บทละครเรื่องใหม่ ในโรงละครแห่งความฝัน | #SSColumn
หากมีเครื่องวัดระดับเสียงไปตั้งอยู่ในสนาม ‘โอลด์ แทรฟฟอร์ด’ ในเกมเมื่อคืนนี้ ผมมีความเชื่อว่าระดับเดซิเบลของเสียงจากฝั่งแฟนบอลทีมปีศาจแดง อาจจะดังมากกว่าทุกเกมที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มฤดูกาลใหม่ แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้มีเครื่องจับน้ำเสียงและความรู้สึกส่วนลึกของแฟนบอลขณะดีใจด้วย เพราะผมจะได้มีหลักฐานว่าสิ่งที่ผมเชื่อเป็นเรื่องที่ถูกต้อง?
ถึงแม้ว่าฤดูกาลก่อนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะสามารถเอาชนะอาร์เซน่อลในบ้านของตัวเองได้ แต่ครั้งนี้มันค่อนข้างต่างออกไป เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฤดูกาลก่อน ทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและอาร์เซน่อลต่างก็กำลังรับมือกับช่วงเวลาที่ยากลำบากของตัวเอง พวกเขาเป็นทีมฟุตบอลที่ทำให้แฟนบอลได้แค่ลุ้นการแข่งขันแบบนัดต่อนัด บางทีก็ต้องมาคอยลุ้นผลการแข่งขันของทีมอื่น เป็นช่วงเวลาที่ยากมากหากต้องมองการณ์ไกลไปถึงความสำเร็จ
ฤดูกาลนี้อาร์เซน่อลเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม พวกเขาเก็บ 3 แต้มได้ทุกนัดตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเริ่มต้นได้ไม่สวยนัก ทัพปีศาจแดงประเดิมความพ่ายแพ้ตั้งแต่ 2 นัดแรก และถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถคว้าชัยได้ในนัดที่เจอกับลิเวอร์พูล แต่หลังจากนั้นอีก 2 นัด แมนแชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ทำได้เพียงแค่เฉือนชนะทีมที่เป็นรองกว่า...ชนิดที่เรียกได้ว่าหืดจับ
นั่นทำให้ก่อนเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับอาร์เซน่อลจะเชือดเฉือนกัน นักวิจารณ์ทั้งหลายต่างพากันวิเคราะห์และคาดคะเนว่าอาร์เซน่อลดูดีกว่าเจ้าบ้าน ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยังไม่แพ้ใครบวกความมั่นใจที่ดูจะมีมากกว่า ขุนพลปืนใหญ่คงเอาชนะทัพปีศาจแดงไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทว่าสุดท้ายผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม!
ถึงแม้ว่าอาเซน่อลจะสามารถครองบอลได้มากกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึง 61 ต่อ 39 เปอร์เซ็นจากตลอดทั้งเกม หนำซ้ำยังมีช่วงเวลาที่ทัพปืนใหญ่เอาแต่โหมบุกใส่ปีศาจแดงอยู่ฝ่ายเดียว แต่ด้วยแท็คติกของเทน ฮาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความกระหายชัยชนะของเหล่านักเตะ ทำให้พวกเขาเอาชนะอาร์เซน่อลไปได้
การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่เกมธรรมดา ๆ หนึ่งเกม แต่มันเป็นเกมที่มีความหมายและส่งผลต่อความรู้สึกของแฟนบอลเป็นอย่างมาก เพราะแมนยูฯเล่นกันเป็นทีม นักเตะทุกคนเล่นกันอย่างมีระเบียบวินัย ทีมไม่ได้หวังพึ่งพรสวรรค์ของใครคนใดคนหนึ่ง ความสำเร็จในการแข่งขันเกิดจากการที่ทุกคนมีส่วนร่วม พวกเขาสามารถชนะทีมที่เริ่มต้นฤดูกาลด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงที่สุดของปีและเป็นจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้!
