‘พันธ์รบ กำลา’ ผู้สร้างตำนาน ‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ เตรียมตัวสู่ บ.มหาชน
‘พันธ์รบ กำลา’ ผู้สร้างตำนาน ‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ จากร้านข้างทางที่เริ่มต้นจากศูนย์ให้ดังไกลและเตรียมติดนามสกุล ‘มหาชน’
.
7-Eleven อาจขึ้นชื่อว่าเป็นร้านแฟรนไชส์สมัยใหม่ที่มีสาขามากที่สุดในบ้านเรา แต่หากพูดถึงแฟรนไชส์แบบไทย ๆ ตำแหน่งนี้ต้องยกให้ ‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ซึ่งตอนนี้มีสาขาอยู่กว่า 4,500 แห่ง แทรกซึมกระจายไปพื้นที่ต่างๆ กระทั่งตามตรอกซอกซอย
.
ไม่เพียงเท่านั้น ร้านบะหมี่รถเข็นข้างทางแห่งนี้กำลังจะไปไกลกว่าเดิม โดยในอีก 3 ปีข้างหน้า เตรียมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ติดนามสกุล ‘มหาชน’ เพื่อปูทางสู่การครองตำแหน่งแชมเปี้ยนบะหมี่รถเข็นแห่งเอเชีย
.
ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้ ก็คือ ‘พันธ์รบ กำลา’ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของชายสี่ฯ ชายผู้จบแค่ ป.4 และเริ่มต้นทำธุรกิจจากศูนย์
.
“นิสัยส่วนตัวผมเป็นคนขยันอดทน มีการตั้งเป้าหมายชัดเจนแล้วไปให้ถึง อย่างช่วงวัยรุ่นได้เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ผมอยากได้กางเกงยีนส์ จึงยอมกินข้าวไม่อิ่มเพื่อเก็บเงินซื้อ พอโตขึ้นตั้งเป้าอยากสร้างฐานะ จึงเก็บหอมรอมริบ และในอนาคตผมอยากให้ชายสี่ฯ เป็นแชมเปี้ยนบะหมี่รถเข็นในเอเชีย”
.
#กำเนิดชายสี่บะหมี่เกี๊ยว
.
เดิมพันธ์รบเป็นคนอำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด เกิดในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน ตั้งแต่จำความได้เขาต้องมาช่วยพ่อแม่ทำนา และเรียนจบแค่ ป.4 ทำให้ตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ว่า จะสร้างฐานะของตัวเอง เมื่อโตขึ้นเขาจึงทำงานรับจ้างสารพัด ไม่ว่าจะรับจ้างขุดดิน เก็บพริก พนักงานรักษาความปลอดภัย และเป็นพ่อค้าขายไอติม ที่ทำให้ได้เรียนรู้เทคนิคการค้าขาย
.
จุดหักเหของชีวิตพันธ์รบเกิดขึ้นในปี 2535 เมื่อมีญาติชวนให้ลองขายบะหมี่เกี๊ยว ย่านลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งช่วงเริ่มต้นด้วยความไม่เคยทำมาก่อน ทำให้เจอปัญหา แต่ด้วยความเป็นนักสู้ บวกกับเป็นคนละเอียดและใส่ใจคน ได้สังเกตและพูดคุยกับลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาร้านของตัวเอง ตั้งแต่รสชาติ การบริการ ไปจนถึงสภาพภายในร้าน จนลูกค้าติดใจและขายดี
.
ด้วยการเก็บหอมรอบริบเพียง 2 ปี พันธ์รบมีเงินเก็บจากการขายบะหมี่เกี๊ยวถึง 700,000 บาท และนำเงินจำนวนนั้นมาต่อยอดเพื่อลงทุนผลิตเส้นบะหมี่เอง เพราะต้องการควบคุมคุณภาพ เนื่องจากเห็นว่า เส้นบะหมี่ที่เจ้าอื่นส่งมาในแต่ละวันมีคุณภาพไม่สม่ำเสมอ และ ‘ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว’ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2537
.
สำหรับที่มาของชื่อชายสี่ฯ มาหลักคิดง่ายๆ ของพันธ์รบ นั่นคือ ตั้งชื่อให้มีพยัญชนะไม่เกิน 4 ตัว เป็นคำ 2 พยางค์ และต้องมีสัมผัส เพื่อง่ายต่อการจดจำ และง่ายต่อการทำป้ายขนาด 2 x 2 เมตร ตอนนั้นเขามีชื่อในใจ 3 ชื่อ ได้แก่ ราชินีบะหมี่เกี๊ยว, ป๊ะป๋าบะหมี่เกี๊ยว และ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว
.
