เดือดดีแท้! โรดรีโก้,บัลเบร์เด้ ซัด "ราชัน" บุกปราบหมี 2-1 ชนะรวดนำฝูง
เป็นเกมดาร์บี้ที่เดือดได้ที่ทีเดียวก่อนที่ เรอัล มาดริด จะอาศัยความเด็ดขาดบุกไปเอาชนะ แอตเลติโก้ มาดริด 2-1 โดยพวกเขาได้ประตูจาก โรดรีโก้ และ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ก่อนที่ช่วงท้ายเกม มาริโอ เอร์โมโซ่ จะยิงตีไข่ให้เจ้าถิ่นก่อนแล้วมาโดนใบเหลืองแดงในช่วงทดเจ็บ ทำให้ราชันชุดขาวเก็บชัย 6 นัดรวด มี 18 แต้มเต็มพร้อมกลับไปนำจ่าฝูงลาลีก้าตามเดิม
แอตเลติโก้ มาดริด
Starting Formation: 3-5-2
6.
โกเก้
72'
6
5.
โรดริโก้ เด ปอล
62'
7
4.
เจฟฟรีย์ ก็องด็อกเบีย
81'
6
21.
ยานนิค การ์ราสโก้
72'
6
7.
เจา เฟลิกซ์
62'
6
ตัวสำรอง
9.
มาเตอุส คุนญ่า
62'
6
19.
อัลบาโร่ โมราต้า
62'
6
22.
มาริโอ เอร์โมโซ่
72'
5.5
17.
ซาอูล ญีเกซ
81'
6
10.
อังเคล คอร์เรอา
72'
6
ลาลีก้า
สนาม ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่
อาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2565
กรรมการ โฆเซ่ มูเนวร่า
แอตเลติโก้ มาดริด
1
2
เรอัล มาดริด
0-1 โรดรีโก้ 18'
0-2 บัลเบร์เด้ 36'
กรีซมันน์ตัวจริงหมี, ราชันขาดเบนซ์
แอตเลติโก้มาเล่นในระบบ 3-5-2 โดยข่าวดีที่สุดของพวกเขาคือการที่นายด่านอย่าง โอบลัค ฟิตกลับมาเฝ้าเสาได้ ขณะที่แนวรุกก็น่าสนใจเมื่อ กรีซมันน์ ได้ออกสตาร์ทตัวจริงนัดแรกในฤดูกาลนี้คู่กับ เฟลิกซ์
ัฝั่งเรอัล มาดริดในระบบ 4-3-3 แนวรุกพวกเขายังไม่มี เบนเซม่า ที่ฟิตไม่ทัน ทำให้สามประสานยังยึดเป็น วินิซิอุส,โรดรีโก้,บัลเบร์เด้
• เจอกันนัดล่าสุดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แอตเลติโก้ เปิดบ้านชนะ 1-0 แต่ก่อนหน้านั้นเจอกันในลีก 11 นัด เรอัล มาดริด ไม่แพ้ (ชนะ 5 เสมอ 6)
• เรอัล มาดริด ชนะในลีก 5 นัดติด และชนะมา 8 นัดติดทุกรายการ
ตราหมีทักทายก่อน
โอกาสลุ้นครั้งแรกในเกมเป็นของเจ้าถิ่นอย่างแอตเลติโก้ จังหวะที่เด ปอลเปิดฟรีคิกลึกเข้าไปในกรอบเขตโทษให้เฟลิเป้โฉบโหม่งบอลย้อยข้ามมือคูร์กตัวส์ตกหลังคา
การ์ราสโก้ซัดแฉลบเข้าหน้าต่าง
แอตเลติโก้ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่การ์ราสโก้ได้บอลกระชากลุยมาถึงหน้ากรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่เขาจะแต่งซัดด้วยขวาไปแฉลบบล็อคการ์บาฆาลพุ่งแรงหลุดเสาแรกเข้าหน้าต่างไป
ก็องด็อกเบียส่องไกลหลุดกรอบ
อีกครั้งของแอตเลติโก้ คราวนี้เป็นก็องด็อกเบียที่ลองซัดไกลด้วยซ้ายแต่บอลพุ่งแรงหลุดกรอบออกหลังไป
อย่างสวย!ชูอาเมนี่ตักเป๊ะเวอร์ โรดรีโก้หลุดซัดไม่เหลือ 1-0 ราชันเฮ
ราชันชุดขาวมาได้ประตูขึ้นนำจากโอกาสลุ้นชัดเจนครั้งแรกของพวกเขา เป็นจังหวะที่โรดรีโก้ฝากบอลให้ชูอาเมนี่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่เขาจะยกข้ามแนวรับแอตเลติโก้ให้โรดรีโก้โฉบหลุดไปดีดสวนตัวโอบลัคตุงตาข่าย 1-0 ทีมเยือนบุกนำ
อ๋องตะบันติดเซฟคูร์กตัวส์
