“ปืน” 7 นัดชนะ 6 โพสจาก iPhone 14 pro
ผมคล้อยตามคอมเมนท์ของ โธมัส แฟร็งค์ กุนซือ เบรนท์ฟอร์ด ที่เชื่อว่า อาร์เซนอล คือผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกตัวจริงเสียงจริงในฤดูกาลนี้อย่างเป็นทางการ
เป็นเสียงสะท้อนต่อชัยชนะ 3-0 ที่สนาม จีเทค คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม ด้วยฟอร์มการเล่นที่ outclass ของเด็กๆของ มิเกล อาร์เตต้า ที่ไม่มีทั้ง มาร์ติน โอเดการ์ด และ โอเล็กซานเดร ซินเชนโก้ 2 ตัวหลักสำคัญพร้อมๆกัน
ด้วยความเจนประสบการณ์ของ แฟร็งค์ แกดักคอฝั่ง “ปืนใหญ่” ทันทีว่า อาร์เตต้า คงไม่ “ยินดีรับ” คำอวยที่จะสร้างความกดดันภายในทีม (จากเดิมเป้าหมายคือแค่ top4)
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานในสนามและชัยชนะ 6 จาก 7 เกมที่ทำให้ อาร์เซนอล กลับคืนสู่บัลลังก์จ่าฝูงจนใครต่อใครมองว่า “พร้อมแล้ว”
ครับ วันนี้เราได้รับชมฟุตบอลของเหล่าพลพรรค “ปืนใหญ่” ที่น่าเกรงขามและเห็นได้ว่าทุกๆนาทีที่ผ่านระดับบอลยิ่งห่างกันชัดเจน
ความดุดันในการเข้าบอลที่เคยนวดทีมใหญ่ๆมาก่อนหน้านี้ของ “ผึ้งพิฆาต” ไม่เหลือเค้าผลงาน “มาสเตอร์พีซ” แพ้หนเดียวในบ้านตลอด 17 เกมที่ทำศึกลอนดอน ดาร์บี้ แมทช์เลย
นักเตะ “จ่าฝูง” รับส่งบอลกันสบายๆจนกระทั่งมาได้ประตูจากลูกเตะมุม ทุกอย่างเข้าทาง “ปืนใหญ่” แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ผมเห็น เบรนท์ฟอร์ด พยายามใช้ลูกไม้เดิมคือเล่นบอล direct โดยฝากความหวังไว้ที่หน้าคู่ทั้ง ไบรอัน เอ็มบูโม่ และ ไอแวน โทนี่ย์
แต่จุดที่ทำให้แผนของเจ้าถิ่นไม่เวิร์คเหมือนที่ผ่านๆมาเนื่องจากฝั่ง อาร์เซนอล วิ่งไล่บอลกันขยันขันแข็งตั้งแต่หน้าประตู
ด้วยความที่ เบรนท์ฟอร์ด ต้องการรักษาหลังบ้านตัวเองเป็นเรื่องหลัก พวกเขาก็ต้องจ่ายค่า “ต๋ง” กับวิธีการคุมโซนลึก
ใช่ครับยิ่งยืนลึกและถูกเพรสตลอดแบบนี้ข้างหน้าจะมีตัวเลือกน้อย (เพราะส่วนใหญ่ยืนใกล้ๆกันหน้าเขตโทษ) ท้ายที่สุดเป็นแข้ง “ปืนใหญ่” (กลางและเซนเตอร์) โอบล้อมรอดักกินบอล
ในระหว่างที่ “ผึ้งน้อย” ยังไม่ถึงกับหมดหวังกับการตามประตูเดียวก็ดันเกิดปรากฏการณ์ลูกโขก/จ่ายที่สมบูรณ์แบบพร้อมๆกัน
แว่บแรกผมนึกถึงเกมที่ เจา คันเซโล่ ไซด์ก้อยให้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กระโดดถีบบอลสุดสวยให้ แมนฯซิตี้ เอาชนะ ดอร์ทมุนด์ ในเกม UCL เมื่อกลางสัปดาห์
คราวนี้ต่างกันที่ ชาก้า (วันนี้เล่นดีจัดทั้งรุก/รับ) เปิดบอลเท้าข้างถนัดด้วยไซด์โป้งด้วยน้ำหนักที่พอดี ขาดเกินกว่านี้พื้นที่ไม่เหลือแล้ว