หลังเกมการแข่งขัน ‘รอย คีน’ อดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาพูดว่าทีมเก่าของเขาจะสามารถจบท็อป 4 ได้ในฤดูกาลนี้ เพราะตอนนี้ทีมกำลังมีความมั่นคง ผู้จัดการทีมคนใหม่ก็เริ่มที่จะปรับตัวได้ แถมที่ม้านั่งสำรองก็มีแต่ตัวเลือกดี ๆ
ในขณะเดียวกัน ‘แกรี่ เนวิลล์’ อดีตเพื่อนร่วมทีมของคีน กลับมีความเห็นที่ต่างออกไป เขาเชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ , ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ส จะสามารถยึด 3 อันดับแรกไปได้ ซึ่งแมนฯยูต้องมาแก่งแย่งพื้นที่อันดับ 4 กับอาร์เซน่อลและเชลซีอีกที
ผมไม่รู้ว่าแฟนบอลเรด เดวิลส์มีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ บ้างอาจจะคิดเห็นไปทางเดียวกับคีน บ้างก็อาจะคิดเห็นไปทางเดียวกับเนวิลส์ แต่จากส่วนตัวจากที่ผมได้ยินเสียงโห่ร้องอันกึกก้องบวกกับแววตาเหล่ากองเชียร์ผ่านจอสี่เหลี่ยมของโทรทัศน์ มันทำให้ผมเชื่อว่าพวกเขากำลังเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์ และพวกเขากำลังมีความหวังกับทีมอีกครั้งหนึ่ง...เป็นความหวังที่ไม่เลื่อนลอย ลม ๆ แล้ง ๆ
ณ โรงละครแห่งความฝัน บทละครเรื่องใหม่ถูกเขียนและกำกับโดย ‘เทน ฮาก’ มีเหล่านักเตะเป็นนักแสดง แฟนบอลที่เป็นผู้ชมต่างพูดถึงบทละครเรื่องใหม่ไปในทิศทาง ต่าง ๆ นานา ไม่มีใครรู้ว่าบทละครเรื่องนี้จะจบอย่างไร แต่พวกเขาเบื่อหน่ายกับดราม่าน้ำเน่าเต็มทน
เรื่องราวมหัศจรรย์ที่ดีสุดที่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้รับชมเป็นบทประพันธ์ของ ‘เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน’ และหลังจากการจากไปของท่านเซอร์ในฐานะโค้ช แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ไม่เคยได้สัมผัสบทละครเนื้อหาดี ๆ จากทีมอีกเลย
โค้ชมากหน้าหลายตาวนเวียนเปลี่ยนผ่านเข้ามาในโรงละครแห่งความฝันครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกคนก็แทบจะคว้าน้ำเหลวกันไปหมด จะมีก็เพียงแต่ ‘โชเซ่ มูรินโญ่’ เท่านั้นที่ทำให้แฟนบอลอมยิ้มออกมาได้บ้างจากการพาทีมไปคว้าแชมป์ยูโรป้าลีก แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลต้องการที่สุด แฟนบอลทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเป็นเรื่องยาก ที่ใครสักคนจะเป็นเหมือนตำนานอย่างเซอร์ อเล็กซ์ แต่อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะมีมวลพลังงานบางอย่างที่ใกล้เคียงกันบ้าง
เทน ฮากอาจจะเป็นคนคนนั้น เพราะสิ่งที่เขามอบให้กับแฟนบอลไปแล้วคือความหวังที่มีสิทธิหวัง ถึงแม้ว่าความสำเร็จจะไม่ออกดอกออกผลมาให้เห็นในเร็ววัน แต่เขามีแนวโน้มที่สุดในบรรดาโค้ชทุกคนที่ผ่านมาว่าจะทำได้...ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
ถ้ามองจากสไตล์หรือรูปแบบการทำทีมของเทน ฮากแล้ว อาจจะดูแตกต่างจากเซอร์ อเล็กซ์พอควร แต่สิ่งที่ฮากมีเหมือนเซอร์ อเล็กซ์ คือปรัชญาการทำทีมและการที่เขาเป็นคนบ้าเหมือนกัน!
เขาเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมไปถึงเป้าหมายโดยไม่แคร์สื่อหรือเสียงวิจารณ์ใด ๆ ทั้งนั้น เขาบ้าพอที่จะนำนักเตะออกวิ่ง 13.8 กิโลเมตรหลังจากที่ทีมเพิ่งแพ้มาหยก ๆ เขาบ้าพอที่จะสร้างกฎเผด็จการให้กับนักเตะตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาคุมทีม เขาไม่สนว่านักเตะในทีมจะอยู่ในเกรดไหนเพราะทุกคนต้องเท่ากันหมด ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้แหละที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ถือว่าบทละครองก์ที่ 1 ของเทนฮากในฤดูกาล 2022/2023 เขียนออกมาได้ค่อนข้างสนุก มีเรื่องราวและอะไรใหม่ ๆ ที่ชวนให้ติดตามต่อ ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวในตอนถัด ๆ ไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สุดท้ายละครเรื่องนี้จะจบเหมือนที่หลายคนคาดหวังหรือไม่ แต่มหรสพเรื่องนี้มันสนุกตั้งแต่ที่เทน ฮากสั่งนักเตะให้มาซ้อมตั้งแต่ 9 โมงเช้าแล้ว
_______________________
SoccerSuck พร้อมนำเสนอรายการที่ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล!
ผ่านทุกช่องทางของ SoccerSuck TH แล้วที่
Facebook:
https://bit.ly/3DeU6BX
Instagram:
https://bit.ly/3xzln0z
YouTube:
https://bit.ly/3reBi3f
TikTok:
https://bit.ly/3Oq18JC
Blockdit:
https://bit.ly/3qU7B5G