เรื่องการทุ่มผมขอดีเฟ้นด์ให้แดเนี่ยล เลวี่หน่อย พอดีว่าได้รับใต้โต๊ะมาจากลุงโจ ลูอิส (เจ้าของตัวจริง และเจ้านายของเลวี่อีกที) ตอนมาเที่ยวไทย (ล้อเล่นนะครับ 555)

ด้านล่างนี้เป็นข้อมูลการซื้อตัวตั้งแต่ปีที่เริ่มสร้างสนามใหม่ครับ (วงเล็บด้านหลังคือตัวจริงในปัจจุบัน)
2016: 67.4 M
2017: 112 M
2018: 0 M **เข้าชิง UCL**
2019: 117 M (ไรอัน เซสสิยง)
2020: 64.9 M (ปิแอร์ ฮอยแบร์ก) + แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้*
2021: 63.2 M (คริสเตียน โรเมโร่ เดยัน คูลูเชฟสกี้ โรดริโก้ เบนทานคูร์ และเอเมอร์สัน รอยัล* (ไม่อยากนับเลย ฮาา))
รวมทั้งหมด 424.5 ล้านปอนด์

ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวนะครับ ปัญหาจริงๆ แล้วอาจไม่ใช่การไม่ทุ่มแต่เป็นการ "ซื้อตัวไม่ถูกจุด" มากกว่า



ปี 2016-2017 ไม่เหลือใครเลยที่จะมายึดตัวจริงในปัจจุบันแม้จะจ่ายไปเกือบ 200 ล้าน
แต่ถือได้ว่าจ่ายไปเพื่อได้เข้าชิง UCL ในปี 2018 (พร้อม Luck 99)
ปี 2019 จ่ายไป 117 ล้าน เหลือเซสสิยงรอดมาได้คนเดียว ซึ่งก็เพิ่งมาเป็นตัวหลักในฤดูกาลนี้
และจากการซื้อตัวที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ ทำให้พอชโดนเด้ง

ปี 2020 น้ามูคุมเต็มตัว เหมือนเดิมนักเตะที่ได้มาก็แทบไม่ยกระดับทีม มีฮอยแบร์กที่ขึ้นมาได้
และยังต้องใช้นักเตะเดิมจากปี 2019 ที่ทำให้พอชโดนเด้ง เพื่อความแฟร์น้ามูก็โดนเด้งไปด้วย แถมไล่ออกก่อนชิงลีกคัพ (WTF?!!)

ปี 2021 ดึงฟาบิโอ ปาราติซี่เข้ามาเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลการซื้อตัวเริ่มดีขึ้น
แต่ด้วยความที่โค้ชเป็นนูโน่ก็ไม่ไหว จนดึงคอนเต้มาคุม
และการซื้อตัวที่ถูกจุดในตลาดหน้าหนาว (คูลูเชฟสกี้ เบนทานคูร์)
กำลังทำให้โอกาส 1% ของสเปอร์สที่จะได้ไป UCL กลายเป็น 100% ถ้าเอาชนะนอริชนัดสุดท้ายได้


*ที่ผมนับแม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ เพราะฟอร์มก่อนเจ็บโคตรดี ไม่งั้นป่านนี้ก็คงยึดตัวจริงยาวไป
ส่วนเอเมอร์สัน รอยัล เกมรุกอาจจะยังไม่ได้เรื่อง (เจ้าตัวก็พยายามพัฒนา) แต่เกมรับถือว่าดี ยิ่งนัดท้ายๆ ติดโผ MOTM ของสโมสรบ่อยๆ (แต่ไม่ได้นะ 555)

พิมพ์มาซะยาวสรุปใน 1 บรรทัด ก็คือ สเปอร์สควรเลิกซื้อนักเตะที่มองว่ามีความสามารถแต่ยังไม่เก่งมาปั้น แต่ควรซื้อนักเตะที่สามารถเป็นตัวจริงและทำให้ทีมดีขึ้นได้ทันทีมากกว่า ซึ่งก็จะเป็นการทุ่มที่ถูกต้อง  

