ช่วงนี้มีคำถามจากแฟนๆ หลายท่านที่สงสัยกันว่า ‘บาร์เซโลน่ายังค้างค่าเหนื่อยเดอ ยอง แต่ทำไมซื้อผู้เล่นใหม่ไปได้ 2 ตัวแล้ว’ สรุปสถานการณ์การเงินของบาร์ซ่าเป็นยังไงกันแน่?
ดูบอลกับแนท ยกหูโทรศัพท์หา น้อง ขวัญ ลามาเซีย เกาะติดบาร์เซโลน่า และถามคำถามที่หลายท่านอาจจะสงสัย ให้ขวัญได้ตอบ ซึ่งบางที หลายข้อมูลของขวัญ อาจจะคลายความสงสัยให้กับหลายท่าน (ซึ่งที่แน่ๆ คือ รวมทั้งตัวผมเองด้วยครับ)
- คำถามแรกเลย ตอนนี้ เดอ ยอง รับค่าเหนื่อยกับบาร์ซ่าเท่าไหร่กันแน่?
ขวัญ : ตอนแรกที่ย้ายมา 2019 บาร์ซ่าเซ็นสัญญากับเดอ ยอง 5 ปี
ด้วยสัญญาเดิม เบื้องต้นจนถึงปี 2022 เดอ ยอง จะต้องได้ค่าเหนื่อย 14 ล้านยูโรต่อปี (ราว 268,000 ยูโรต่อสัปดาห์ , 227,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์)
พอเจอโควิด มีการตกลงค่าเหนื่อยใหม่ และขยายสัญญาเพิ่มอีก 2 ปี (ไปจนถึงปี 2026)
ฤดูกาล 2020-2021 ค่าเหนื่อยถูกปรับลดเหลือ 3 ล้านยูโรต่อปี (60,000 ยูโรต่อสัปดาห์ , 50,900 ปอนด์ต่อสัปดาห์)
จากนั้นฤดูกาลต่อ 2021-2022 รับเพิ่มเป็น 9 ล้านยูโรต่อปี (173,000 ยูโรต่อสัปดาห์ , 146,994 ปอนด์ต่อสัปดาห์)
ตั้งแต่ปี 2022 เงินค่าเหนื่อยพื้นฐานจะกลับมาที่ 14 ล้านยูโร (ราว 268,000 ยูโรต่อสัปดาห์ , 227,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์)
และบวกค่าตัดเหนื่อยตัดจำหน่าย (Amortization) ที่ถูกเลื่อนไป (16 ล้านยูโร หาร 4 ปี = ปีละ 4 ล้านยูโร)
ค่าเหนื่อยรวมที่ เดอ ยอง ต้องได้ในฤดูกาล 2022-2023 ไปจนถึง 2026-2027 คือ 18 ล้านยูโรต่อปี หรือสัปดาห์ละ 350,000 ยูโร (297,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์)
บวกโบนัสอีกปีละ 3 ล้านยูโร (เงื่อนไขคือเล่นมากกว่า 60% ของเกมทั้งหมด) คือมีโอกาสไปจบที่อย่างน้อย 21 ล้านยูโรต่อปี หรือสัปดาห์ละ 400,000 ยูโร (339,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์)
* ขอถามเรื่องคันโยกทางเศรษฐกิจนิดนึง คือคันโยกแรก และคันโยกที่สอง บาร์ซ่าเอาไปใช้จ่ายส่วนไหน?
ขวัญ : สำหรับคันโยกแรก (ขายหุ้นลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด 10 %) ราว 267 ล้านยูโร ที่ปลดล็อกไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายน นำมาซึ่งดีลของราฟินญ่า , โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ รวมถึงการโปะตัวเลขในบัญชีให้เป็นบวก ซึ่งเดดไลน์คือ คือวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา
ส่วนคันโยกที่ 2 (ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอีก 15 %) ราว 400 ล้านยูโร จะเอามาใช้สำหรับการเสริมนักเตะใหม่ นอกจากดีลที่เซ็นไปแล้วก่อนหน้านี้
สำหรับคันโยกที่ 2 นั้น จะไม่ได้ใช้ในการโปะบัญชีให้เป็นบวกแล้ว เดดไลน์นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งตอนนี้บัญชีบาร์ซ่าเป็นบวกแล้ว ซึ่งก็ต้องดูว่า จะไปเกี่ยวกับการปรับ Salary Cap (เพดานค่าเหนื่อย) ขนาดไหน
ถามว่าคันโยกที่ 2 เกี่ยวกับเดอ ยองและเพดานค่าเหนื่อยไหม? อาจจะเกี่ยวแต่ไม่เชิง เพราะตอนแรกสโมสรจะมีการขายหุ้นอีกส่วน นั่นคือบางส่วนของบริษัทที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ด้านสินค้าของสโมสร คือ BLM (Barça Licensing & Merchandising) แต่จากข่าวล่าสุด สโมสรอาจจะตัดสินใจไม่ขายส่วนนี้แล้ว พวกเขาอาจคิดว่า การขาย เดอ ยอง อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า การขายหุ้นในส่วน BLM
(แนท : เพิ่มเติมจากสื่อสเปนระดับสูงหลายสื่อที่รายงานตรงกัน ดีลของแบร์นาร์โด้ ซิลวา จะเชื่อมตรงกับการขาย เดอ ยอง ; ในกรณีที่บาร์ซ่าเลือกขาย)
* ณ ตอนนี้ฟร้องค์ เคสซิเย่ กับ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ที่เซ็นฟรีมา ลงทะเบียนกับทีมไม่ได้จริงไหม?
