วิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ AEW : สรุปทุกปัญหา CM Punk vs. The Elite

ยังคงอื้อฉาวอย่างต่อเนื่องสำหรับปัญหาหลังฉากที่เกิดขึ้นภายใน AEW ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนว่าจะถึงขั้นแตกหักกันจริง ๆ เสียแล้ว หลัง CM Punk ด่าใส่ The Elite แบบหมดปลอก จนฝ่ายหลังขู่จะออกจากสมาคมหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นในเร็ววันนี้

ผมตัดสินใจสรุปทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของทั้งสองฝ่ายเป็นหัวข้อเพื่อให้อ่านและเรียงลำดับกันแบบง่าย ๆ โดยผมจะเริ่มเรียงลำดับจาก แนวคิดของ Punk -> สถานการณ์ของ The Elite และ AEW -> แนวคิดของ TK

- พิจารณาจากการอธิบายสถานการณ์ของ Sean Ross Sapp ในรายงานของ Fightful Select และการพูดคุยกันระหว่าง Dave Meltzer กับ Bryan Alvarez ในรายการ Wrestling Observer Live เห็นได้ชัดว่า CM Punk ไม่พอใจที่กระแสข่าวก่อนหน้านี้ของเหล่าสื่อ Dirtsheet รายงานไปในลักษณะที่ว่า CM Punk เป็นคนแสดงอาการไม่มืออาชีพ และเป็นผู้เริ่มต้นปัญหาหลังฉากทั้งหมดที่เกิดขึ้นใน AEW ตอนนี้

ทั้ง SRS และ Alvarez ยืนยันว่าพวกเขาเสนอข่าวตามสิ่งที่พวกเขาได้ยินจากหลังฉาก AEW จริง ๆ ไม่มีการบิดเบือนหรือใส่สีตีไข่อะไรทั้งสิ้น Alvarez ยังถึงกับย้ำอีกว่า ตัวเขาเองรายงานเช่นกันว่ามีนักมวยปล้ำไม่น้อยที่ยืนอยู่ข้าง Punk และมองว่าปัญหาทั้งหมดเริ่มจาก Hangman แต่ดูเหมือนว่า Punk จะไม่สนใจในรายละเอียดตรงนี้ และเหมารวมไปเลยว่าการรายงานข่าวของสื่อเหล่านี้เป็น “คำโกหก” (อ้างอิงจากคำพูดของ Punk ใน Media Scrum)

- นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Punk แค้นฝังหุ่นใครก็ตามที่มีปัญหาเขา และเลือกที่จะโจมตีศัตรูของตนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยสองคู่หูจาก WON ย้ำอีกครั้งว่าปัญหาระหว่าง Punk กับ Hangman ก่อน Double or Nothing เป็นสิ่งที่พวกเขารับรู้และลืมไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงคนเดียวที่จะยังไม่ลืมเรื่องนี้คือ Punk นำมาสู่การโจมตี Hangman อย่างน่าเกลียด เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนหน้า

- Meltzer รายงานว่า CM Punk กำลังมองเป็นนักมวยปล้ำหมายเลขหนึ่งใน AEW ทั้งในแง่ของซูเปอร์สตาร์และนักมวยปล้ำที่มีประสบการณ์สูงที่สุดคนหนึ่งในห้องแต่งตัว เพื่ออธิบายให้ง่ายขึ้น ผมจะแบ่งมุมมองที่ Punk กำลังมีต่อตัวเองเป็นสองแบบคือ “เดอะ ดรอว์” และ “เดอะ กูรู”

- เดอะ ดรอว์ คือมุมมองในตอนนี้ที่ CM Punk เชื่อว่าเขาเป็นนักมวยปล้ำที่สามารถดึงดูดคนดูได้มากที่สุดในปัจจุบัน โดยหลักฐานความสำเร็จของเขาคือจำนวนรายได้จากค่าตั๋วศึก DoN 2022 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ AEW สามารถเก็บค่าตั๋วได้มากกว่า 1 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ และถึงแม้คู่เอกในวันนั้นจะมี Hangman ด้วยก็ตาม แต่เนื่องจากปัญหาของทั้งคู่ Punk จึงเลือกรับเครดิตทั้งหมดเข้าหาตัวเอง

การเก็บค่าตั๋วได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากของ AEW และ Tony Khan ก็ภูมิใจมากในความสำเร็จตรงนี้ ซึ่งนับถึงปัจจุบัน AEW ทำยอดตรงนี้ได้ 3 ศึกติดต่อกันแล้ว และถึงแม้ Forbidden Door จะปราศจากชื่อของ Punk แต่การกลับมาเป็นท็อปดรอว์ใน All Out ก็ยิ่งทำให้ Punk เชื่อว่าตัวเองคือหมายเลขหนึ่งของสมาคม

