[RE: คิดยังไงกับเงินโอนคนขยันของเพื่อไทย?]
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
N'Square พิมพ์ว่า:
the Smirnoff พิมพ์ว่า:
N'Square พิมพ์ว่า:
เรื่อง Negative Income Tax(NIT) นี่เคยได้ยินมาซักพักแล้ว หลายปีแล้วหละ แนวคิดนี้ถูกเสนอโดย Milton Friedman นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลชาวเมกา ซึ่งกระทรวงการคลังก็เคยพยายามดันเรื่องนี้อยู่
หลักคิดสำคัญของ NIT หรือเงินโอนคนขยัน คือ การช่วยเหลือคนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์หรือคนที่ยากจน โดยเค้าจะมีเกณฑ์อยู่ว่า รายได้ต่อปี ไม่ถึงกี่บาทๆ ก็เข้าเกณฑ์ ทำนองนี้ โดยการช่วยเหลือไม่ได้แจกเงินอย่างเดียว จะหลักคิดคือ "การเอาเงินมาเป็นแรงจูงใจ" ถ้าคุณยิ่งทำงาน สร้างรายได้เพิ่ม คุณก็จะได้เงินโอนเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
อธิบายอีก คือมันจะหลาย Phase อะครับ สมมติ Phase1 คุณมีรายได้ 1-30,000 บาทต่อปี จะได้เงินโอนช่วยเหลือจากรัฐ 6,000 บาท ต่อมารัฐจะทำโครงการช่วยเหลือ สร้างอาชีพหรือพัฒนาทักษะควบคู่ไปด้วย แล้วคุณทำงานจนสร้างรายได้เพิ่มได้เป็น 30,001-80,000 บาทต่อปี ก็จะเข้า Phase2 อาจจะได้เงินเพิ่มจาก 6พัน เป็น 8 พัน อะไรทำนองนั้นเพื่อจูงใจให้คนอยากมีรายได้เพิ่มขึ้น จนเมื่อถึงจุดหนึ่ง เข้า Phaseสุดท้าย คือ คุณมีรายได้ที่รัฐมองว่ามากพอที่จะเลี้ยงชีพ ไม่จนละ(สมมติ รายได้ขั้นต่ำต่อเดือน9,000บาท ต่อปีก็คือมีรายได้ 100,800บาท) รัฐก็เลิกจ่ายเงินอุดหนุน คือคุณยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้แล้ว
ข้อดีของวิธีนี้คือ เป็นการจ่ายเงินแบบเจาะจงรายคน โดยของไทยเรามี big data จากแอพเป๋าตัง หรือไทยชนะอยู่แล้ว มันก็พอจะใช้ได้ และงบก็โยกจากบัตรคนจนที่แจกเฉยๆ มาใช้วิธีนี้แทน ซึ่งวิธีนี้เค้าเรียกว่า Cash Condition Transfer(CCT) จ่ายเงินช่วยบางกลุ่ม จะต่างจากรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าแบบของพรรคก้าวไกลที่เป็นแนวแจกแบบถ้วนหน้า Universal Basic Income(UBI) ซึ่งในอนาคตก็อาจจะทำแบบนั้นถ้าทำได้ แต่ตอนนี้ที่เพื่อไทยเสนอแบบ CCT เพราะถ้าดูจากอัตราการเก็บภาษีของไทยที่ได้แค่ 15-16 กว่า% ของGDP มันน้อยกว่าสแกดิเนเวียที่ทำแบบ UBI ที่เก็บภาษีได้ถึงมากกว่า 50% ครับ
ส่วนข้อเสีย คือ 1.อาจจะเจอพวกสวมรอย คนปลอมทิพย์ มันเป็นจุดอ่อนของนโยบายแบบนี้อยู่ละ เหมือนตอนบัตรคนจนที่มันก็มีไอ้พวกที่สวมรอยจากช่องโหว่ ก็ต้องหาทางอุดกันดีๆ แต่ถ้ารัฐทำนโยบายช่วยพัฒนาทักษะลงไปดูละเอียดเลยก็อาจจะเช็คได้ 2.บางคนก็จะโจมตีว่านโยบายประชานิยมนี่แหละ แจกเงินอีกละ ก็ว่ากันไป
ส่วนตัวผมว่ามันก็ลองทำได้ครับ อาจจะเวิร์คหรือไม่เวิร์คก็ได้ แต่มันก็น่าจะดีกว่าแจกเงินเฉยๆแบบบัตรคนจนปะ ยิ่งแจกยิ่งจน งง ถ้าทำแล้วเวิร์คจริง คนจนกลายเป็นคนชั้นกลางล่างก็ทำให้เก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เพิ่ม ก็มีรายได้เพิ่มไปทำรัฐสวัสดิการในอนาคต
รอดูcriteriaนั่นแหละconceptดีอันนี้เห็นอยู่ ผมเห็นด้วยกว่าที่จะไปทำUBIตุ้มเดียวเลย ผมว่าไทยไม่พร้อมตอนนี้หรืออนาคตอันใกล้นี้
แต่การexecution ยังไงให้ตรงตามconceptนี่ต้องมาถกกันอีกยาว ข้อเสียใหญ่ๆก็อย่างที่นายว่านั้นแหละ พวกอยู่นอกระบบนี่ตัวดีเลย
อ้อจุดอ่อนอีกอย่างคือใช้เงินกู้นั่นแหละถึงจะอ้างว่าโยกงบมาเลย แต่ไอ้งบนั้นก็กู้มาอยุ่ดีนั่นแหละ
เรื่อง criteria ก็ศึกษากันไป ในไทยมีอาจารย์ที่ทำวิจัยเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็คงต้องหารือกับนักวิชาการว่าเกฑณ์ไหนที่เหมาะสม
ส่วนเรื่องเงินกู้ เอาตามตรงมั้ย ถ้าพูดกันจริงๆ ผมว่านโยบายนี้ของเพื่อไทยคือการแปรให้นโยบายบัตรคนจนกลายเป็นของตัวเอง โดยที่ไม่ซ้ำหรือไม่ก็อปมา และปรับเปลี่ยนเงื่อนไขให้ดีขึ้น เพราะว่ายังไง ไอ้นโยบายบัตรคนจนอะ รัฐบาลไหนมาทำต่อ ก็ยกเลิกยาก เพราะมันทำไปแล้ว และประชาชนก็เข้าใจว่ามันคือสวัสดิกาาของตัวเองไปละ ถ้าอยู่ๆมายกเลิกอะ จะมีปัญหา ก็เลยเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนรายละเอียดมันซะเลย
เข้าใจ แต่มันก็คือเงินกู้อยู่ดีนั่นแหละแค่เล่นคำ
นายอาจจะสลับกันป่าว ถ้าไอ้โครงการคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกันอะไรนั่นอะ กู้เพิ่มนอกงบประมาณประจำปีมาทำโดยเฉพาะ พยุงเศรษฐกิจ
ส่วนเท่าที่อ่าน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนดูมันจะอยู่ในงบประจำปีไปแล้ว ซึ่งถ้าจะบอกว่าอันนี้เป็นเงินกู้ every government policy ก็เป็นเงินกู้ด้วยนั่นแหละครับ เพียงแต่ต่างกันหน่อยตรงที่งบบัตรที่จะโยกนี่มันเป็นงบประมาณประจำปีที่ต้องผ่านสภาอะ มันอยู่ในนั้นแล้ว แต่ไม่ได้มากู้เพิ่มเพื่อมาทำแบบคนละครึ่งหรือเที่ยวด้วยกัน