จบถาปัด(landscape) ก็แนะนำถาปัดแหล่ะครับ คือพอไปเรียนแล้วถูกสอนให้คิดแบบมีขั้นตอนมากขึ้นกว่าเดิมเยอะพอสมควร อีกอย่าง เรียนถาปัดจบไปไม่ได้เป็นสถาปนิกเยอะแยะ

มีรุ่นพี่คนนึงเคยบอกว่ามาเรียนถาปัดเพราะอยากเป็นดารานักร้อง

เรียนมันทั้ง 2 ใบเลยครับ เวลาออกแบบจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับใคร ผมออกแบบบ้านมา 100กว่าหลังได้ ทะเลาะกับสถาปัตย์ทุกหลัง ไม่รู้เป็นไร

เออ ถ้าแง่นั้นผมเชียร์ให้เรียนถาปัดนะ ถ้าไม่กังวลเรื่อง career path ผมว่าตรรกะผมดีขึ้นเยอะหลังจากเรียนคณะนี้

โยธาครับ งานก่อสร้างไม่มีที่สิ้นสุด
งานออกแบบอนาคตอาจโดน AI แย่งงาน

จากใจเด็ก สถาปัตย คนที่เท่าไหร่ไม่รู้ หนีปายย ล้อเล่นครับ ขึ้นกับความชอบเลย เสาร์อาทิตย์ เพื่อนคณะอื่นไปกินเหล้า
ผมนั่งทำแบบไปตรวจ

จากใจคนทำงานด้านนี้ หนีไปทั้งสองทาง เพื่อนอีกคนจบโยธาบอกรู้งี้น่าเรียนหมอ

ขึ้นอยู่กับว่าชอบอะไร อยากทำงานส่วนไหน
..
สถาปนิก
เป็นฝ่ายคิด วิเคราะห์+วางแผน ทุกขั้นตอนการออกแบบ
การวิเคราะห์ที่ตั้ง แดด ลม ฝน ทิศ
การใช้งานของคนในอาคาร ระยะ กว้าง ยาว สูง
คาดการณ์ผลทางจิตวิทยา
วางแผนการสัญจร ของคนในอาคาร
รวมถึงรูปร่าง รูปทรงสามมิติ
แสง มุมมอง การระบายอากาศ
กฎหมายควบคุมอาคาร ระยะร่น
..
การทำงาน จะต้องคุยกับเจ้าของ ทีมออกแบบหลายส่วน อินทีเรีย แลนด์สเคป วิศวกรโครงสร้าง ไฟฟ้า งานระบบ อื่นๆ
ขึ้นอยู่กับบทบาทส่วนที่รับผิดชอบอีกที
..
วิศวกรโยธา
ดูแลส่วนโครงสร้างอาคาร
จัดทำรายการคำนวณ
ออกแบบการรับแรง ตั้งแต่เสาเข็ม ฐานราก เสา คาน พื้น หลังคา
ดูแลงานระบบในอาคาร
หลายท่านมาทำรับเหมาก่อสร้างเอง
มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคก่อสร้าง
มากกว่าสถาปนิก
แต่สถาปนิกจะถนัดเรื่อง การเลือกวัสดุ กับบรรยากาศโดยรวมมากกว่า
..
ใครเรียนสายนี้ โลกของท่านจะมองสิ่งต่างๆ
ด้วยความคิดว่า มันประกอบกันขึ้นมายังไง
สร้างยังไง
เวลาไปเที่ยวตปท. ชอบถ่ายแต่ดีเทลงานก่อสร้าง
รอยต่อ ขอบต่างๆ ไม่ค่อยมีรูปคนครับ
:P