วันหยุด งานไม่กดดัน

อย่างผมเงินน้อย แต่ตอนนี้ให้ผมไปทำงานเอกชนคงไม่ไหวแล้ว

เครดิตการเงินดีด้วย ผมขอวีซ่าเที่ยว ผ่อนรถ แทบจะใช้ใบรับรองการทำงานใบเดียว ผ่านหมด

ข้อดีคือ เราเล่นในเกมส์ของเราได้ หากจบมา เกรดเราไม่ได้ดีนัก ไปแข่งเอกชน ก็สู้เค้ายาก เผลอๆเข้าไปสัมภาษณ์ ไม่ได้อีกต่างหาก (เอกชนบางที่ แค่จะรับสัมภาษณ์ คุณต้องได้เกรด 2.75 ขึ้น) แต่ถ้าเป็น ราชการ เกณฑ์การเข้าคือต้องสอบเข้า ไม่ได้ดูเกรดใดๆ คุณแค่สอบเข้าไปให้ได้ แค่นี้ก็สตาร์ทเท่ากันแล้ว พอคุณเข้าไป มันเป็นโอกาสให้ เริ่มต้นใหม่ให้ดี แข่งในสนามที่เท่ากันกับคนอื่น ผมจะไม่พูดเรื่องเส้นสาย เพราะที่เจอมา เส้น แต่ไม่เก่ง หัวหน้าเค้าก็ไม่เอาครับ

จะหาว่าผมตอบคลุมเครือก็ได้นะ แต่คำว่า "ข้อดี" ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันหรอก

ความมั่นคงบางคนยังมองกันคนละแบบเลย คนนึงมองราชการมั่นคง เกษียณไปไม่ต้องกังวลว่าจะมีเงินใช้มั้ย เพราะมีบำนาญ(เท่าที่ดูจากรอบๆตัวผม 4-5 หมื่น/เดือน) อย่างญาติผมลุงกับป้าสะใภ้รับราชการทั้งคู่ เกษียณแล้วมีบำนาญรวมกัน2คนเดือนละ 8-9 หมื่น ใช้กัน 2 คนเดือนละไม่ถึง 2 หมื่น ที่เหลือเอาไปฝากสหกรณ์ ได้ดอกเบี้ยมาใช้อีก สบายตัว

ในขณะที่อีกคนมองว่าตอนทำงานต้องมีรายได้เยอะๆจะมั่นคงกว่า เพราะไม่รู้ว่าเกษียณแล้วจะมีอายุยืนไปซักกี่ปี สู้ทำงานเก็บเงินมีเงินใช้ดีกว่า บั้นปลายก็มีเงินเยอะๆ พอเกษียณไปก็ไปลงทุนทำอย่างอื่น หุ้นกู้ ซื้อหุ้น ฯลฯ แบบนี้ก็มีเงินใช้รายเดือนได้เหมือนกัน

เพื่อนผมคนนึงที่บ้านมีธุรกิจอยู่แล้ว ทำงานเอกชนอยู่1-2ปี ก็ลาออกไปรับราชการ มันบอกราชการบริหารเวลาได้ง่ายกว่าแถมได้คอนเนคชั่น (พูดง่ายๆทำงานเอาสังคมนั่นแหละ) แบบนี้มันเองก็มองว่าทำราชการมีข้อดีสำหรับมันมากกว่า

รุ่นพี่ผมอีกคนเคยรับราชการ เงินไม่พอใช้ ลาออกไปเปิดสำนักงานกฎหมายเอง เน้นคดีด้านการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ เงินโคตรดี เรื่องเจ็บป่วยไม่ต้องห่วงเพราะรายได้ที่เขาหาได้เอาไปซื้อประกันสุขภาพได้แบบเต็มสตรีม แต่ยอมรับว่างานเหนื่อยจริง ก็แลกๆกันไป

ตอบยากครับบอกตามตรง แล้วแต่ปัจจัยในชีวิตและความชอบของแต่ละคน

สิทธิ์การรักษาพยาบาลครับ ถ้าคุณเป็นโรคแบบทั่วไป อาจจะไม่เห็นความแตกต่าง แต่ถ้าเป็นพวกโรคร้ายแรง/เรื้อรัง/รุนแรง

บางการรักษาก็ใช้ได้แต่เฉพาะสิทธิ์ข้าราชการนะ หรือยาบางตัว ก็จ่ายให้ได้แต่สิทธิ์ข้าราชการ แบบฟรีๆ ถ้าเป็นสิทธิ์อื่นแต่อยากได้ ต้องจ่ายเองแพงมากๆๆๆ ยิ่งถ้าจำเป็นต้องกินยานั้นทุกวัน ไปอีกนานหลายปี โอ้โห แทบทรุด

