ควรเป็นวิชาเลือกครับ ฝึกการใช้ชีวิตและอุปกรณ์สำหรับเอ้าท์ติ้ง
ไม่ควรเน้นที่การแต่งกายภู่ต้องไม่เกิน 1 เซน หัวเข็มขัดต้องเงา
ไม่ควรเน้นระเบียบวินัยจนเกินไป มีได้แต่ให้พอเป็นสังเขป
สิ่งที่ควรเน้นเลย คือ การใช้ชีวิตแบบเอาท์ติ้ง เต็นท์กางยังไง การปฐมพยาบาล การแก้ปัญหาต่างๆในขณะออกทริปต่างๆ ฯลฯ
สรุปคือเน้นการใช้ชีวิต วิธีเอาตัวรอด มากกว่าชุดและระเบียบวินัยอะ
จากเด็กกองร้อยพิเศษ ลูกเสือวิสามัญรุ่นใหญ่

เอาจริงผมชอบวิชานี้ี้​นะ​ สนุกดี​ แต่ไม่โอเคกับการที่ลืมว็อคเกิ้ลแล้วต้องไปซื้อใหม่ด้วยเงินตัวเอง

ถ้ากลัวเปื้อนก็ชุดพละ+ผ้าพันคอซักผืนก็พอแล้วมั๊ง ไม่ต้องจัดเต็มแบบนี้ เห็นรายจ่ายพี่สาวเรื่องหลานละก็เครียดเเทนเหมือนกัน

ไม่รู้สมัยนี้เป็นไง ถ้าถ้าเป็นแบบสมัยผมก็ควรเลิก หรือเลือกเรียนได้ตามสมัครใจ แต่ไม่ควรบังคับ สมัยผมเรียนจบมาความรู้ที่ได้มาใช้มีแค่เงื่อนพิรอดอย่างเดียว ที่เหลือไม่ได้ใช้ประโยชน์ไรเลย

ตอนเรียนก็มีแค่จัดแถวกับร้องเพลงอะ แล้วสามปีก็เรียนอยู่แค่นี้แหละ พวกทักษะดำรงชีวิตอื่นๆคือ ด้วยความเป็นเด็กบ้านนอก ก่อไฟ สร้างเต๊น ขุดดิน หุงข้าวแบบสะเด็ดน้ำ อื่นๆนี้ทำเป็นกันหมดอะ ครูไม่ต้องสอนเลยอะเวลาไปเดินทางไกล ร้อยคนทำเป็นกัน 90 กว่าคน เลยไม่รู้จะเรียนทำไม

ชุดนี่ถ้าเลือกได้ไม่บังคับนี่ okเลย หรือไม่ก็ยกเลิกชุดนร.ไปเลยเหลือแต่ชุดลูกเสือไว้ เพื่อให้เหลือการฝึกระเบียบวินัยไว้บ้าง ไม่งั้นรุ่นลูกรุ่นหลานมันจะไม่เหลืออะไรไว้ฝึกสอนแระ .

แต่เรียนลูกเสือนี่ได้อะไรแยะมากกกกกกกเลยนะ.
ปฐมพยาบาลโดยของใกล้มือ ดูแผนที่ เข็มทิศ ทำเป็นเล่นไป มีประโยชน์นา ผมเด็กๆหลงทิศมาก คือเดินออกไปหน่อยเดียว กลับไม่ถูก ตอนไปเรียนฟังวิทยากรสอนนี่ พอเดินจริง Ok เลยติดมายันโตไม่หลงทิศ เดินห้าง จอดรถ ไปถูกกลับถูกแม่นเลย.
เงื่อนก็ได้ใช้ เชือกลูกเสือใช้เป็น 10 ปีจนมันเปื่อย(ทนชิบ) ออกค่าย กางเต้น หนุ่มๆนี่ไปทุกเดือน กลายเป็นชอบไปเลย.

เวลาไปเที่ยวแล้ว ก่อไฟหุงข้าวได้นี่โคตรเท่ครับ ยิ่งเวลาเจอกลุ่มจุดไฟไม่เป็นแล้วไปจุดให้นี่ฟินแท้.

