จากมู้ นี้
https://www.soccersuck.com/boards/topic/2168065/1

ที่เพื่อนจขกท จบวิศวะ ชื่อดัง แต่ดันไปสอบ นายสิบ ตม

ไปๆ มา ผมโดน ตกซะเอง

ออกตัวก่อนครับ ในชีวิตนี้ คือไม่ชอบ อาชิพ ทหารตำรวจมาก ไม่ว่า จะได้เรื่องการอยู่ในกรอบ หรือ ภาพลักษณ์ สำหรับผม ที่เกลียด เป็นทุนเดิม

พอมีคนมาตั้งมู้นี้ ผมด้วยความ ที่มีน้อง ที่สอบติดเหมือนกัน ประเด็นคือ ก่อนน้องคนนี้จะไปสอบ เค้ามีตัวเลือกคือทำงานกับผม กับไปสอบ สุดท้ายเค้าเลือกไปสอบแล้วสอบติด ผมรู้สึกว่า ดีแล้วที่ทุกวันนี้น้องเค้าตัดสินใจแบบนั้น

กลับมาที่ผม หลังจากมีคนตั้งมู้นี้ ซึ่งผม มองต่างคือ ต.ม. เนี่ยไม่เหมือนตำรวจทั่วไปนะ คืองานมันสบายกว่าเยอะ และผลตอบแทนดีด้วย สวัสดีการก้ดี งานสบาย แม้จะเงินเดือนไม่สูง แต่ เงินพิเศษคือเยอะมาก ต่ำๆ ต่อเดือน ก็ 2 หมื่น ถึง 3 หมื่นกว่า ที่พักฟรี อีก เบิกค่ารักษาพ่อแม่ได้ ผมบอกข้อดีไป ทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า
เราเองก็น่าจะไปสอบบ้าง ตอนนี้ผมอายุ ก็ 33 ละ เค้ากำหนดอายุ ที่ 35 ปี เลยส่งข้อความไปปรึกษา น้องสาวว่า เค้ายังรับ อยู่มั๊ย ผมกะว่า จะลองทุ่มสุดตัวซักปี อ่านหนังสือติวให้มากที่สุด ที่สำคัญ ผมโง่อังกฤษมากๆ ก้ กะจะทุ่มอ่านแบบสุดตัว เอาให้พูดได้เลย


มาลองคิดดุแล้ว ถ้าได้งาน ตม
1. มั่นคงเรื่องเงินเดือน และ การงาน
2. สวัสดิการ ที่พัก
3. สิทธิ์การรักษา พ่อแม่
4. เครดิตรในการกู้
5. เครื่องแบบ ตม . ก็ มีความเท่ อยู่นะสำหรับผม
6. ตัวงาน ไม่หนักมาก
7. เมื่อเป็นราชการ ได้อนิสงค์ วันหยุด กับเค้าด้วย
8 งานไม่เชิงเป็นตำรวจเต็มตัว จะเหมือนอารม แนว ทำงานเอกสาร ตรวจข้อมูลคนซะมากกว่า

ในขณะที่ตอนนี้ผมพนักงาน ออฟฟิศทั่วไป ที่ อาจได้เปลี่ยนเจ้านายใหม่ เลยรู้สึก กลัวๆ กับ ความมั่นคงทางการ งาน หรือการปรับตัว เลยเริ่มหาลู่ทาง สำรองเผื่อไว้แล้ว

เผื่อไว้เป็นแนวครับ ผมแก่ แล้ว ไม่รู้จะทันไหม แต่ในนี้ ใครที่ อายุ 20 กว่าๆ ยังมีไฟอยู่ ผมก็ ว่า เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว นะ เดี่ยวมาอัพเดตอีกที รอน้องเค้ามาตอบก่อน พอดี น้องขับรถอยู่