ขวัญ : เวลานี้ ถ้าไม่ขาย เดอ ยอง ทีมจะลงทะเบียนไม่ได้เลย เพราะตอนนี้ บาร์ซ่าไม่มีช่องว่างของเพดานค่าเหนื่อยแล้ว แต่หลังจากสิ้นเดือน กรกฎาคม สโมสรจะปรับเพดานค่าเหนื่อยใหม่ โดยคำนวณจากยอดสมดุลบัญชีจากปีที่แล้ว (2021)
ถ้ามีรายได้เข้ามา มีกำไร ก็จะได้ Salary Cap (เพดานค่าเหนื่อย) เพิ่มเติมเข้ามา คือปีที่แล้ว บาร์ซ่ามี Salary Cap ติดลบอยู่ -144 ล้านยูโร แน่นอนว่ามันลงทะเบียนใครไม่ได้
แต่พอมีการปรับใหม่ และใช้คันโยกทางเศรษฐกิจ คันโยกที่ 2 แล้ว ก่อนเปิดฤดูกาล บาร์ซ่าก็จะสามารถลงทะเบียนนักเตะใหม่ได้ (ที่ไม่ใช่ราฟินญ่า กับ เลวานดอฟสกี้) โดยไม่ต้องขึ้นกับการขายเดอ ยองด้วย
ในกรณีที่เดอ ยอง จะอยู่ต่อ ก็อาจต้องรอการปรับงบดุล จากการใช้คันโยกที่ 2 (ขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอีก 15 %) แล้วมาดูตัวเลขกันอีกที
* มีคอลัมน์จาก Sid Lowe (ผู้สื่อข่าวสายสเปนของ ESPN) บอกว่า ต่อให้บาร์ซ่าปลดล็อกคันโยกที่ 2 ก็ยังไม่พอแก้ปัญหา Salary Cap (เพดานค่าเหนื่อย) จริงไหม?
ขวัญ : ความตั้งใจของบาร์ซ่าคือการลดค่าเหนื่อย คือบาร์ซ่าจ่ายอยู่ 560 ล้านยูโร แต่ต้องการลดลงมาให้เหลือ 400 ล้านยูโร
ช่วงที่ Lowe เขียนคอลัมน์ เขาคิดแค่ค่าเหนื่อยจากฤดูกาลที่แล้ว หรือค่าใช้จ่ายที่บาร์ซ่าต้องแบกรับทั้งหมด แต่ยังไม่ได้รวมการผ่อนภาระค่าใช้จ่าย ที่ตอนนี้บาร์ซ่าเริ่มทำแล้ว เช่น ในสถานการณ์ที่พวกเขาปล่อย ฟิลิเป้ คูตินโญ่ หรือนักเตะรายอื่นๆ ที่รอขายออกในซัมเมอร์นี้ จริงๆ คือ ต้องรวมเงินที่บาร์ซ่าขายนักเตะในซัมเมอร์นี้ออกก่อน ถึงจะนำมาวิเคราะห์ได้
เรายังไม่รู้ว่าบาร์ซ่า ลดภาระค่าเหนื่อยทั้งหมดไปได้เท่าไหร่ ต้องรอ Statement ของสโมสรอีกทีนึง ประมาณสิ้นเดือน
* ค่าเหนื่อยนักเตะใหม่ (เลวานดอฟสกี้ , ราฟินญ่า) สรุปได้ประมาณไหน?