ชื่อราชินีบะหมี่เกี๊ยว เป็นชื่อที่พันธ์รบชอบมาก แต่กลัวจะมีปัญหา จึงใช้ชื่อชายสี่บะหมี่เกี๊ยว เพื่อความเหมาะสม และมีเรื่องบังเอิญว่า เขามีพี่น้องเป็นผู้ชายสี่คน จากพี่น้องทั้งหมดห้าคน
.
#เริ่มแฟรนไชส์ในแนวคิดรวยแล้วบอกต่อ
.
หลังจากสาขาแรกได้รับการตอบรับดี การขยายสาขาต่อไปจึงตามมา กระทั่งเขาตัดสินใจทำธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตเร็วและไปให้ไกลกว่าเดิม โดยทำภายใต้แนวคิด ‘รวยแล้วบอกต่อ’ ซึ่งที่มาของแนวคิดเพราะพันธ์รบต้องการให้ลูกค้าเห็นว่า ชายสี่ฯ เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้และเป็นอาชีพให้ตั้งตัวได้
.
ด้วยแนวคิดนี้ ปี 2541 ชายสี่ฯ สามารถมีสาขาเพิ่มได้เป็น 400 แห่ง กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ และเมื่อเริ่มมีสาขามากขึ้นแถมอยู่ในต่างจังหวัด บวกกับเขามองว่าบะหมี่เป็นสินค้าอาหารสด หากต้องส่งจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดไกล ๆ อาจเกิดความเสียหายก่อนได้ขาย จึงตัดสินใจขยายโรงงานให้ครอบคลุมทั่วประเทศในช่วงปี 2542
.
และนั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชายสี่ฯ เติบโตอย่างในปัจจุบัน โดยมีสาขามากกว่า 4,500 แห่ง และไม่ได้อยู่เฉพาะในไทย ยังขยายไปประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา กัมพูชา และลาว (การไปต่างประเทศส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบแฟรนไชส์)
.
#แชมเปี้ยนบะหมี่รถเข็นในเอเชีย
.
ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยการเป็นคนใส่ใจในรายละเอียด และพยายามมองหาโอกาสใหม่อยู่เสมอ ตัวเขาเองมองว่า ‘บะหมี่เกี๊ยวยังมีข้อจำกัด’ จำเป็นต้องขยายสู่อาหารประเภทอื่น ๆ เพื่อต่อยอด ดังนั้น นอกจากร้านบะหมี่เกี๊ยวแล้ว แบรนด์ชายสี่ฯ ยังมีอาหารประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ชายสี่เตี๋ยวไก่ ชายสี่โจ๊กต้มเลือดหมู ควบคู่ไปกับขยายแบรนด์ที่ล้อไปกับชายสี่ฯ อาทิ ชายใหญ่ข้าวมันไก่ ชายเจ็ดเป็ดย่าง ฯลฯ
.
รวมถึงแตกแบรนด์ ‘มิสเตอร์ชายสี่’ ร้านในรูปแบบสแตนด์อะโลนที่จะเน้นเปิดในต่างประเทศ โดยตอนนี้ได้ลงทุนร่วมกับนักธุรกิจในดูไบ ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน เป็นต้น ขณะเดียวกันได้ขยายเข้าสู่กลุ่มอาหารแช่แข็ง เช่น บะหมี่แห่งไก่เทอริยากิ, บะหมี่แห่งกะเพราไก่ ฯลฯ เพราะเห็นว่าคนยุคปัจจุบันต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องการเสียเวลา
.
“เป้าหมายของผมคือการพาชายสี่ฯ ขึ้นเป็นแชมเปี้ยนบะหมี่รถเข็นในเอเชีย”
.
การไปถึงเป้าหมายดังกล่าว พันธ์รบวางแผนจะอัปเกรดชายสี่ฯ จากร้านบะหมี่ข้างทางเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณปี 2568 - 2569 และตั้งเป้าว่า หลังติดนามสกุล ‘มหาชน’ ชายสี่ฯจะมีรายได้เพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันรายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
.
เขาให้สัมภาษณ์กับกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ไว้ว่า แม้จะรักการทำงานอยู่ ตอนนี้เขาเริ่มวางมือและส่งต่อธุรกิจให้กับรุ่นลูก รวมถึงหามืออาชีพเข้ามาบริหาร เพื่อให้พาองค์กรแห่งนี้สามารถเดินหน้าไปได้ไกล
.
“บุคลิกอย่างผม คงไม่ถนัดจะสื่อสารกับสถาบันการเงิน หรือคนในตลาดหลักทรัพย์ คือฟังเขาพูดรู้เรื่องนะ แต่ใช้คำแบบเขาคงไม่ได้”
.
เรื่อง: ณัฐสุดา เพ็งผล
ภาพ: ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว
.
ที่มา #ThePeople
https://www.facebook.com/thepeoplecoofficial/photos/a.1040280779477779/2141880342651145/
ผมรู้จักจากรายการ perspective ถ่ายทำไว้หลายปีก่อน