[RE: อ.ชัชชาติเข้าใจผิด เครื่องบีบอัดขยะ ไม่ได้ราคา 40-50ล้าน แต่เป็น700ล้าน!!!]
Lucy Li พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
Lucy Li พิมพ์ว่า:
a.Raptor v.10 พิมพ์ว่า:
ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้อะ ชัชชาติ ทำหลายเรื่องเร่งเกินไปแล้ว เาอจริงๆไม่ต้องไลฟทุกวันหรอก บางวันควรต้องประชุมภายในให้รุ้เรื่องจริงๆหน่อย มันจะได้ออกมาแจ้งประชาชนเป๊ะๆทีเดียวไปเลย ตอนนี้คือลงเหมือนวันละเรื่อง บางวันสองเรื่องเลย
เวลาเป็นสิ่งมีค่าครับ แกก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่า 1 วาระแค่ 4 ปี แปปเดียวเอง ประชาชนเดือดร้อนรอไม่ได้ครับ ถ้าทำงานอย่างที่ท่านพูด ในมุมมองแกคงมองว่ามันช้าไปด้วยซ้ำถ้าทำงานแบบเดิมๆ การให้คนเห็นวิธีการทำงานที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่จัดฉาก มันก็อาจจะมองได้ 2 มุม แต่แกคงมองแล้วว่ามันคุ้มกว่าก็เลยต้องไลฟ์ให้ดูเลย อย่างน้อยๆก็ช่วยกันเสนอความคิดเห็นได้โดยตรง
ไม่อะ อย่างน้อยถ้าจะไลฟ ก้ไลฟเอาปัญหาด้านเดียวซ้ำๆหน่อย แบบเจาะลงไปเป็นเรื่องๆซักนิด
อันนี้เหมือนชัชชาติลงปัญหาใหม่ทุกวัน แล้วเหมือนกับที่ฟังมาแกฟังแล้วแถลงเลย
คือเอาง่ายๆนะ เรื่องแค่ระดับภาคเอกชนที่เล็กกว่านี้ยังต้องประชุมโปรเจค หาข้อมูล หาทางเลือก มีเวลาให้รีเสริช ก่อนที่จะแถลง ต่ำๆก้ 1-2อาทิตอะ ซึ่งมันก้ควรแบบนั้นแหละ คือไลฟไปเอาแค่ปัญหาพอ
แล้วก้มีเวลาไปรวมตัวกันภายหลัง ประชุมในห้องประชุมก่อน แล้วก้เอามาแถลง
เอาง่ายๆคือไม่ต้องรีบแถลงอะ เอาเวลาไปหาความจริงก่อนเริ่มทำอะไร
คือไม่ต้องรีบทำขนาดนี้ มีเวลาก้ไปเคลียดีๆก่อร วางให้เป็นระบบแล้วค่อยมาบรีฟroadmapก้ยังทัน
สิ่งที่ท่านกำลังอธิบายคือการทำงานแบบเก่าๆไง เอาเรื่องเข้าที่ประชุม ผ่านขั้นตอนยุ่งยาก เยอะแยะ จากตัวเล็กไปตัวใหญ่ กว่าจะถึงผู้ว่าก็ไม่ต้องทำห่านอะไรก็หมดวาระแล้วไง
อาจารย์ลงพื้นที่เพื่อไปรู้ว่าตรงนี้มันมีปัญหา จะได้ให้ไอพวกที่ต้องรับผิดชอบพื้นที่ทั้งที่อดีตทำงานกันไปวันๆให้ Active ขึ้นไง สลับทั้งเรื่องใหญ่เรื่องทั่วไป ตามที่อาจารย์แกมองว่าลำดับไหนสำคัญ อย่างทำไมอาจารย์ต้องลงมาดูเรื่องถนนคนเดิน สายไฟ จราจร น้ำท่วม เพราะมันเข้าถึงคนได้ง่าย และมันแก้ปัญหาง่ายกว่าเรื่องใหญ่ พอคนที่ติดตามดูอยู่ เห็นว่ามันแก้ปัญหาได้ มันก็เกิดความหวังขึ้น ก็ส่งให้เราช่วยๆกันแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น เพราะมันมีแนวทางไว้แล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยๆเริ่มเรื่องที่มันใหญ่ขึ้นไง เพราะปัญหาอันนี้มันไม่ได้จบที่ กทม. หน่วยเดียว
อีกอย่างปัญหา กทม. มันไม่ได้มีแค่น้ำท่วมหรือฟุตบาทนะครับ มันมี 108 เรื่อง เรื่องเล็กๆที่ทำกันได้เองอาจารย์แกก็ออกแบบวิธีการทำงาน traffy fondue แล้วไง จะได้ไม่ต้องลงมาดูเองทั้งหมด
ส่วนที่อาจารย์แถลงข่าวหลังจากที่ลงพื้นที่มันคือการมาสรุปให้คนที่ดูข่าวเข้าใจว่า วันนี้มาทำอะไรบ้าง แล้วปัญหามันคืออะไร ไม่ใช่ว่าลงมาแล้วแก้ปัญหาได้เลยไง
ประเด็นคือวิธีปกตินั่นแหละคือวิธีที่ถูกที่สุด แต่แค่เราต้องมาปรับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ยกตัวอย่าง 2เรื่องละกัน ง่ายๆ
เรื่องขยะ กับ รถไฟฟ้า
รถไฟฟ้าเนี่ยการจะปรับราคามันคือถูกต้องและดี แต่มันต้องไปคุยกันหลังบ้านก่อนว่ามันเอาตรงไหนมาทำอะไรได้มั่ง ส่วนต่อขยายจะทำยังไง จะเอาภาษีตรงไหนมาโปะ ให้ประชาชนจ่ายน้อยลง จะดั๊มราคาลงไปเหลือเท่าไหร่ได้
แต่อตนนี้ที่ทำคือ ประกาศ แถลงไปเลยว่าจะลดอะไรเท่าไหร่ แต่พอถามปุ๊บ เหมือนชัชชาติจะตอบว่าเดวไปเชค ไปคุย ไปหาวิธีการก่อน
หรือเอาอย่างเรื่องขยะ คือเรื่องขยะนี่มันลึกมากเลยนะ ตั้งแต่รถเก็บขยะ เก็บไปไหน จะสร้างที่เก็บเพิ่มตรงไหน เอารีไซเคิลยังไง บลาๆๆๆ
ที่ควรทำคือไปหน้างานอะถูก แต่ก่อนจะแถลงอะไรต่อมันคือต้องไปตามให้หมดเลยว่าปัญหาขยะของเรามีอะไรบ้างไปฟังทีมในที่ประชุมก่อน แล้วค่อยมาแถลงจริงๆเลยว่าเออ แผนการที่จะทำมีแบบนี้นะ
สรุป ไปหน้างานอะไปได้ แต่ไปรับปัญหาอย่างเดียวพอ อย่างเพิ่งวิเคราะห์กับพูดถึงวิธีแก้ ไปหาข้อมูลมาก่อนแล้วค่อยแถลงทีเดียว