วารานเจ็บ! แนวรับ 'ตราไก่' พัง โคนมโดนก่อนบุกแซงเจ้าถิ่น 2-1
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
ทัพ ตราไก่ ฝรั่งเศส เปิดหัวยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก น่าผิดหวังเมื่อพลาดท่าปรายคารังต่อ โคนม เดนมาร์ก 2-1 ในเกมที่เจ้าถิ่นดีกว่าได้ประตูออกนำไปก่อนจาก คาริม เบนเซม่า นาที 58 แต่มาโดนจุดเปลี่ยน ราฟาเอล วาราน เจ็บต้องส่ง วิลเลี่ยม ซาลิบา เล่นแทนนาที 61 จากนั้นแนวรับก็เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด จนโดน อันเดรียส คอร์เนลิอุส ตัวสำรองฝั่งทีมเยือนทำ 2 ประตู นาที 68 และ 88 แซงเก็บ 3 คะแนนได้ในที่สุด
ฝรั่งเศส
Starting Formation: 3-4-1-2
4.
ราฟาเอล วาราน

61'
5.
ชุลส์ คุนเด้

90+2'
7.
อองตวน กรีซมันน์

78'
11.
คิงสลี่ย์ โคมัน

90+2'
10.
คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้

46'
ตัวสำรอง
17.
วิลเลี่ยม ซาลิบา

61'
15.
โจนาธาน คลอสส์

90+2'
14.
อาเดรียน ราบิโอต์

78'
12.
คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู

46'
20.
มุสซ่า ดิยาบี้

90+2'
ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก กลุ่ม A1
สนาม สต๊าด เดอ ฟรองซ์
วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565
กรรมการ เฟลิกซ์ ซวาเยอร์
ฝรั่งเศส
1
2
เดนมาร์ก
1-1 อันเดรียส คอร์เนลิอุส 68'
1-2 อันเดรียส คอร์เนลิอุส 88'
ฝรั่งเศส เปิดบ้านเล่นเนชั่นส์ลีก นัดนี้ได้ คาริม เบนเซม่า หัวหอกแชมป์ยุโรปจากเรอัล มาดริด ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในตำแหน่งหน้าเป้า โดยเขาจับคู่มือเป็นหัวหอกกับ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ มี อองตวน กรีซมันน์ รับบทบาทหมายเลข 10 อยู่ข้างหลัง
อย่างไรก็ตาม ทัพตราไก่ไม่มี ปอล ป็อกบา ที่ยังมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน
ฝั่งเดนมาร์ก มี คริสเตียน อีริคเซ่น ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง พร้อมกับนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ในพรีเมียร์ลีกอีกหลายคน
เดนมาร์กทักทาย เมห์เล่ยิงชนเสา
เริ่มเกมได้แค่ 4 นาที เดนมาร์ก เกือบช็อกเจ้าถิ่นจาก ดอลเบิร์ก สบโอกาสตวัดยิงที่เสาไกลโดนไม่เต็ม บอลเลยมาถึงเสาสองเข้าทางปืน เมห์เล่ ซัดมุมแคบชนเสาออกหลังไปนิดเดียว
เบเนซม่าซัดติดเซฟชไมเคิล
หลังจากปล่อยให้เดนมาร์ก สตาร์ตเกมได้ดี ฝรั่งเศสยกระดับเกมดีขึ้นและมีลุ้นจาก เบนเซม่า ซัดลูกคัทแบ็กของก็องเต้ ไปติดบล็อคกองหลังเดนมาร์ก พยายามจะตามซ้ำแต่ไม่ทัน
เบเนซม่ายิงเข้าถูกจับล้ำหน้า
ฝรั่้งเศสมาเป็นชุด คราวนี้ เอ็มบัปเป้ จ่ายบอลให้ เบนเซม่า ซัดผ่านมือชไมเคิลสำเร็จ แต่มีธงล้ำหน้าตามหลังมาซะก่อน
ภาพรวมเดนมาร์กยังสู้ได้ดี