ผมเองกำลังจะตั้งกระทู้เพื่อพูดคุยในเรื่องนี้อยู่เลย ไม่ทัน 5555

คือผมเข้าใจสมาชิกคนนั้นนะที่บอกว่าตม.ตั้งเกณฑ์รับต่ำ (วุฒิ ม.6 TOEIC 495 IELTS 4.5) ทั้งๆที่ต้องทำงานกับต่างชาติ ผมเข้าใจว่าท่านนั้นอาจจะมาตรรฐานส่วนตัวสูง
ทีนี้ที่ผมรู้มาคือ ตอนสอบนอกจากวิชาการทั่วไปและภาษาอังกฤษแล้ว ยังต้องสอบกฎหมายด้วยนะ คือไอเด็กหลังห้องที่ไหนเค้าจะมามีความรู้ในหลายแขนงได้แบบนี้

ผมเองไม่ได้พิศวาสอะไรกับราชการเลยไม่ชอบซะด้วย แต่ก้มองเหมือนเจ้าของมู้ใหม่นี้ว่า เออมันก็เป็นอาชีพที่ดีอาชีพนึงนะ จากที่อ่านในมู้นั้นอะ ตีอายุจากคนที่สตาร์ททำงานที่ 22-27 โดยประมาณกับเงินเดือน 20-30K+(ในช่วงก่อนโควิด) บวกสวัสดิการอื่นๆ ผมเลยสงสัยว่าอันนี้คือยังไม่สูงเหรอ เห็นบางคนบอกยังไงก็สู้วิศวะ เกียร์8 ไปทำงานวิศวะตรงสายไม่ได้ ปกติวิศวะโดยทั่วไปที่เริ่มทำงานจนถึงไม่เกิน 5 ปีแรกนี่เค้าได้กันเท่าไรมันมากกว่านี้ชัดเจนเลยเหรอ


ปล.1 ผมไม่ได้เรียนและทำงานสายวิศวกร แต่รู้จักคนสายนี้เหลายคน ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเค้าจะเก่งภาษาเหนือกว่าคนทั่วไปแบบไปคนละระดับอะไรขนาดนั้นแต่ก็ภาพรวมถือว่าดีกว่าคณะอื่นๆประมาณนึง
ปล.2 จากที่ผมรู้มาคนที่สอบเข้าตม มาอะ เด็กป.ตรีกันทั้งนั้น แถมหลายคนยังมาจากม.รัฐใหญ่ๆกันด้วยนะ ส่วนตัวผมว่าระดับเหนือกว่านายสิบชัดเจนและอาจจะเหนือกว่าราชการทั่วไปด้วยนะ
ปล.3 ให้ข้อมูลเจ้าของมู้งานเค้าเป็นกะนะมีทำทั้งเช้ากับกลางคืน วันหยุดเป็นแบบไม่ตายตัวอะ สลับวันในสัปดาห์ไปเรื่อย

คือส่วนตัว ถ้าตามที่อ่านที่จขกท.พิมพ์มา ผมว่าลองไปสอบก็ไม่เสียหายครับ เหมือนเมื่อวานที่มีคนตั้งเกี่ยวกับงานกรมศุลกากรว่ารายได้ดีนั่นแหล่ะครับ

คือผมมองว่ามนุษย์ทุกคนย่อมตามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคง เงิน ครอบครัว ฯลฯ ฉะนั้น ถ้ามองแล้วว่าอาชีพนี้มันจะเป็นอาชีพที่นำสิ่งที่ดีที่สุดเข้าสู่ชีวิตเราได้ ผมว่าก็ไม่เสียหายที่จะพยายามลองนะ เพราะสุดท้ายใครจะบ่นหรือจะดูถูกอาชีพคุณอย่างไร ถ้าคุณไม่ได้ทำผิดกฏหมาย หรือทุจริต หรืออะไรแนวๆนั้น รวมถึงยังเลี้ยงตัวเองได้ ผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจอยู่ดีครับ

