5 กันยายน 1972 สังหารหมู่นักกีฬายิวในโอลิมปิก มิวนิก
5 กันยายน 1972
สังหารหมู่นักกีฬายิวในโอลิมปิก มิวนิก
.
ย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีก่อน ขณะทั่วโลกต่างพากันรื่นเริงไปกับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ที่จัดขึ้นในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนีตะวันตกในขณะนั้น (Munich, West Germany) หลังจากงานดำเนินผ่านไปด้วยดีตลอด 9 วัน แต่หารู้ไม่ว่าโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา
.
รุ่งสางของวันที่ 5 กันยายน 1972 ทุกอย่างดูปกติสุข ทีมนักกีฬาชาวอิสราเอลยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงในห้องพักของตนเอง กระทั่งมีชายสวมหมวกโม่ง 8 คน พรวดพราดบุกเข้ามาในห้องพักพร้อมอาวุธปืนครบมือ พวกเขาประกาศกร้าวว่าคือ ‘สมาชิกกลุ่มกันยายนทมิฬ’ (Black September) หรือกลุ่มนักรบชาวปาเลสไตน์ ที่เหลือรอดจากสงครามความขัดแย้งระหว่างกองทัพจอร์แดนกับองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (Palestine Liberation Organization: PLO) ในปี 1970-1971
.
สมาชิกกลุ่มกันยายนทมิฬที่มาพร้อมความแค้นสุมเต็มอก ได้ลงมือจับตัวนักกีฬาและสตาฟฟ์โค้ชชาวยิวรวมทั้งหมด 11 คน เป็นตัวประกัน จุดประสงค์ของการก่อการร้ายครั้งนี้ เพื่อเป็นข้อต่อรองกับรัฐบาลอิสราเอลให้ปล่อยตัวนักรบชาวปาเลสไตน์จำนวนทั้งสิ้น 234 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกประเทศอิสราเอล ซึ่งก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ก่อเหตุสังหาร วาสฟี ทัล (Wasfi Tal) นายกรัฐมนตรีจอร์แดน เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 1971
.
นอกจากข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทั้ง 234 คน ลุตทิฟ อาฟิฟ (Luttif Afif) ผู้บัญชาการแห่งกลุ่มกันยายนทมิฬยังเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวสองผู้ก่อตั้งกลุ่มแยกกองทัพแดง (German Red Army Faction) อันเดรียส บาเดอร์ (Andreas Baader) และอูลริเก ไมน์ฮอฟ (Ulrike Meinhof) ที่ถูกคุมขังในคุกเยอรมนีตะวันตก
.
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอิสราเอลปฏิเสธหัวชนฝาที่จะเจรจาต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับรัฐบาลเยอรมนีตะวันตก ทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายตัดสินใจสวมบทเพชฌฆาตสังหารนักกีฬาไป 2 คน เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ท่ามกลางการจับจ้องของผู้คนทั่วโลกที่เฝ้าติดตามข่าวด้วยความตื่นตระหนก
.
เวลาต่อมา กลุ่มกันยายนทมิฬได้เปลี่ยนท่าทีหันมาร้องขอเฮลิคอปเตอร์สำหรับใช้เดินทางไปยังสนามบินเฟือร์สเทินเฟ็ลท์บรุค (Fürstenfeldbruck) บริเวณชานเมืองมิวนิก เพื่อเตรียมขึ้นเครื่องบินหลบหนีออกนอกประเทศ โดยนำตัวทีมนักกีฬาอิสราเอลที่เหลือรอดอีก 9 คนไปเป็นตัวประกัน ขณะเดียวกัน ฝั่งตำรวจเยอรมันก็วางแผนปฏิบัติการดักซุ่มรอไว้อยู่แล้ว
.
ทันทีที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอด ตำรวจเยอรมันได้ส่งสัญญาณให้พลแม่นปืนลั่นไก ส่งผลให้ผู้ก่อการร้ายเสียชีวิตทันที 2 คน แต่นั่นกลับทำให้เหตุการณ์ร้ายแรงมากยิ่งขึ้น กลุ่มกันยายนทมิฬใช้อาวุธปืนไรเฟิลกราดยิงและเขวี้ยงระเบิดมือเข้าใส่ตัวประกันจนเสียชีวิตทั้งหมด 9 คน
.
การปะทะกันยืดเยื้อถึงรุ่งเช้าวันที่ 6 กันยายน 1972 บทสรุปคือสมาชิกกลุ่มกันยายนทมิฬเสียชีวิต 5 ราย ยอมมอบตัวอีก 3 ราย ตำรวจเยอรมันเสียชีวิตอีก 1 ราย โดยการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ต้องหยุดชะงักไป 1 วันเต็มก่อนจะกลับมาแข่งขันต่อจนจบรายการ
.
หนึ่งเดือนถัดมา มีเหตุจี้เครื่องบินของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า (Lufthansa) เที่ยวบิน 615 คนร้ายต้องการต่อรองแลกเปลี่ยนชีวิตลูกเรือกับสมาชิกกันยายนทมิฬที่ถูกคุมขัง 3 ราย รัฐบาลเยอรมนีตะวันตกจึงจำใจรับเงื่อนไข
.
ต่อมา โกลดา แมร์ (Golda Meir) นายกรัฐมนตรีหญิงอิสราเอลตัดสินใจสั่งเปิดฉากปฏิบัติการ ‘พระเจ้าพิโรธ’ (Operation Wrath of God) มอบหมายให้หน่วยข่าวกรองมอสสาด (MOSSAD) เป็นทีมออกไล่ล่าถอนรากถอนโคนกลุ่มกันยายนทมิฬ โดยมุ่งเป้าไปที่ อาลี ฮัสซัน ซาลามาห์ (Alī Ḥasan Salamah) ชายผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สังหารหมู่นักกีฬาชาวยิว 11 ราย
.
เหตุการณ์โศกนาฏกรรมสังหารหมู่มิวนิก รวมไปถึงปฏิบัติการพระเจ้าพิโรธ ถูกพ่อมดแห่งโลกภาพยนตร์ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) นำไปเรียบเรียงเป็นภาพยนตร์เรื่องมิวนิก ปฏิบัติการณ์ความพิโรธของพระเจ้า (Munich) ในปี 2005 เขียนบทโดย โทนี คุชเนอร์ (Tony Kushner) และเอริค ร็อท (Eric Roth) เค้าโครงส่วนหนึ่งดัดแปลงมาจากหนังสือเรื่อง Vengeance ที่เขียนโดย จอร์จ โจนาส (George Jonas) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1984
.
จากความล้มเหลวในการช่วยตัวประกัน ทำให้ 7 เดือนถัดมา รัฐบาลเยอรมนีตะวันตกตัดสินใจก่อตั้งหน่วยรักษาชายแดนพิเศษกรม 9 ( Grenzschutzgruppe 9 หรือ GSG-9) ทำหน้าที่ปฏิบัติภารกิจปราบปรามผู้ก่อการร้ายสากลเพื่อมิให้เกิดเหตุซ้ำรอยเดิมในอนาคต
.
ภาพ: timeofisrael.com
เห็น Munich ใน Netflix จะเอาเข้ามาฉายเร็วๆนี้ด้วย