ผมตั้งข้อสังเกตว่า เบรนท์ฟอร์ด วางแผนคุมกำลังพลในเขตโทษเพื่อดักลูกจากริมเส้นเพราะรู้ว่าสไตล์ “ปืนใหญ่” ไม่ใช่บอลเปิดจากมุมกว้างหน้าเขตโทษ
สมมุติฐานนี้มีแนวโน้มว่าจะใช่เพราะลูก 2-0 และ 3-0 ตัว “กันชน” หลวมมากเหมือน แฟรงค์ ไม่ให้ความสำคัญกับจุดตรงนี้ เป็นเหตุทำให้ ชาก้า และ ฟาบิโอ วิเอร่า มีเวลาตั้งเท้าเหลือเฟือ
บอลขาด 3-0 ตั้งแต่นาที 49 คงไม่ต้องลงรายละเอียดรูปเกมที่เหลือให้เสียเวลา ทุกๆพื้นที่ของสนามฝั่งเจ้าถิ่นไล่ไม่จน เหมือนมีตัวน้อยกว่าไปทุกจุด เป็นการปิดเกมง่ายๆที่ไม่ต้องสุ่มเสี่ยงให้มีผู้เล่นเจ็บเพิ่มไปในตัว
ครับนับตั้งแต่แพ้พลิกล็อกให้ เบรนท์ฟอร์ด 2-0 เมื่อซีซั่นที่แล้วจวบจนวันนี้ผ่านมาแล้ว 13 เดือนซึ่ง ณ วันนี้ อาร์เซนอล ถือว่าเดินตาม “โร้ดแมพ” การสร้างทีมเร็วกว่าปฏิทินที่วางเอาไว้หลายปี ทางลัดที่ อาร์เตต้า จูงลูกทีมเดินมาถึงตรงนี้ได้ฝีมือล้วนๆครับ
การทดแทนตำแหน่งตัวจริงโดยมาตรฐานการเล่นไม่แกว่งหมายความว่ากำลังสำรองของ “ปืนใหญ่” สามารถหมุนเวียนในระยะยาวได้แน่ๆ
ฟาบิโอ วิเอร่ แข้ง โปรตุกีส ที่วันนี้โชว์อาวุธยิงไกลที่อาจเป็นที่พึ่งในเกมอื่นๆรวมถึงวิชั่นการจ่ายบอลที่ดูแล้วมีของอีกเยอะ
ขาดแต่เพียงแค่ตัวทดแทน โธมัส ปาเตย์ ที่เราเห็นกันแล้วว่าการมีอยู่ของแข้งทีมชาติ กาน่า วัย 29 ปีสร้างสมดุลให้เกมรับ “ปืนใหญ่” แค่ไหน
น่าเสียดายจังหวะเวลาดันไม่เป็นใจเพราะถ้าไม่มีโปรแกรมทีมชาติมาคั่นเราจะได้เห็นศึก นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ แมทช์ที่ทั้ง อาร์เซนอล และ สเปอร์ส กำลังฟอร์มกะทะร้อนพอดี
แต่ 1 ตุลาคม อีก 2 วีครอได้ไม่นานเกิน เดิมพันครั้งนี้ยิ่งใหญ่มหาศาล ทั้งจ่าฝูงและศักดิ์ศรี...
สถิติ สถิติ สถิติ
อีธาน เอ็นวาเนรี แข้งดาวรุ่ง อาร์เซนอล (15 ปี 181 วัน) สร้าง 2 สถิติในเกมเดียวโดยเป็นนักเตะคนแรกที่อายุต่ำกว่า 16 ปีที่ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก และยังล้มสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในรายการนี้ของ ฮาร์วีย์ เอเลียตต์ (16 ปี 30 วัน พบ วูลฟ์ ปี 2019) ลงเรียบร้อย
ในบรรดา 19 นักเตะของ “ปืนใหญ่” ที่ยิงประตูในการลงเล่นตัวจริงหนแรกใน พรีเมียร์ลีกมีเพียง ฟาบิโอ คนเดียวเท่านั้นที่ยิงได้จากนอกเขตโทษ
บูกาโย่ ซาก้า มีส่วนร่วมกับประตูใน พรีเมียร์ลีกให้ อาร์เซนอล 36 ลูก (18 ประตู 18 แอสซิสต์) โดย ณ ตอนนี้อยู่อันดับ 2 ทำเนียบนักเตะอายุ 21 (หรือน้อยกว่า) ของสโมสรแซงหน้า นิโกลาส์ อเนลก้า (35) และตามหลังอันดับ 1 อย่าง เชสก์ ฟาเบรกัส (63)
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Mon Sep 19, 2022 00:26, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