นี่ยังไม่รวมถึงการผ่าตัดหลายๆอย่าง การให้ยาเคมีบำบัดด้วยนะ แล้วสิทธิ์มันครอบคลุมให้ได้ทั้ง พ่อแม่ คู่สมรส บุตรธิดาที่อายุไม่เกินอีก เรียกว่าได้ไปอีกเท่าทวีคูณ

อีกอันนึงก็ สหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ เป็นแหล่งทั้งบริการการเงินที่ดอกเบี้ยถูก วงเงินสูงพอสมควร ปลอดภัย หรือถ้าจะลงทุนก็ถือว่าให้ผลตอบแทนค่อนไปทางสูง แถมความเสี่ยงโคตรต่ำอีก เมื่อก่อนอาจจะเห็นอย่างวงการครูที่กู้สหกรณ์กันเยอะ แต่สมัยนี้ผมเห็นครูหรือหมอหลายๆคน รวยจากเงินปันผลสหกรณ์ได้เลยนะ

สาวๆในเครื่องแบบสวย

มองมุมไหน ถ้าลูกตาสีตาสา ชนชั้นกลาง รับราชการมันก็ดีแหละ รับประกันความมั่นคงในชีวิตให้ตัวเอง ลูกเมีย พ่อแม่
แต่ถ้าเป็นลูกคนรวย ถ้าจำเป็นก็เข้ารับราชการในตำแหน่งใหญ่ๆ เพื่อหาช่องทางขยายความมั่งคั่ง อำนาจ บารมีของครอบครัว/กลุ่มธุรกิจ

ใช้ชีวิตชิวๆช่วงวิกฤตไง

โง่เป็นควายก็อยู่ได้ครับ ไม่ต้องพัฒนาตัวเองอะไรก็อยู่กินเงินเดือนไปเรื่อยๆได้

ไม่ตกงาน99.99%

ได้ทำงานใกล้บ้าน

กู้ง่าย แต่ถ้ากู้เยอะก็อาจจะเหนื่อยๆหน่อย ไม่รวย(ถ้าแบบไม่โกงจริงไรจริง) อยุ่ได้เรื่อยๆยัน 60 หลัง 60 ก็กินเงินบำนาญต่อสบายๆ วันหยุดเยอะ+บางวันที่ไม่มีงานแอบกลับก่อนได้ชิวๆ มีหน้ามีตา(สำหรับคนประเทศนี้อะนะ)
เรียกบรรจุทีนี้จัดงานเลี้ยงไปหลายวัน

ได้แอ็คไง

ขอตอบในฐานะที่เป็นข้าราชการครับ

1. มีความมั่นคงในเรื่องสถานะการทำงาน เพราะตกงานยาก (ถ้าไม่ทำอะไรผิดร้ายแรง โชคดีก็ได้ย้าย โชคร้ายก็จบเห่)
2. เกษียณช้ากว่าหลายอาชีพ บาลอาชีพแค่เข้าวัยทองก็ตกงานได้แล้ว แต่ข้าราชการอยู่ยาวยัน 60 (จะเกษียณก่อนกำหนดก็ยังได้)
3. วันหยุดราชการ ยิ่งเยอะยิ่งดี ยิ่งชอบ หยุดนานแค่ไหนก็ยังมีเงินเดือนให้ไม่หักออก
4. สวัสดิการเบิกค่ารักษาพยาบาล ตัวเองเบิกได้ พ่อแม่หรือคนที่เราให้สิทธิ์เบิกสามารถเบิกได้ จ่ายเองแค่นิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่เบิกได้เกือบหมด
5. สวัสดิการซื้อปืนถูกกว่าชาวบ้าน อันนี้อย่างชอบเลยครับ เพราะจะซื้อถูกกว่า บางกระบอกถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง ชาวบ้านจ่ายเกือบแสน เราจ่ายแค่ครึ่งแสน เหลือเงินซื้อกระสุนเพียบ
6. เงินเดือนขึ้นได้เรื่อย ๆ (ยิ่งถ้ามีเส้นสาย ได้อีกเพียบ แต่ผมไม่มีนะ ผมไม่ชอบเส้นสาย)

ประมาณนี้ละกันครับ แต่ถ้าเป็นข้อเสียก็เยอะครับ อย่างที่รู้กันนั่นล่ะครับ