‘เรอัล มาดริด’ ในยุคนี้ ไม่ใช่ทีมที่เอาชนะคู่แข่งด้วยผลสกอร์เป็นกอบเป็นกำเหมือนที่เราคุ้นตา สาเหตุก็เนื่องจากการที่พวกเขากำลังอยู่ในช่วงถ่ายเลือดใหม่ แต่ทว่าความแข็งแกร่งและความน่าเกรงขามของราชันชุดขาวก็ยังคงมีอยู่เฉกเช่นเดิม! และ ‘เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้’ คือ 1 ในเบื้องหลังของความแข็งแกร่งและความน่าเกรงขามที่ว่า

ในเกมการแข่งขันหนล่าสุด ณ สนาม ‘สเตดิอาโก เบร์นาเบว’ เป็นแฟนบอลฝั่งทีมเยือนที่ได้กระหึ่มเสียงเชียร์ไปก่อน เมื่อ ‘เวดัต มูริกี’ ศูนย์หน้าชาวโคโซวานโขกประตูให้ ‘มายอร์ก้า’ ขึ้นนำ จนกระทั่ง 13 นาทีต่อมา เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ หรือที่หลายคนเรียกว่า ‘เฟเด้’ เกิดนึกคึกลากบอลครึ่งสนามมาจากทางฝั่งแดนของทีมตัวเอง ขึ้นมายิงประตูตีเสมอสุดสวยแบบเนียนกริบ



โมเมนตัมกลับมาอยู่กับฝั่งเจ้าบ้านอีกครั้ง จนท้ายที่สุดเรอัล มาดริดก็เก็บ 3 แต้มไปได้อย่างที่หลายคนคาด ส่งผลให้ทีมราชันชุดขาวเป็นสโมสรเพียง 1 เดียวใน 5 ลีกสูงสุดของยุโรปที่ยังถือครองชัยชนะอย่างต่อเนื่อง!

ถึงแม้ว่าบัลเบร์เด้จะไม่ได้โดดเด่นที่สุดในสนาม แต่ก็เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับชัยชนะ อีกทั้งฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวก็ดูดีขึ้นอยู่เรื่อย ๆ จากทุก ๆ นัดที่ลงเล่น สังเกตได้จาก 8 เกมหลังสุดของเขา เขามีส่วนร่วมกับการทำประตูไปแล้วถึง 5 ลูกด้วยกัน! สามารถกอบโกยคำชมจากแฟนบอลและสื่อหลายสำนักมาไม่น้อย นี่คือคนที่ถูกจับตามองในฐานะ...ว่าที่กองกลางเบอร์ 1 ของโลก!?

เชื่อหรือไม่ว่าเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลของบัลเบร์เด้เริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนที่เขามีอายุเพียงแค่ 2 ขวบ? ภายในบ้านหลังหนึ่ง ณ เมืองหลวงของประเทศอุรุกวัย บัลเบร์เด้น้อยมักชอบเตะลูกฟุตบอลให้เข้าตาข่ายอยู่เป็นประจำในห้องนั่งเล่นของเขา เขาทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายชั่วโมงโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อ นั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้คนในบ้านรับรู้ว่าโชคชะตาของเจ้าหนูคนนี้ คือการเกิดมาเพื่อเป็นนักฟุตบอล!

กระทั่งเข้าสู่ช่วงวัย 3 ขวบ บัลเบร์เด้น้อยที่ฟันแท้ยังไม่งอก เอ่ยปากบอกกับที่บ้านว่าตัวเขาต้องการลงแข่งขันฟุตบอล แน่นอนว่าที่บ้านก็พร้อมสนับสนุนเป็นอย่างดี พวกเขาส่งบัลเบร์เด้น้อยไปเข้าร่วมกับสโมสรเล็ก ๆ ในเมืองบ้านเกิด

จากนั้นบัลเบร์เด้ก็หมกหมุ่นอยู่กับฟุตบอลตลอดเวลา กระทั่งเริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทีม ‘เปญญาโรล’ สโมสรชื่อดังในประเทศอุรุกวัย เขาได้มีโอกาสเจอกับ ‘ดิเอโก ฟอร์ลัน’ ที่เสมือนเป็นไอดอลตั้งแต่เด็ก และสิ่งที่ฟอร์ลันได้สอนเขา คือทุกอย่างที่จะนำเขาไปสู่การเป็นนักฟุตบอลระดับโลก

แต่ใช่ว่าเส้นทางของบัลเบร์เด้จะถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่บัลเบร์เด้ต้องเผชิญกับปัญหาทางเดินหายใจและปอด จนเกือบจะต้องอำลาวงการลูกหนังไปตลอดชีวิต แต่เพราะความสู้ไม่ถอยบวกกับวิทยาการทางการแพทย์ที่เขาได้รับ มันทำให้เขากลับมาได้ในท้ายที่สุด

ด้วยความที่ฝีเท้าของเขามันชวนให้ต้องได้รับความสนใจ บัลเบร์เด้ถูกเรอัล มาดริดดึงตัวไปในปี 2016 จากนั้นเขาก็เล่นให้กับทีมสำรองบวกกับการถูกปล่อยไปยืมตัวอยู่พักหนึ่งก่อนจะตบเท้าขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ ซึ่งเฮดโค้ชที่เริ่มให้โอกาสกับเขาในตอนนั้นคือ ‘ซีเนดีน ซีดาน’