- ส่วนมุมมอง เดอะ กูรู คือแนวคิดที่ Punk เชื่อว่าตัวเองเป็นท็อปสตาร์ที่มีประสบการณ์มากที่สุดใน AEW โดยเป็นรองแค่ Chris Jericho เพียงคนเดียวเท่านั้น ... ถึงตรงนี้คุณอาจงงว่าแล้ว The Elite ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรเลยเหรอ คำตอบคือ Punk ไม่ได้มอง NJPW เป็นลีกใหญ่ และเหตุผลที่ Punk มองตัวเองเป็นกูรูก็เพราะว่าเขาคือไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จมหาศาลใน WWE บิ๊กลีกเพียงแห่งเดียวที่ Punk ยอมรับ หากไม่นับ AEW ที่เขาทำงานให้ในตอนนี้

Punk ที่เชื่อว่าตนเองเป็นเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จใน WWE จึงยินดีที่จะสอนใครก็ตามที่พร้อมจะรับฟังคำแนะนำของเขา (FTR เองก็เคยพูดเรื่องนี้) แต่ประเด็นคือไม่ใช่ทุกคนที่จะฟังในสิ่งที่ Punk พูด มีนักมวยปล้ำรายคนที่ปฏิเสธคำแนะนำของ Punk และเลือกจะปล้ำในแนวทางเดิมของตน ไม่ว่าจะเพราะอดีตนักมวยปล้ำอินดี้เหล่านั้นจะอีโก้จัด หรือสัมผัสได้ถึงมุมมองที่แตกต่างของ Punk จนเลือกจะไม่ฟังคำแนะนำ สิ่งนี้ทำให้ Punk โมโหมาก และรู้สึกว่าตัวเองถูกหยามเกียรติโดยนักมวยปล้ำที่ไม่เคยไปยังสมาคมใหญ่ และประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นอัน

Dave มั่นใจว่าความไม่พอใจในด้านเดอะ กูรู นี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับ Hangman ค่อนข้างแน่ แต่เจ้าตัวรวมถึง Alvarez พูดคุยกันว่าจะรวมถึง Young Bucks ด้วยหรือไม่ เพราะถึงแม้ทั้งสองจะรู้ดีว่า AEW เกิดขึ้นเพราะใคร แต่ในมุมมองของ Punk ความสำเร็จใน NJPW และ ROH อาจดีไม่พอสำหรับเขา

- เมื่อรวมบทบาท เดอะ ดรอว์ และ เดอะ กูรู เข้าด้วยกัน จะเห็นได้ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ Punk จะอีโก้สูงทะลุปรอท จนกล้าเอ่ยปากด่าเหล่า EVPs นอกบทแบบไม่เกรงใจใคร เพราะเขาเองมองว่าตนไม่เพียงจะเป็นนักมวยปล้ำหมายเลขหนึ่งของสมาคม แต่ยังเป็นนักมวยปล้ำที่ดีกว่า, มีประสบการณ์มากกว่า และประสบความสำเร็จมากกว่า The Elite อย่างแน่นอน ซึ่งแน่นอนว่าความจริงตรงนี้ทำให้ The Elite ไม่พอใจมาก นำมาสู่การปะทะกันที่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่ Media Scrum เสียด้วยซ้ำ

ทันทีที่ Punk เลือกโจมตี The Elite ในงานแถลงข่าว มีการ์ดจำนวนมากเข้ามาดูแลพื้นที่ เชื่อกันว่าการ์ดเหล่านี้เข้ามารักษาความปลอดภัยหากสมาชิก The Elite คนหนึ่งเกิดหัวร้อนมากพอจะวิ่งออกมาต่อย Punk ต่อหน้าสื่อ และถึงแม้ The Elite จะมืออาชีพพอที่จะไม่ทำอะไรให้มันเลยเถิดต่อหน้าสื่อ แต่ทันทีที่ Punk กลับหลังฉาก สื่อวงในแทบทุกเจ้ารายงานว่า Punk ได้เผชิญหน้ากับ The Elite โดยเฉพาะสาม EVPs ที่กำลังหัวร้อนเป็นอย่างมาก

Fightful เผยว่าไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ว่ามีการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายในระดับไหน แต่ Meltzer เผยว่า ทั้งสองฝ่ายมีการกระทบกระทั่งกันในระยะประชิด ซึ่งอาจจะเป็นเพียงแค่การผลักอกกัน หรือ ลงมือตะลุมบอนกันก็ได้ อย่างไรก็ตาม Meltzer ยืนยันว่า Punk และเหล่า EVPs ไม่ได้แค่ยืนด่ากันเฉย ๆ แน่

