่งได้ครองแชมป์ร่วมกับ มาเลเซีย ในปี 2519 หลังจากเสมอกัน 1-1 ส่วนครั้งสุดท้ายที่ได้แชมป์คือปี 2560 ด้วยการดวลจุดโทษชนะ เบลารุส 5-4 หลังเสมอกันในเวลา 0-0  


หมายถึง 2511-2518 รึเปล่าครับ  
 
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel