จริงๆผมอ่านยังไม่จบนะ อ่านไปแค่เกือบๆจบ part 1 (จากทั้งหมด 3 part)

คนเขียนบอกว่า จงอย่าเชื่อที่เค้าเขียนทั้งหมด เพราะมันอาจจะผิดก็ได้ (แต่ผมเชื่อคนเขียนไปแล้วนะ 5555) และ ผมนับถือคนเขียนมากๆ ไม่รู้ว่าทีมงานไปเก็บข้อมูลมาได้ยังไง 500 ปีย้อนหลัง แถมมากกว่านั้นด้วยโดยเฉพาะยุคของจีน


เริ่มกันเลย บท แรก เค้าบอกว่า ทุกๆอย่างมันมี cycle ของมัน เพราะไม่ว่าจะยุคสมัยไหน นิสัย(สันดาน)ของมนุษย์ก็ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็น ความกลัว ความโลภ ความอิจฉา และ อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ทำให้มันมี order and disorder (ไม่รู้จะแปลว่าอะไร)


สิ่งเหล่านี้ทำให้ มนุษย์วิวัฒนาการ และค้นนพบสิ่งใหม่ๆจากการปรับตัว พัฒนา และ เรียนรู้ตลอดเวลา เหมือนรูปข้างล่าง



โดยอ้างอิงจาก GDP ของโลกที่สูงขึ้น และ อายุเฉลี่ยของมนุษย์ทั่วโลกที่สูงขึ้น แต่ในระหว่าง cycle มันสูงขึ้น มันจะมีการเปลี่ยนแปลงของ อำนาจ และ ความมั่งคั่งอยู๋เสมอ

และ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ที่ Ray ยกตัวอย่างมาคือ Dutch, UK และ USA โดยการแบ่งเป็น 3 stage (rise. top, decline) และ ตอนนี้ ray เชื่อว่า USA กำลัง Decline และ จีนกำลัง rise ***

โดยเค้าใช้ 8 Factor ในการวัดว่า ประเทศต่างๆอยู่ตรงไหน

1. การศึกษา
2. ความสามารถในการแข่งขัน
3. เทคโนโลยี
4. ส่วนแบ่งการตลาดในโลก
5. ความแข็งแกร่งทางการทหาร
6. ผลผลิตทางเศรษฐกิจ
7. ความแข็งแกร่งในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน
8. สถานะของทุนสำรอง

Ray บอกว่า การที่สหรัฐทำ QE นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะ Dutch และ UK ก็พิมพ์เงินออกมา ก่อนที่อำนาจของโลกจะเปลี่ยนแปลงไป


ส่วนสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นั้นแบ่งเป็น 4 อย่างมั่ง (Interal order and disorder, external order and disorder)

อ่านแล้วก็เศร้า ไทยนี่ไม่มีสักอย่างใน 8 ข้อ ที่จะไปแข่งขันได้ (คือผมก็ไม่ได้หวังให้ไทยไปเป็นจ้าวโลกนะ แต่แบบ ....)

อย่างที่บอกผมยังอ่านไม่จบ แต่ที่ส่วนนึงที่อ่านแล้วอยากมาเขียน 6 stages ของ internal order ซึ่งทั้งหมด กินระยะเวลา 100-250 ปี และมักจะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น อาณาจักร เผ่าพันธุ์ หรือ ราชวงศ์ใดก็ตาม




ส่วนตัว ผมคิดว่าไทยนี่อยู่ใน stage 4 -5 ละนะ ฮ่าๆๆๆ อาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรใหญ่ๆ ในยุคสมัยของเราก็ได้

สรุป มันเป็นหนังสือที่ผมว่า คนเขียนมันเก่งมาก ถ้าใครมีเวลาก็ลองอ่านดูครับ ตอนนี้ผมติดงอนแงม แต่ก็อ่านได้แค่วันละไม่กี่หน้าเท่านั้น (อ่านไปเปิด dict ไป ฮ่าๆๆๆ)

ถ้าชอบแนวเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศหรืออะไรแนวนี้ ลองหาอันนี้อ่านเพิ่มดูครับ




และการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ดีครับเพราะมันเป็นการฝึกภาษาที่ดีมาก ผมก้าวข้ามความล้มเหลวในชีวิตมาได้ส่วนหนึ่งเพราะการหาความรู้จากหนังสือเหล่านี้และประยุกต์ใช้มันครับ

ขอชมเจ้าของมู้หน่อยครับ เลือกหนังสือโคตรดี

อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าบริบทเดียวกันไหม แต่คิดว่าใช่

disorder ในเชิงวรรณกรรม (เชคสเปียร์) หมายถึงความไร้ระเบียบ หรือกลียุค

ความผันผวนและหลากหลายของมนุษย์ทำให้เกิดกลียุค มนุษย์จึงสร้างกฎระเบียบ (order) ขึ้นมาปกครอง