- สถานการณ์ใน AEW ตอนนี้ตึงเครียดมาก Alvarez ยืนยันว่าภายในเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ ตามเวลาสหรัฐอเมริกา นักมวยปล้ำส่วนใหญ่ของ AEW ยังคงอยู่ที่หลังฉาก All Out แทนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ขณะเดียวกัน Fightful รายงานว่านักมวยปล้ำส่วนใหญ่ไม่พอใจกับคำพูดของ Punk และจนถึงเวลาที่ Fightful รายงานข่าว พวกเขาไม่สามารถหาความเห็นจากนักมวยปล้ำคนไหนที่ยืนอยู่ข้าง Punk ได้เลย

WON เองยังรายงานว่า นักมวยปล้ำส่วนใหญ่ใน AEW มีความรู้สึกต่อการกระทำของ Punk เป็นสองแง่คือ “น่าเศร้า” และ “น่าอับอาย” ทั้งนี้ WON ยังย้ำอีกว่าความรู้สึกที่นักมวยปล้ำเคยมองว่าทุกคนใน AEW เป็นครอบครัวเดียวกันได้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้วในปัจจุบัน จนเหมือนว่าหลังฉากของสมาคมในตอนนี้จะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

- ทางฝั่งของ Tony Khan เท่าที่มีการรายงานมาดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่ตัดสินใจลงโทษใคร และให้คอมเมนต์ในทำนองที่ว่า “พวกเขาต่างเป็นนักมวยปล้ำที่ยอดเยี่ยม และมีจุดยืนของตัวเอง” ซึ่งเรื่องนี้ทั้ง TK และ WON ต่างเห็นตรงกันว่าหลังฉากของ AEW ตอนนี้ ไม่ต่างจาก WWE ในปี 1997 ที่มีแต่แตกหักและแตกแยกทั้งในและหน้าจอ

ประเด็นคือทั้งสองฝ่ายมองสถานการณ์นี้ต่างกัน ขณะที่ WON แสดงความกังวลอย่างชัดเจน และสนับสนุนให้ AEW จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาดโดยเร็วที่สุด แต่ TK กลับมองว่า ปัญหาหลังฉากถือเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบที่ทำให้เนื้อเรื่องหน้าฉากเข้มข้นขึ้น เขายกกรณีของ Survivor Series ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 1997 ว่าเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าคุณสามารถนำปัญหาหลังฉากออกมาอยู่หน้าฉากได้ภายใต้การควบคุมที่เหมาะสม มันคือข้อดีมากกว่าข้อเสีย

- แม้ WON จะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่พวกเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าแนวคิดของ TK ไม่ถูกต้อง เพราะตอนนี้สมาคมได้เดินทางมาถึงจุดวิกฤติที่สุดนับตั้งแต่ AEW ก็ตั้งมา นี่ไม่ใช่แค่ความไม่พอใจของ MJF ที่ขู่จะย้ายไป WWE และนี่ไม่ใช่แค่การลงไม้ลงมือกันนอกบทแบบ Eddie กับ Sammy เพราะนี่คือปัญหาที่อาจส่งผลให้ผู้ก่อตั้งสมาคม และหัวใจที่แท้จริงของ AEW อย่าง The Elite เดินออกจากสมาคม

WON ยังพูดเป็นเชิงเปรียบเปรยว่า TK ไม่เคยคิดฝันว่าจะมีการปะทะกันจริงของ Punk และ The Elite ในคืนดังกล่าว และเขาก็ไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังฉาก เนื่องจากขณะนั้นเจ้าตัวกำลังอยู่ในส่วนของ Media Scrum (และก็ไม่มีใครมีเบอร์ TK ด้วย) เพราะฉะนั้นกว่าเจ้าตัวจะรู้ถึงสถานการณ์ทั้งหมด “ทุกอย่างก็สายเสียแล้ว”

การเปรียบเปรยในลักษณะนี้ “ทุกอย่างก็สายเสียแล้ว” แสดงให้เห็นว่าตอนนี้พวก WON (รวมถึงตัวผมเอง) เชื่อว่า TK ไม่สามารถควบคุมปัญหาที่เกิดขึ้นได้อีกแล้ว และแนวคิดที่เขาเคยคิดว่าเอาอยู่ก็ไม่ได้ผล เพราะการปะทะของ Punk และ The Elite ยืนยันชัดเจนว่า มีสิ่งที่เกินคาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ และในกรณีนี้มันส่งผลเสียมากกว่าที่ TK จะจินตนาการ

อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดยืนยันว่า TK ไม่มีแผนจะลงโทษหรือไล่ใครออกทั้งนั้น จึงดูเหมือนว่าความอลเวงของหลังฉาก AEW จะเดินหน้าต่อไป โดยหลายสื่อคาดการณ์กันแล้วว่า จะมีกระแสมากมายออกมาจากหลังฉากในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องรุนแรงและดุเดือดกว่าที่เห็นกันในวันนี้แน่นอน