ผ่านครึ่งทางครึ่งแรก เดนมาร์ก ยังครองบอลสู้กับฝรั่งเศสได้ดี แต่โอกาสลุ้นทำประตูยังมีไม่มากนัก
เมห์เล่ได้จิ้มยิงแต่เบาไป
เดนมาร์ก ได้ลุ้นเล็กจาก เมห์เล่ อาศัยจังหวะที่แนวรับฝรั่งเศสสกัดบอลพลาด จิ้มบอลหน้าประตู แต่โดนเบาไป ญอริส ทิ้งตัวรับเข้าซองสบาย
บัปเป้มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน
ก่อนพักครึ่ง เอ็มบัปเป้ มีอาการเจ็บรบกวน ไม่ได้เกิดจากการปะทะ เจ้าตัวเดินออกจากสนามไปเลย ยังไม่ชัดว่าจะมีการเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่งหรือไม่
บัปเป้เจ็บให้เอ็นคุนคูเล่นแทน
ครึ่งหลังก็ตามคาด เอ็มบัปเป้ เล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนตัวให้เอ็นคุนคูลงมาทำเกมรุกแทน
เบนเซม่า เทคตัวโหนโหม่ง จังหวะแรกก ก่อนจะตามไปตวัดยิงดาบสองแต่ติดบล็อค ชไมเคิล ที่ออกมาปิดมุมได้ไวมาก
เบนเซม่าอย่างเก่งฉีกแนวรับเดนมาร์ก 1-0
ฝรั่งเศสขึ้นนำจนได้ จาก เบนเซม่า จ่ายให้อ็นคุนคู ก่อนตอกส้นคืนกลับมาให้หัวหอกเรอัล มาดริด โชว์เหนือชั้นพาบอลแหวกแนวรับเดนมาร์ก จนได้ยิงโล่งๆเข้าไป 1-0
วารานเจ็บอีกราย, ซาลิบาแทน
วาราน เจ็บในจังหวะสปริ๊นท์ไปเล่นบอล สุดท้ายต้องเปลี่ยนตัวออกให้ซาลิบาลงเล่นแทน
แนวรับพลาดง่ายๆ ฝรั่งเศสโดนตีเสมอ 1-1
ครึ่งหลังฝรั่งเศสทำได้ดีกว่ามาตลอด แต่มาพลาดครั้งเดียวโดยตีเสมอ 1-1 เลย จากแนวรับที่ประกบตัวพลาด ลูคัส กับ เตโอ ไม่มีใครประกบคอร์เนลิอุส ปล่อยให้หลุดโล่งรับลูกวางยาวได้ยิงง่ายๆเข้าไป
ฝรั่งเศสกดดันหนักหลังโดนตีเสมอ
หลังโดนตีเสมอ ฝรั่งเศสก็เดินหน้ากดดันอย่างหนัก แต่แนวรับเดนมาร์กยังเหนียวแน่นช่วยกันสกัดกั้นไว้ได้หมด
โคมันได้ซัดแต่ไม่ผ่านมือชไมเคิล
ฝรั่งเศสมีโอกาสอีกครั้งจาก โคมัน หลุดทางขวาได้ซัดไปให้ชไมเคิล ต้องออกแรงปัดทิ้งหวุดหวิด
ก็องเต้ซัดโค้ชนสามเหลี่ยมน่าได้
ก็องเต้ ได้บอลหน้าเขตโทษ เห็นไม่มีใครเข้ามาประกบเลยสบโอกาสปั่นจากระยะ 20 หลา บอลโค้งชนสามเหลี่ยมน่าได้ประตุสุดๆ
แนวรับฝรั่งเศสพลาด โดนคอร์เนลิอุสลงโทษ 2-1
แนวรับฝรั่งเศสพลาดอีกครั้ง เมื่อเช็คล้ำหน้าพลาดปล่อยให้ คอร์เนลิอุส คนเดิมวิ่งเบียดซาลิบาเข้าไปยิงแสกหน้าเสียบคานให้เดนมาร์ก พลิกขึ้นนำ 2-1
ช่วงเวลาที่เหลือฝรั่งเศสทำเต็มที่แต่ตามตีเสมอไม่สำเร็จ จบเกมพลิกล็อคแพ้คาบ้านตัวเองไป 2-1
เดนมาร์ก
Starting Formation: 3-4-3
3.
ยานนิค เวสเตอร์การ์ด

61'
8.
โธมัส เดลานี่ย์

85'
12.
แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก

61'
11.
อันเดรียส สคอฟ โอลเซ่น

84'
18.
ดาเนี่ยล วาสส์

61'
ตัวสำรอง
7.
มาธิอัส เยนเซ่น

85'
13.
ราสมุส คริสเตนเซ่น

61'
14.
มิคเคบ ดัมส์การ์ด

61'
21.
อันเดรียส คอร์เนลิอุส

61'
9.
มาร์ติน เบรธเวท

84'
แก้ไขล่าสุดโดย iPanic เมื่อ Tue Jun 07, 2022 02:18, ทั้งหมด 18 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