ผมเองก็มีมาตรวัดตัวเอง (ที่อาจจะดูว่ามาตรฐานสูงกว่าปกติ) แต่ผมไม่ได้ดูถูกความสามารถของคน ผมกลับมองว่าระบบมันกรองคนที่เหมาะสมเข้ามาหรือเปล่ามากกว่า (เช่นปรับเกณท์คะแนนขั้นต่ำให้สูงขึ้น จะได้ไม่ต้องทำให้หลายคนเสียเวลาไปสอบก่อนที่จะถีบตัวเองให้เก่งขึ้น คือทำให้เก่งก่อนค่อยไปสอบแทน เหมือนจขกท.นี้แหล่ะ) ในกรณีของจขกท.นี้ ถ้าสุดท้ายแล้วคุณพยายามเต็มที่ แล้วคะแนนมันพอ รวมถึงคุณสอบเข้าได้ ผมว่าคุณก็ worth it แล้วล่ะครับ

ผมเองก็ไม่ได้คิดว่าคนจบวิศวะเก่งกว่าคนทั่วไป คนเก่งมันมีอยู่หลายที่ จบหลายคณะเต็มไปหมด และผมก็ไม่ได้มองว่าคนจบวิศวะคนนั้น"ลดตัว"ลงไปสอบตม.หรืออะไรเลยด้วยซ้ำ (ตาม story) มันไม่มีว่าจบอะไรสูงกว่าอะไรหรอกครับ คนเก่งๆจบม.6 หรือปวส/ปวชเป็นเจ้าของกิจการก็เยอะไป หรือจบแค่ตรีแต่ก็โตไปเป็น senior management ก็จบ ผมแค่มองในมุมของมาตรฐานการรับสมัครเท่านั้นเองครับ

ผมเองก็เรียนจบแบบเกรด 2 กว่าๆ ก็เด็กกลางๆห้องแล้วกัน แต่หลายๆอย่างมันก็ไม่ได้เรียนกันได้แค่ในห้องเรียน ผมทำงานกับเด็กๆจบใหม่เยอะ สัมภาษณ์คนมาก็เป็นร้อยแล้ว จะบอกว่าหลายคนก็มี turning point ตอนเรียนมหาลัยก็มี บางคนก็จบมาเกรดกากๆแต่ต้องดิ้นรนจนสามารถถีบตัวเองให้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนก็มี ฉะนั้น ก็ยังย้ำอีกทีว่า มันไม่เกี่ยวกับว่าคุณเป็นใคร คุณอาจจะเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่งเพราะไม่ชอบเรียน แต่ความรู้รอบตัวดีก็ได้ หรือถนัดบางเรื่องเป็นพิเศษก็ได้ แต่นั่นก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่า"เกณท์ขั้นต่ำ"ของการรับสมัครตรงนี้ ส่วนตัวว่ามันต่ำไปหน่อย เท่านั้นเองครับ

สุดท้ายนี้ ขอให้ทำได้อย่างที่ตั้งใจครับ

ps. เอาจริงๆสมัยนี้ จบอะไรก็ได้ ที่ภาษาได้ เงินเดือนเรียกได้เยอะแยะครับ (ในกทม.นะ) สาย data จบมาตอนนี้ก็ 35k ยืนพื้นแล้ว หรือสายไฟแนนซ์เป็น auditor ก็สตาร์ทพอๆกัน แต่เหนื่อยสุดๆๆๆๆ เลยครับ

ขอให้ท่านทำได้อย่างที่ตั้งใจหวัง เป็นกำลังใจให้ท่านครับจากคนอายุเลข 3 เหมือนกัน


วุฒิ ป.ตรีส่วนใหญ่จะรับบ่อยคือ computer engineering กับ computer science ครับ

บางคนวุฒิไม่ตรงก็ไปสอบชั้นประทวนเอาแล้วค่อยสอบภายในอีกทีครับ (ชั้นประทวนพึ่งสอบไปไม่นานนี้เองครับ)

ถ้าเพื่อนท่าน สอบเข้านาย สิบ หรือ คฝ ผม จะช่วยด่าครับ จากใจจริง เพราะอาชิพมันมีกุ้ยหรือเด็กหลังห้องสอบ กันเยอะจริง คุณภาพ เลยออกมาตามที่เห็น แถม เงินเดือนไม่ได้เยอะด้วยนะ น้อย เงินพิเศษ ก็ไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้นแถมต้องเลียนาย หรือทำยอดเก็บตังแทนอีก แต่ ตม เหมือนผมโดนชี้ทางเลย มองข่้ามมาตลอด วันนี้ พึ่งมาเห็นว่ามันน่าทำ นี้หว่า