ตราหมีเกือบตีเสมอได้เหมือนกันจากจังหวะที่กรีซมันน์ได้บอลกระชากมาที่หน้ากรอบเขตโทษก่อนแต่งซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งตรงกรอบแต่ยังโดนคูร์กตัวส์พุ่งปัดออกไปได้
เค้าอีกแล้ว!บัลเบร์เด้ซ้ำจ่อ 2-0 ราชันเด็ดขาด
แล้วทำไปทำมาราชันมาได้ประตูหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่โมดริชทำชิ่งให่วินิซิอุสสปีดพาบอลหลุดไปถึงกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนที่เขาจะจิ้มยิงไปชนเสา แต่บอลยังเด้งออกมาเข้าทางบัลเบร์เด้ที่ตามมาซ้ำจ่อๆไม่พลาด
การ์ราสโก้พลิ้วซัดติดเซฟคูร์กตัวส์
อีกครั้งที่แอตเลติโก้น่าได้ประตู การ์ราสโก้ได้บอลลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนมีช่องซัดด้วยซ้ายไปติดเซฟคูร์กตัวส์
เด ปอลส่องไกลยังติดเซฟ
ตราหมีได้ลุ้นอีกแล้ว คราวนี้เป็นจังหวะที่เฟลิกซ์แย่งบอลได้แล้วฝากให้เด ปอลที่แต่งเข้าขวาแล้วซัดไกลราว 25 หลา บอลพุ่งตรงกรอบแต่ก็ไปติดเซฟคูร์กตัวส์
สุดท้ายจบครึ่งแรกเป็นราชันที่นำไปก่อน 2-0 พวกเขามีโอกาสน้อยกว่าแต่เด็ดขาด
หมีเกมตันต้องเปลี่ยนแนวรุก
ครึ่งหลังผ่านไปพอสมควรแล้วแต่ทั้งสองฝั่งยังหาจังหวะเข้าทำแบบจะแจ้งไม่ได้ โดยเฉพาะฝั่งตราหมีที่ต้องเปลี่ยนแนวรุก โดยส่งคุนญ่าลงไปแทนเฟลิกซ์ แถมเติมโมราต้าและถอดมิดฟิลด์อย่างเด ปอลอีกด้วย
บัลเบร์เด้ซัดฟรีคิกข้ามคาน
ราชันได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษระยะราว 25 หลา พวกเขาเล่นลูกสูตรโครสเขี่ยคืนให้บัลเบร์เด้ซัดด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งผ่านกำแพงก่อนเหินข้ามคานไป
ตราหมีได้ฮึด!เอร์โมโซ่ทำประตูเฮง 2-1
แล้วแฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮเมื่อพวกเขามาได้่ประตูตีไข่ไล่มาเป็น 2-1 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาที่กรีซมันน์เปิดเข้าไปแล้วมิลิเตาโหม่งเคลียร์ไม่ดีแล้วบอลเปลี่ยนทางไปโดนบริเวณไหล่ของเอร์โมโซ่เปลี่ยนทางเข้าไปเลย ตราหมียังมีฮึด
เอร์โมโซ่เสียเหลี่ยมโดนไล่
ช่วงทดเจ็บเกมชัดเดือดแล้วมามีใบแดงจนได้ เป็นเอร์โมโซ่ที่ไปเสียเหลี่ยมทำฟาวล์เซบาญอสในจังหวะที่พยายามชิงเหลี่ยมเล่นลูกเตะมุม ผูตัดสินควักใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่เขาออกจากสนามไป
ราชันชนะรวด 6 นัดนำฝูง
สุดท้ายราชันชุดขาวปิดเกมเอาชนะไป 2-1 ทำให้พวกเขาชนะรวด 6 นัด กลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงตามเดิม ส่วนตราหมีรังที่ 7 ของตาราง ห่าง 8 แต้มเข้าไปแล้ว
เรอัล มาดริด
Starting Formation: 4-3-3
23.
แฟร์ลองด์ เมนดี้
75'
7
8.
โทนี่ โครส
86'
7
10.
ลูก้า โมดริช
82'
7
21.
โรดรีโก้
86'
7.5
ตัวสำรอง
19.
ดานี่ เซบาญอส
86'
6
22.
อันโตนิโอ รูดิเกอร์
75'
6
12.
เอดัวร์โด้ คามาวินก้า
82'
6
11.
มาร์โก อเซนซิโอ้
86'
6
แก้ไขล่าสุดโดย MEGITSAMA เมื่อ Mon Sep 19, 2022 04:11, ทั้งหมด 7 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