ขวัญ : เลวานดอฟสกี้ ได้ราว 170,000 ยูโรต่อสัปดาห์ (144,300 ปอนด์ต่อสัปดาห์) ราฟินญ่า ราว 115,000 ยูโรต่อสัปดาห์ (97,600 ปอนด์ต่อสัปดาห์)
ส่วนการต่อสัญญา อุสมาน เดมเบเล่ มีการลดค่าเหนื่อย 40% เหลือประมาณ 6 ล้านยูโรต่อปี (110,000 ยูโรต่อสัปดาห์ ; 93,400 ปอนด์ต่อสัปดาห์) แต่จะมีโบนัสเพิ่มเติมอีกราว 3.5 ล้านยูโร ถ้านักเตะทำได้ตามเงื่อนไขที่สโมสรกำหนด
* การปล่อยนักเตะที่ชาบี้ไม่ใช้แน่ๆ เช่น ซามูแอล อุมตีตี้ , มาร์ติน เบรธเวท , เนโต้ บวกกับการปรับค่าเหนื่อย เดมเบเล่ และดีลค่าเหนื่อยนักเตะใหม่ (ราฟินญ่า , เลวานดอฟสกี้) ไม่ให้สูงเกินไป นี่คือการปรับเพดานค่าเหนื่อยใหม่ของบาร์ซ่าใช่ไหม?
ขวัญ : ใช่ครับ โจน ลาปอร์ต้าบอกว่า เขาต้องการกำหนดเพดานค่าเหนื่อย ให้ไม่เกิน 10 ล้านยูโร (ต่อปี)
* ทำยังไงให้บาร์ซ่าไม่ขายเดอ ยอง และรักษา Salary Cap (เพดานค่าเหนื่อย) ไว้?
ขวัญ : เดอ ยอง คงต้องลดค่าเหนื่อย แต่ถ้าเดอ ยองไม่ลด ก็ต้องไปลุ้นอีกทีว่า ตัวเลขค่าเหนื่อยที่ลา ลีกา จะปรับ Salary Cap ให้บาร์ซ่า จะเป็นเท่าไหร่ ถ้าไปลุ้นถึงตอนนั้น ก็อาจจะเสี่ยงว่า บาร์ซ่าอาจจะซื้อตัวเพิ่มหลังจากนี้ไม่ได้ (เช่น ชูลส์ คูนเด้)
แต่ผม (ขวัญ) คิดว่า ตัวเลขตรง Salary Cap ฤดูกาลที่แล้วติดลบ -144 ล้านยูโร เรายังคำนวณไม่ได้ว่าบาร์ซ่าจะปรับเท่าไหร่ ลา ลีกา คำนวณหลายอย่าง ทั้งเงินรายได้ , ค่าใช้จ่ายพนักงาน ฯลฯ
ถ้าปีนี้บาร์ซ่า ได้ Salary Cap ที่ตัวเลข +300 ล้านยูโร ก็คงเก็บเดอ ยองเอาไว้ได้ แต่ก็คงต้องแบก (เพดานค่าเหนื่อย) หนักหน่อย
แต่ประเด็นสำคัญคือ ลาปอร์ต้า ต้องการให้เพดานค่าเหนื่อยไม่ปริ่ม หรือเกือบล้นเหมือนเดิม หรือไม่อยากให้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมาอีกแล้ว เขาต้องการล้างไพ่หมดเลย
นี่คือสาเหตุว่าทำไมบาร์ซ่าถึงพยายามบีบ (ขาย) เดอ ยอง อาจจะเป็นเพราะบาร์ซ่าคิดว่า ถ้าไม่มี เดอ ยอง ทีมก็คงยังยืนต่อไปได้
ถ้าขาย ก็คงได้ค่าตัวระดับ 70-80 ล้านยูโร (59-67 ล้านปอนด์) และล้างภาระค่าเหนื่อยที่ต้องจ่ายในปัจจุบันและอนาคตไปหมด ยอดตัดจำหน่าย (ต่อปี) , เงินค่าเหนื่อยในอนาคต , ค่าจงรักภักดี (Loyalty Bonus) ซึ่งส่วนนี้ เดอ ยองและเอเยนต์ ตกลงเอาไว้กับโจเซ็ป มาเรีย บาร์โตเมว ก็จะไม่มีแล้ว บาร์ซ่าจะไม่ต้องจ่ายเงินตรงนี้แล้ว
แต่ถ้ากลับมาคุยกัน ว่ากันตามจริง น้อยคนที่จะยอมลดค่าเหนื่อย และลดเงินที่ควรได้ แต่ถ้าสุดท้าย เดอ ยอง ยอมทำจริงๆ มันก็อาจจะมีเซอร์ไพรส์อยู่ต่อก็ได้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นั้นก็เกิดขึ้นได้ยาก เพราะเดอ ยองไม่ใช่คนที่ตัดสินใจคนเดียว แต่มีเอเยนต์ (อาลี เดอร์ซุน) ที่อยู่กับเดอ ยอง มานาน ฉะนั้นเดอ ยอง ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเอเยนต์ด้วย
ดูบอลกับแนท : ถาม
ขวัญลามาเซีย : ตอบ