แต่ด้วยธรรมชาติของมนุษย์ (บางกลุ่ม) ที่ไม่ชอบการอยู่ในกรอบ กฎระเบียบจึงกลายเป็นต้นตอของความไร้ระเบียบ เพราะมีคนต้องการแหกกฎ

สุดท้าย กฎระเบียบเดิมก็จะพ่ายแพ้และมนุษย์ต้องคิดกฎระเบียบใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่รู้จบ

ยังไม่ได้อ่านหนังสือนะครับ แต่อ่านโพสต์ จกขท.แล้วน่าสนใจมาก ๆ

ประเด็นของเลือดน้ำเงิน ผมว่ามันมีทางแยกอยู่ ๒ อย่าง

๑. เลือดน้ำเงินปรับตัวเข้ากับยุคสมัย อยู่เป็นสัญลักษณ์ อยู่อย่างมั่งคั่ง แต่ไม่มีอำนาจการปกครองอีกต่อไป
๒. ถูกล้างบางโดยประชาชน ดูเหมือนข้อนี้จะพบได้บ่อยที่สุด เป็นเพียงร่องรอยทางประวัติศาสตร์ว่าครั้งหนึ่งประเทศชาติเคยถูกปรสิตสีน้ำเงินสูบกิน

ปัญหาก็คือ ส่วนใหญ่แล้วเมื่อหมดยุคเลือดน้ำเงินก็จะเข้าสู่ยุคเผด็จการทหาร และกินเวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะมีประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งบางประเทศทั้ง ๒ อย่างก็ผนวกเป็นขั้วเดียวกัน แต่ที่สุดแล้วพวกนึ้ก็จะแก่งแย่ง เข่นฆ่ากันเอง เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอ่อนแอ แต่ถ้ามองเรื่องการยืนระยะยังไงเลือดน้ำเงินก็จะแพ้พ่ายและล่มสลายครับ

อาจตอบไม่ตรงหัวข้อเท่าไร แต่ขอให้มันจบที่รุ่นเราครับ ;)

https://www.youtube.com/embed/xguam0TKMw8&ab_channel=PrinciplesbyRayDalio

ขอแนะนำถ้าไม่มีเวลาอ่านครับ

อ่านเล่มนี้จบแล้ว ย้อนกลับไปอ่านเล่มที่แล้วของ Ray ชื่อว่า Principle ด้วยก็ดีครับ เขียนโคตรดี (เล่มนี้ก็ดีมากครับ เข้าใจอะไรๆ ในถาพกว้างดีมาก)

เล่มนี้ยังไม่มีภาษาไทยหรือครับ เหมือนเห็นแว้บๆ

Ray Dalio นี่โครตสุด

อ่านแล้วฮะ .... เหลือแค่ big debt crisis ที่ดองไว้ 55555

ใช่ฮะ แปลแบบนั้นแหละ แต่เมื่อคืนไม่รู็จะใช้คำว่าอะไร ฮ่าๆๆๆๆ

ฟังละฮะ แต่คิดว่าอ่านเอง ได้อะไรเยอะกว่ามากเลย จากที่อ่านไปไม่ถึงครึ่ง (ตัวอย่างเยอะ) ฮ่าๆๆๆ

Ray บอกว่า 6 stage ก็คล้ายๆกับ มะเร็ง มันจะไม่เปลี่ยนเป็นขั้นถัดไปจนกว่า อาการหลายๆอย่างมันบ่งบอกว่าเป็นไปแล้ว

และ ถ้าเรามี Learder ที่เก่ง เค้าจะสามารถยืดระยะเวลาออกไปได้นานมากๆ (คงอารมณ์ หมอรักษาเก่งๆ) แต่ดูจากผู้นำเรา ณ เวลานี้ ผมว่ามันเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากกว่า ซึ่งก็แบบท่านว่าครับ

การเปลี่ยนแปลงจะเกิดความรุนแรงหรือไม่ เพราะ เถียงไม่ได้หรอกว่า Wealth gap บ้านเรามันสูงมาก ความขัดแย้งมีเกิดขึ้นมากมาย และ คนมากขึ้นเรื่อยๆที่ไม่พอใจ ชนชั้นปกครอง และ นายทุน หลายๆคน

รอแปลไทยครับ

ยังดองอยู๋หลายเล่มเลยท่าน อ่านอิ้งทีไรยาวทุกที

ตั้งกะ เซเปี้ยนละ แต่ผมยอมแพ้ให้กับ Home Deus กับ 21st Lesson นะ ยอมอ่านไทยเอา