เรื่องการทุ่มผมขอดีเฟ้นด์ให้แดเนี่ยล เลวี่หน่อย พอดีว่าได้รับใต้โต๊ะมาจากลุงโจ ลูอิส (เจ้าของตัวจริง และเจ้านายของเลวี่อีกที) ตอนมาเที่ยวไทย (ล้อเล่นนะครับ 555)

ด้านล่างนี้เป็นข้อมูลการซื้อตัวตั้งแต่ปีที่เริ่มสร้างสนามใหม่ครับ (วงเล็บด้านหลังคือตัวจริงในปัจจุบัน)
2016: 67.4 M
2017: 112 M
2018: 0 M **เข้าชิง UCL**
2019: 117 M (ไรอัน เซสสิยง)
2020: 64.9 M (ปิแอร์ ฮอยแบร์ก) + แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้*
2021: 63.2 M (คริสเตียน โรเมโร่ เดยัน คูลูเชฟสกี้ โรดริโก้ เบนทานคูร์ และเอเมอร์สัน รอยัล* (ไม่อยากนับเลย ฮาา))
รวมทั้งหมด 424.5 ล้านปอนด์

ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวนะครับ ปัญหาจริงๆ แล้วอาจไม่ใช่การไม่ทุ่มแต่เป็นการ "ซื้อตัวไม่ถูกจุด" มากกว่า



ปี 2016-2017 ไม่เหลือใครเลยที่จะมายึดตัวจริงในปัจจุบันแม้จะจ่ายไปเกือบ 200 ล้าน
แต่ถือได้ว่าจ่ายไปเพื่อได้เข้าชิง UCL ในปี 2018 (พร้อม Luck 99)
ปี 2019 จ่ายไป 117 ล้าน เหลือเซสสิยงรอดมาได้คนเดียว ซึ่งก็เพิ่งมาเป็นตัวหลักในฤดูกาลนี้
และจากการซื้อตัวที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ ทำให้พอชโดนเด้ง

ปี 2020 น้ามูคุมเต็มตัว เหมือนเดิมนักเตะที่ได้มาก็แทบไม่ยกระดับทีม มีฮอยแบร์กที่ขึ้นมาได้
และยังต้องใช้นักเตะเดิมจากปี 2019 ที่ทำให้พอชโดนเด้ง เพื่อความแฟร์น้ามูก็โดนเด้งไปด้วย แถมไล่ออกก่อนชิงลีกคัพ (WTF?!!)

ปี 2021 ดึงฟาบิโอ ปาราติซี่เข้ามาเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลการซื้อตัวเริ่มดีขึ้น
แต่ด้วยความที่โค้ชเป็นนูโน่ก็ไม่ไหว จนดึงคอนเต้มาคุม
และการซื้อตัวที่ถูกจุดในตลาดหน้าหนาว (คูลูเชฟสกี้ เบนทานคูร์)
กำลังทำให้โอกาส 1% ของสเปอร์สที่จะได้ไป UCL กลายเป็น 100% ถ้าเอาชนะนอริชนัดสุดท้ายได้


*ที่ผมนับแม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ เพราะฟอร์มก่อนเจ็บโคตรดี ไม่งั้นป่านนี้ก็คงยึดตัวจริงยาวไป
ส่วนเอเมอร์สัน รอยัล เกมรุกอาจจะยังไม่ได้เรื่อง (เจ้าตัวก็พยายามพัฒนา) แต่เกมรับถือว่าดี ยิ่งนัดท้ายๆ ติดโผ MOTM ของสโมสรบ่อยๆ (แต่ไม่ได้นะ 555)

พิมพ์มาซะยาวสรุปใน 1 บรรทัด ก็คือ สเปอร์สควรเลิกซื้อนักเตะที่มองว่ามีความสามารถแต่ยังไม่เก่งมาปั้น แต่ควรซื้อนักเตะที่สามารถเป็นตัวจริงและทำให้ทีมดีขึ้นได้ทันทีมากกว่า ซึ่งก็จะเป็นการทุ่มที่ถูกต้อง  

อยากได้เงินเข้าสโมสรเยอะๆ ให้งบคอนเต้สิ การันตี TOP 4 แน่นอน มีผจก ระดับโลกอยู่ไม่ต้องกลัวใครแล้วน้องไก่  