แต่อันนี้ผมเด็กหลังห้องน่าจะยากครับ ผมมั่นใจนะ ถ้านายสิบทั่วไป ผมมั่นใจว่าผมติดสบายๆ แต่อันนี้ ปี นึงผมยังไม่มั่นใจว่าได้เปล่าเลย

ผมยอมรับเลยครับ พวกนายสิบ พวก คฝ ผมดูถูกจริง ใครมาสอบ ผมก็จะพูดว่า ไม่มี อาชิพที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ

มาเม้นเพิ่มเติมครับ
จากการคุยกับเพื่อนผมคนนี้
รายได้และสวัสดิการ และลักษณะการทำงาน ดีกว่า ที่คนในนี้พูดถึงไปมากครับ

แต่ผมไม่สามารถพูดออกสื่อได้ มันจะไม่ดี

ประเด็นที่ผมจะสื่อในมู้นั้นคือ รู้สึกแปลก
ที่ประเทศเราทำโครงสร้างเงินเดือน ให้คนจบ ม.ดัง ไปเป็นนาบสิบนี่แหละครับ

อันนี้ถามเพราะไม่รู้เลยครับ นายสิบนี่ถ้าเทียบกับราชการ ประมาณ C ไหนครับ
หรือว่าถ้าเทียบกับเอกชน นี่ถือว่าเป็นระดับไหนครับ

ถ้าข้าราชการทั่วไป ก็ ซี1
เงินเดือนสตาร์ทประมาณ 9000 กว่าครับ

จากที่เคยคลุกคลีกับคนที่อยู่ในวงวิศวะ และ IT นะครับ (ผมขอแยก IT ออกมา เพราะตอนนี้เฟ้อมากจริงๆ)

สำหรับสายวิศวะ ผมแยกอย่างนี้นะครับ

คนที่อยู่กลางๆแบบกลางจริงๆ ไม่ใช่ ส่วนบน (ไม่ต้องถึงยอดพิระมิดก็ได้) ผลตอบแทนไม่รวม OT มันไม่ได้สูงจนเว่อครับ คนอายุ 30 หกหมื่นก็ไม่ใช่แปลกอะไรครับ ซึ่งจากกระทู้ ตม. ว่าถ้าไปสาย ตม. รายรับรวมผลตอบแทนอื่นๆ นอกเหนือจากเงินเดือน ก็ไม่ได้หนีกัน และความมั่นคง + สวัสดิการดีกว่าด้วย อันนี้น่าจะเป็น point ที่คุณ GNR ชี้แล่ะ

ทีนี้ ถ้าเป็นคนที่เหนือกว่ากลางๆ ล่ะ profile โหดๆ รู้จริง รู้ลึก ได้อังกฤษดีๆ (หมายถึง TOEIC หลัก 650+) ถ้าทำเอกชน มันไปไกลครับ ดังนั้น ถ้าเทียบกับข้อมูลในกระทู้แล้ว คำแนะนำคือ อยู่สายเอกชนต่อครับ

ส่วนสาย IT ละไว้นะครับ อายุ 30 สมัยนี้ แสนนึง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยครับ ในกทม.

ทีนี้ พอมาดู criteria ในการรับคน ถ้าคนอยู่สายเอกชนมา แบบคุณ bryd.tt ที่ผมเข้าใจว่าอยู่สาย IT และขึ้นระดับ management แล้ว จะตั้ง bar สูง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ เพราะสาย IT มันจ่ายแพง แต่ก็คาดหวังสูงครับ ซึ่งผมเดาว่าเค้าก็จะตั้งความหวังแล่ะ ว่าราชการ ถ้ารับคน ตั้งให้มันยากหนอยสิ หาคนเก่งเข้าสิ ประเทศจะได้พัฒนาต่อไปได้ดี ซึ่งในความเป็นจริง มันก็หายากแล่ะครับ คนเก่งๆ สมัยนี้ส่วนใหญ่อยู่กับเอกชนเป็นหลัก มี spill มาสายราชการน้อย ทำใจอยู่กันแบบนี้ต่อไป จนกว่าเราจะสร้าง paradigm shift ได้จริงๆ