กิจกรรม มีประโยขน์ ไร้โลกโซเชี่ยล ก็แค่ชุด ชุดเดียว ส่วนเนื้อหา กิจจกรรม อยู่ที่ รร. นั้นๆ แหละ

ถ้าปรับหลักสูตรให้มันใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันไม่ได้ ก้ทำเป็นวิชาเลือก ใครใคร่เรียนเรียนไม่ต้องบังคับ

ถ้าปรับตัวเนื้อหาหลักสูตรให้ทันสมัยขึ้นมันน่าสนุกนะ มันเป็นวิชาแคมป์ปิ้งเบื้องต้นได้เลย

เอาจริงๆพวกแก๊งผู้กำกับลูกเสือในระบบคงไม่ยอมให้ยกเลิก เพราะลูกเสือนี่มันธุรกิจย่อมๆในระบบการศึกษาเลยนะเป็นการทำผลงานของผู้บริหารที่ไม่ยาก เอาครูไปอบรม btc atc เสียตังจ้างผู้กำกับวิทยากร โรงเรียนดีหน่อยออกเงินให้ครูโรงเรียนไหนไม่เคร่งให้ครูไปอบรมเองเสียตังหลักพันเพื่อให้ไปลำบาก ไหนจะค่ายลูกเสือต่างๆอีก เม็ดต่อค่ายครั้งนึงตั้งเท่าไหร่ เงินดอุดหนุนในส่วนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ไปลงตรงนี้

รุ่นผมที่เอามาใช้ได้ตอนนี้แค่ก่อไฟ ไม่รู้สมัยนี้พัฒนาหลักสูตรไม่บ้างยัง

เปลี่ยนเป็นวิชาการเงินดีกว่า เหมาะกับสกิวเอาตัวรอดในยุคนี้มากกว่า

ที่มาของวิชาลูกเสือมาจากการ scouting (สอดแนม/สายลับ) ครับ

หลักการของมันก็เหมือนกับการใช้ ตชด. แทนทหารนั่นละ

แล้วการฝึกสอนเด็กๆในวิชาลูกเสือก็มาจาก "การใช้เด็กเป็นหน่วยสอดแนม" ครับ

เพราะอีกฝั่งเห็นว่าเป็นเด็กเลยไม่ได้ระวังอะไร

ส่วนยุคนี้จะเปลี่ยนอะไร เปลี่ยนยังไงก็ประชุมกัน discuss กันครับ ว่าอยากให้ทิศทางของวิชานี้เป็นยังไง

มีอะไรที่ต้องเพิ่ม ต้องลด หรือจะยกเลิกไปเลย

ส่วนตัวผมว่ามันยังพอมีประโยชน์บ้างนิดหน่อยก็น่าจะปรับให้เข้ากับยุคสมัยเอา (หลักสูตรที่เรียนๆกันน่าจะมาตั้งแต่ ร.6 ยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 นู้นเลย)

จริงๆแล้วควรเลิกไปได้แล้ว ให้ครูสอนบรูณการ แต่มีวิชาลูกเสือทำไม สอนcpr วิชาสุขไม่ได้หรือ สอนทำเงื่อน หรือ สอนเอาตัวรอด เอาไปสอนวิชาพละไม่ได้หรือ สอนจิตอาสาเอาไปสอนวิชาหน้าที่พลเมืองไม่ได้หรือ หรือถ้ายังอยาสอนอีก ก็คสรให้เป็นวิชาเลือก แบบ รด. อย่างนั้นจะไม่ตะขิดตะขวงใจเวลาซื้อเครื่องแบบ

ชุด+รองเท้า ราคารวม 3,200 นี่เว่อร์เกินจริงไปมั้ย (หมายถึงคนที่ซื้อ 3,200 มันราคาแพงเกินจริง)

ถ้าเลือกซื้อเป็นๆหน่อย ราคาไม่เกิน 1,000 หรอก

วิชาขยะ

สอน life support แบบเต็มๆคาบไปเลยไม่ใช่มาประโยคนึง พวกปั๊มหัวใจ หลักช่วยคนจมน้ำ งูกัด ลมชัก คนยุคนี้ยังเข้าใจผิดๆกันเยอะมาก