ตั้งแต่ Vini Jr ก้าวเข้ามาสู่ Estadio Santiago Bernabéu ในปี 2018
น้องก็เข้ามาเป็นสีสันให้กับทีมโดยตลอด ทั้งเรียกเสียงชม และ เสียงด่า
ด้วยลีลาการเล่นในแบบฉบับนักเตะบราซิล แซมบ้าในสายเลือด หลบแบบดิจิตอล สับๆๆๆ สับจนเพื่อนส่ายหัว
"เมิงไปเล่นคนเดียวไป๊" เบนเซม่า ไม่ได้กล่าว

หลังจากโดนวิจารณ์มาตลอด3ปี แต่ปีนี้เจ้าตัวกลับทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
ผลงานปีที่ผ่านมา มีพัฒนาการในเชิงสถิติอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับปีก่อน
ปี2021/2022 ผลงานทุกรายการ ลงเล่น 52 เกม ยิง 22 แอสซิส 16
ปี2020/2021 ผลงานทุกรายการ ลงเล่น 49 เกม ยิง 6 แอสซิส 4
ปัจจุบัน Vini Jr อายุ 21 ปี ลงเล่นให้มาดริด 117 เกม 36 ประตูทุกรายการ

สื่อท้องถิ่น มองว่าส่วนนึงก็เป็นผลจากการทุ่มเทในช่วงปิดฤดูกาลของเจ้าหนูวินิ ที่ตามรอยรุ่นพี่อย่าง CR7 โดยจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว และเชฟส่วนตัว เพื่อช่วยพัฒนาทั้งร่างกาย และดูแลโภชนาการ

สิ่งที่น่าสนใจคือ การจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะนักเตะชั้นนำหลายๆคนก็ทำแบบนี้ แต่ด้วยค่าเหนื่อยของ วินิ ณ ตอนนั้น ยังไม่ถึง 200k Euro/week ด้วยซ้ำ การจ้างเทรนเนอรชั้นนำด้วยเงินส่วนตัว แทนที่จะเอาไปใช้อย่างอื่น แสดงให้เห็น Attitude ที่ดีในฐานะนักกีฬาอาชีพ

Vini Jr กำลังถูกมองเป็น asset สำคัญของทีมในอนาคต

เพื่อนๆ มองว่าอะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จในปีนี้ของ วินิ?
มีความคิดเห็น มองอนาคตของเจ้าหนูวินิ ไว้ยังไงมาแชร์กันคับ

ที่มา Marca
https://www.marca.com/en/football/real-madrid/2020/05/11/5eb87746ca4741da708b458b.html

ด้วยความเคารพ ทั้ง วินิ และ โรดีโก้ มีแววสูงพุ่งๆ ทั้งคู่เลย

ปล. ยิ่งบัลเบรเด้ ผมว่าโคตรเก่งเลย ไอ่เจ้ากองกลางคามาวิงก้า ก็ดูมั่นใจดี

รอชมฤดูกาลฟน้าเลย หวังว่าจะโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมหวังจากโรดรีโก้อีกคน อยากให้มันขึ้นมาพร้อมๆ กันเลย บัลเบเด้จะได้กลับไปเล่นกลางสักที ถ้า 2 ลูกกรอกบราซิลมันขึ้นไปถึงระดับโลกนะ มาดริดอย่างคุ้มเลยจริงๆ

ปีที่แล้วคือยิงเฉพาะทีมใหญ่

ดีนะอีอุสไม่ใจแตกตอนโดนเบนบอกเพื่อนอย่าส่งบอลให้มัน

ก่อนย้ายมา เคยดูตอนเล่นลีคบราซิล ผมบอกไว้ว่าตัวนี้เร็วและทักาะดี แต่ห่วยจังหวะสุดท้าย

ย้ายมาก็ยังเป็นอย่างนั้น เล่นๆไปมีดราม่าเล็กๆกับเบนเซม่าขาใหญ่ในแนวรุกอีก

แต่กลายเป็นว่าน้องมันอดทนพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ จนมาเจอยุคอันเช่
ตรงนี้ต้องให้เครดิตอันเช่ด้วย เซ็ตระบบการเล่นทำให้อุสฉายแสงมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ผมแค่มั่นใจว่าอุสมีพรสวรรค์ที่ดี แต่ตอนนี้ผมเริ่มมองไปที่ท้าทายตำแหน่งแข้งเบอร์1ของโลกในยุค
ร่วมกับเอ็มบับเป้และฮาลันด์แล้ว

อุสใจมันสู้มาก เอาคำด่าจากแฟนๆมาเป็นลูกฮึด

คือมันโดนด่าแค่ตอนจังหวะสุดท้ายในกรอบเขตโทษแค่นั้นแหละ

ปีนี้คมขึ้นเยอะ มุมแคบๆบางลูกจากที่คิดว่ายิงไม่ได้ ยังยิงเข้า แต่ปีก่อน ต่อให้โกลโล่งๆคิดว่าจะยิงเข้า แม่มมม ยังกล้ายิงออก ให้เลี้ยงเข้าโกลยังง่ายกว่าอีก

ดูมันแบบนี้ ผมก็ไม่นึกเหมือนกันว่าน้องมันใจสู้โคตรๆ โดนดราม่าคราวนั้นนึกว่าจะหงอ

ใจสู้พร้อมกับพัฒนาตัวเองขึ้นมาอีก ฟอร์มดีขึ้นแบบนี้ แฟนๆก็อุ่นใจ เกมรุกไม่ตันเหมือนปีก่อนๆ อุสมันฝากผีฝากไข้ได้แล้ว

พัฒนาแบบก้าวกระโดดมากๆ แต่ก็ยังมีปัญหาจังหวะสุดท้ายที่ยังไม่เด็ดขาดพออยู่ดี เหมือนจะมองหาแต่เบนเซม่า แต่ด้วยเป็นปีกดาวรุ่งผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา

อีกสัก 2 ปีมาดูกันใหม่ ในตอนนั้นควรมีครบทุกอย่างได้แล้ว มาดริดจะได้ฝากความหวังแนวรุกไว้ที่แกได้

ก้าวข้ามเนย์มา ไปหลายช่วงตัว

เวลาบุก ขึ้นเกมทางอุสซะส่วนใหญ่

กลายเป็นกำลังสำคัญไปซะแล้ว

ปีนี้ โรดี้โก้อาจจะเกิดกะได้ น้องมันอายุน้อยกว่า อุส 1 ปี

เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ด้านขวา ต่อไปคงถนัดมากขึ้น

ปัญหาคือเวลาเบนไม่ลง มันแบกไม่ได้ เล่นมั่วไปหมด

Welcome back ครับ​ El capitan