สอบได้ครับ
แต่อยากให้ตั้งคำถามว่า “เงินพิเศษ” มาจากไหน มาอย่างถูกต้องไหม
ถ้าสอบเข้าไปได้แล้ว ขออย่างนึงละกันนะ อย่าทำตัวเฮียๆแบบพวกตม.กังฉิน ไล่เดินตามไซต์ก่อสร้างเอกชนไถตังเค้า ไม่ใช่ว่าผู้ประกอบการไม่อยากทำให้ถูก แต่ระบบมันไม่อำนวยให้ทำให้ถูก ผู้ประกอบการก็อยากทำให้ถูกต้องกันทั้งนั้นแหละ แต่ผลประโยชน์มันเยอะ วนเวียนกันมาไถกันเพียบ ถ้ารัฐบาลเด็ดขาดหน่อยพวกนี้ก็ไม่กล้า แต่พอเริ่มปล่อย ไอพวกนี้ก็กลับมาอีกละ เวร

เงินพิเศา นี้ เงิน แบบ ถูกต้องเลยครับ

-เงินเดือนประจำ 8-9 พันบาท
- เงินประจำตำแหน่ง ประมาณ 2 พันกว่าบาท
- เงินค่า OT (ได้จาก บริการต่างด้าวเอาเงินทั้งหมด มารวมแล้วหาร ให้เจ้าหน้าที่ทุกคน) บางที่อยู่ที่ 6-8 พันบาท ต่อเดือน
- เงินค่าปรับ อันนนี้ เงินที่ได้จากค่าปรับมารวมเป็นกองการ แล้วหารแบ่ง กับเจ้าหน้า ที่ เห็นว่า 6-8 พันบาทต่อเดือนโดยประมาณ
- ยังมี พิเศษอื่นๆ อีก เรื่อง ของทำยอด ตรวจ หรือ ไม่แน่ใจ ถ้าตรวจเจอคนทำผิดมีโบนัสไรอีกเปล่า

ที่ว่ามาทั้งหมดคือเงินพิเศษแบบถูกต้องล้วนๆครับ

ดีครับ เดินทางสายสะอาดไว้นะครับ อย่ามาทางสายมืด ผมเห็นมาเยอะ ไอพวกตม.สายมืดเดินไถตังเก็บส่วยเนี่ย ส่งนายด้วย เข้ากระเป๋าด้วย ถ้าคุณจะเข้ามาเป็นตำรวจแล้วอยากก้าวหน้าในหน้าที่ไวๆ ก็หนีไม่พ้นเรื่องพวกนี้ครับ แต่ถ้าเข้ามา อยากทำงานสบาย รายได้ตอบแทนดี ไม่ทะเยอทะยานมาก ยศเท่าไหร่เท่านั้น ก็ทำตามปกติไปครับ ปลอดภัยดีกับตัวเองด้วย และดีกับผู้ประกอบการด้วย ไม่ต้องเจอพวกเฮียๆ เพราะเข้าไป เดี๋ยวคุณก็จะเห็นช่องว่างช่องทำรายได้ “พิเศษ” เอง ก็เตือนกันไว้ก่อน ว่าอย่าทำครับ

ถ้าจะสอบ ผมว่าลงติวคอร์สอาจารย์ทัด หรือหาหนังสือมาทำข้อสอบครับ สอบราชการไม่ยากเกินไปอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเตรียมตัวมาดีพอหรือเปล่ามากกว่า

อ่านอังกฤษ อย่าลืมอ่าน กม. นะ ใช่ว่าได้คะแนนโทอิคเยอะแล้วจะสอบได้ เพราะอังกฤษ ตม. มาในรูปของ กม.ตม.

เช่นเค้าตะสมมติเหตุการณ์มา นายนี้กระทำการแบบนี้ คุณจะจับเค้าข้อหาอะไร โทษเท่าใด โดยที่ถามเป็นภาษาอังกฤษ

ต่อให้โทอิค 990 ก็ใช่ว่าจะผ่าน