แต่มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่บัลเบร์เด้จะยึดตำแหน่งตัวจริงได้ในยุคของซีดาน เพราะช่วงเวลานั้นกองกลางของทัพราชันชุดขาวเต็มไปด้วยผู้เล่นระดับโลก ทว่าอีกนัยหนึ่งกลับเป็นเรื่องที่ดีที่เขาจะได้ใช้ช่วงเวลากับนักเตะเหล่านั้นสำหรับการเก็บพักลักจำเทคนิคต่าง ๆ โดยเฉพาะกับ ‘ลูกา โมดริซ’ , ‘โทนี โครส’ และ ‘คาซิมิโร่’ ที่ทำการคายตะขาบสืบทอดทายาทให้กับบัลเบร์เด้ จนเขาสามารถขึ้นมาเป็นตัวหลักของเรอัล มาดริดในชุดปัจจุบันนี้ได้สำเร็จ

อีกหนึ่งคนที่ทำให้บัลเบร์เด้พัฒนาได้อย่างก้าวกระโดดคือ ‘คาร์โล อันเชล็อตติ’ ผู้จัดการทีมฉายามาเฟีย โค้ชรุ่นเก่าแต่ดันมีความทันสมัยและมีความยืดหยุ่นสูง เขาใช้หลาย ๆ โอกาสในเกมการแข่งขัน โยกบัลเบร์เด้ไปเล่นตรงนั้นทีตรงโน้นที ประเดี๋ยวกองกลางประเดี๋ยวปีกขวา บ้างก็ให้ไปเล่นเป็นแบ็คขวาอยู่บ่อย



ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้บัลเบร์เด้ได้เรียนรู้บทบาทหรือทักษะใหม่ ๆ ที่ต้องนำมาใช้กับการเล่นฟุตบอล และถ้าให้พูดตรง ๆ ด้วยความสัจจริง ไม่ใช่ใครก็สามารถทำเหมือนอันเช่ได้...เพราะถ้าการทดลองไม่ได้ถูกทดลองโดยนักทดลองที่ดีแล้ว นักเตะอาจจะไขว้เขวและลดประสิทธิภาพในการพัฒนาตัวเองไป

ตอนนี้เจ้าของฉายา ‘นิว สตีเว่น เจอร์ราร์ด’ อย่างบัลเบร์เด้ กลายเป็นนักเตะตัวสำคัญที่เรอัล มาดริดขาดไม่ได้! เมื่อดูจากมูลค่าค่าฉีกสัญญาที่สูงถึง 1,000 ล้านยูโร ก็รับรู้ได้ทันทีว่าเรอัล มาดริดตั้งใจวางรากฐานกับนักเตะคนนี้มากขนาดไหน

เขาเป็นนักฟุตบอลที่มีความครบเครื่อง กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีและสภาพแวดล้อมที่ดี มันไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจหากวันหนึ่งเขาจะได้ขึ้นแท่นเป็นกองกลางเบอร์ 1 ของโลก ทว่าการจะไปถึงจุดนั้นได้ ตัวเขาเองก็ต้องผ่านด่านทดสอบอีกหลายต่อหลายอย่าง ยังมีความสำเร็จอีกคับคั่งที่เขาต้องคว้ามันมา

_______________________
SoccerSuck พร้อมนำเสนอรายการที่ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล!
ผ่านทุกช่องทางของ SoccerSuck TH แล้วที่
Facebook: https://bit.ly/3DeU6BX
Instagram: https://bit.ly/3xzln0z
YouTube: https://bit.ly/3reBi3f
TikTok: https://bit.ly/3Oq18JC
Blockdit: https://bit.ly/3qU7B5G

ถ้าไม่กดดันแบบซาอูลของแอตมาดริด บัลเบร์เด้ก็คงระดับแนวหน้าในอนาคต

คนชอบไป hype นักเตะดาวรุ่งอย่าง ชูอาเมนี่ กับ คามาวิงกา ไง

วัลเวอเด้ คนเพิ่งจะพูดถึงมากขึ้น ช่วงหลังๆนี้เอง

อันเดอเรท มานาน

คนนี้แฟนบอลรู้ดีครับ จรวดทางเรียบพลังไดนาโม ไม่ได้มาเพราะเรื่องบังเอิญ

ของจริง

น่าจะโดนตรวจโด๊ปบ่อยๆ มันวิ่งไม่หมดสักที

ปีก่อนนู้นที่แอต.ได้แชมป์ ตอนนั้นอย่างแบกช่วงท้ายเลย พอมาเจ็บ=แตกพ่าย

นกน้อยลูกรักของฉัน ฉันคอยเชียร์นะ

โครตดีคนนี้

ในเกมส์เอามายืนกลางคู่กับเดอยอง

เล่นระบบ รุกโครตมันส์ส่วนรับช่างแม่ง

ผมชอบนะ อยากให้เชลซีไปคว้ามา แต่คงยาก

จริงๆ ไม่ต้องไปเอา จูด จากดอลมานะ

คามาวืงก้า----บัลเบเด้
ชูอาเมนี่

ให้ 3 คนนี้เล่นด้วยกันบ่อยๆ
จะกลายเป็น กลางระดับโลกได้ไม่ยาก
อายุไม่เกิน 24 สักคน ใช้งานยาวๆ

ส่วนตัวผมชอบมาดริดตรงนี้มากๆ กองกลางต้องโคตรแข็ง แถวนี้มันเถื่อนไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ เป็นทีมที่กล้าลงทุนกับกองกลางพรสวรรค์สูงๆอย่างต่อเนื่อง เติมของตลอด ตั้งแต่รุ่นก่อนๆแบบ อิสโก้ เซบายอส โควาซิซ โอเดการ์ดนี่ก็ระดับ A ของทีมอื่นได้เลย ล่าสุดก็สอย คามาวิงก้า ชูอาเมนี่ ที่ต้องเจียระไนเพิ่ม แต่ถ้าเก่งจริงมาดริดก็ยืนระยะได้สบาย เพราะแกนกลางอายุยังน้อยๆ แถมมีตัวเก๋าประคอง