เรื่องการทุ่มผมขอดีเฟ้นด์ให้แดเนี่ยล เลวี่หน่อย พอดีว่าได้รับใต้โต๊ะมาจากลุงโจ ลูอิส (เจ้าของตัวจริง และเจ้านายของเลวี่อีกที) ตอนมาเที่ยวไทย (ล้อเล่นนะครับ 555)

ด้านล่างนี้เป็นข้อมูลการซื้อตัวตั้งแต่ปีที่เริ่มสร้างสนามใหม่ครับ (วงเล็บด้านหลังคือตัวจริงในปัจจุบัน)
2016: 67.4 M
2017: 112 M
2018: 0 M **เข้าชิง UCL**
2019: 117 M (ไรอัน เซสสิยง)
2020: 64.9 M (ปิแอร์ ฮอยแบร์ก) + แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้*
2021: 63.2 M (คริสเตียน โรเมโร่ เดยัน คูลูเชฟสกี้ โรดริโก้ เบนทานคูร์ และเอเมอร์สัน รอยัล* (ไม่อยากนับเลย ฮาา))
รวมทั้งหมด 424.5 ล้านปอนด์

ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวนะครับ ปัญหาจริงๆ แล้วอาจไม่ใช่การไม่ทุ่มแต่เป็นการ "ซื้อตัวไม่ถูกจุด" มากกว่า



ปี 2016-2017 ไม่เหลือใครเลยที่จะมายึดตัวจริงในปัจจุบันแม้จะจ่ายไปเกือบ 200 ล้าน
แต่ถือได้ว่าจ่ายไปเพื่อได้เข้าชิง UCL ในปี 2018 (พร้อม Luck 99)
ปี 2019 จ่ายไป 117 ล้าน เหลือเซสสิยงรอดมาได้คนเดียว ซึ่งก็เพิ่งมาเป็นตัวหลักในฤดูกาลนี้
และจากการซื้อตัวที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ ทำให้พอชโดนเด้ง

ปี 2020 น้ามูคุมเต็มตัว เหมือนเดิมนักเตะที่ได้มาก็แทบไม่ยกระดับทีม มีฮอยแบร์กที่ขึ้นมาได้
และยังต้องใช้นักเตะเดิมจากปี 2019 ที่ทำให้พอชโดนเด้ง เพื่อความแฟร์น้ามูก็โดนเด้งไปด้วย แถมไล่ออกก่อนชิงลีกคัพ (WTF?!!)

ปี 2021 ดึงฟาบิโอ ปาราติซี่เข้ามาเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลการซื้อตัวเริ่มดีขึ้น
แต่ด้วยความที่โค้ชเป็นนูโน่ก็ไม่ไหว จนดึงคอนเต้มาคุม
และการซื้อตัวที่ถูกจุดในตลาดหน้าหนาว (คูลูเชฟสกี้ เบนทานคูร์)
กำลังทำให้โอกาส 1% ของสเปอร์สที่จะได้ไป UCL กลายเป็น 100% ถ้าเอาชนะนอริชนัดสุดท้ายได้


*ที่ผมนับแม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ เพราะฟอร์มก่อนเจ็บโคตรดี ไม่งั้นป่านนี้ก็คงยึดตัวจริงยาวไป
ส่วนเอเมอร์สัน รอยัล เกมรุกอาจจะยังไม่ได้เรื่อง (เจ้าตัวก็พยายามพัฒนา) แต่เกมรับถือว่าดี ยิ่งนัดท้ายๆ ติดโผ MOTM ของสโมสรบ่อยๆ (แต่ไม่ได้นะ 555)

พิมพ์มาซะยาวสรุปใน 1 บรรทัด ก็คือ สเปอร์สควรเลิกซื้อนักเตะที่มองว่ามีความสามารถแต่ยังไม่เก่งมาปั้น แต่ควรซื้อนักเตะที่สามารถเป็นตัวจริงและทำให้ทีมดีขึ้นได้ทันทีมากกว่า ซึ่งก็จะเป็นการทุ่มที่ถูกต้อง