กำลังตัดสินใจจะซื้อครับ นัดเซลมาลองที่บ้านวันอาทิตย์นี้แล้ว

มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างครับที่ควรรู้

*** เป็นโพสจากพี่วิชัย Salmon House นะครับ ผมอ่านแล้วเห็นภาพดี ***

ทีแรกกะจะเขียนรีวิวเจ้ารถ #XC40
แต่คิดไปคิดมา ใครเค้าจะสนใจวะ ว่าเราขับรถรุ่นอะไร
คนเค้าน่าจะอยากรู้ และอยากได้ข้อมูลรถ #EV มากกว่ามั้ยนะ
งั้นโพสต์นี้ขอเอาข้อมูลต่างๆ ที่เราหามาก่อนจะซื้อรถ EV คันนี้ละกันนะ
เพราะเอาจริงๆ ก็พบว่า มีคน misconcept หรือไม่เข้าใจเจ้ารถพวกนี้เยอะอยู่เหมือนกัน
(ส่วนคนที่สนใจอยากซื้อ #volvo และรออ่านรีวิว ก็สามารถจบได้สั้นๆ ว่า "ดีมาก ประทับใจ" ที่เหลือเหมือนคนอื่นหมดเลยครับ 5555)
อย่างแรกสุดๆ ที่ต้องทำความเข้าใจกับรถ EV กันใหม่นิดหน่อยคือ รถ EV ไม่มีเครื่องยนต์ แปลว่า มันจะไม่มีลูกสูบ หม้อน้ำ เพลา ชุดเกียร์ นั่นนี่เลย รถไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาตรงนี้อีกรอบ
**แบตเตอรี่
อย่างแรกเลยแบตรถไฟฟ้าไม่ควรชาร์จจนเต็มบ่อยๆ
เราควรจะชาร์จไว้ประมาณ 80-90% ในเวลาใช้งานปกติ เวลาจะออกเดินทางไกล ถึงอัดเต็ม 100%
แปลว่า เวลาเราดูคำโฆษณารถไฟฟ้า ที่บอกว่า วิ่งได้เต็มที่ 400-500-600 กิโลเมตร
มันคือยอดเคลมจากไฟ 100% ก็อ่านคำโฆษณาพวกนี้
ก็ลบออกสัก 10% แหละ
**แบตเสื่อมจะทำยังไง?
แบตรถไฟฟ้าจะอยู่ใต้ที่นั่งคนขับ เหมือนโครงรถ
แต่สิ่งที่คนมักจะเข้าใจผิด คือ แบตรถไฟฟ้าคือแท่งแบตใหญ่ๆ แบนๆ หนึ่งก้อน
ซึ่งความจริง แบตรถไฟฟ้าประกอบด้วยแบตก้อนเล็กๆ เป็นร้อยๆ ก้อนต่อกันแปลว่าถ้าเกิดอาการแบตเสื่อม มันไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเปลี่ยนยกแผงนะ เราจะมาเปิดเพื่อดูว่าก้อนไหนเสื่อมนั่นนี่
(สำหรับคนที่สงสัยว่า แต่แบตทั้งหมดเราเริ่มใช้พร้อมกัน มันก็น่าจะเสื่อมพร้อมกันรึเปล่าคุณ....อ่ะ อันนี้ผมก็คิดเหมือนกัน แต่มันยังไม่มีใครใช้แบตจนเสื่อมสักทีอ่ะเนอะ ก็ต้องรอดูกันต่อไป)
**แบตรถกันน้ำมั้ย น้ำท่วมจะทำยังไง?
คืองี้...รถสันดาปเนี่ยยิ่งกว่ากลัวน้ำอีกนะ คือน้ำเข้าท่อไอเสียเมื่อไหร่คือจบเลยป่ะ
รถไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ แปลว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นละแน่ๆ
ต่อมา...โลกเราทุกวันนี้มีมือถือกันน้ำ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะมากที่กันน้ำ เพราะงั้นการจะมีรถไฟฟ้า มีแบต ก็ต้องกันน้ำดิ
มันมีคลิปจาก volvo ประเทศจีน เอารถ volvo ไปลงน้ำลึก 170 เซน ก็ไม่มีปัญหาอะไร รถวิ่งได้ปกติ
**ฝนตกจะชาร์จไฟกลางแจ้งได้มั้ย?
ชาร์จไฟขณะฝนตกได้ มีคลิปพิสูจน์ให้แล้ว
**ค่าไฟคิดยังไง?
เท่าที่เราดูข้อมูลมา แต่เราไม่ค่อยมั่นใจข้อมูลชุดนี้นะเพราะอ่านแล้วงงอยู่ดี
ถ้าชาร์จจาก wall charge ที่บ้าน จะตกกิโลเมตรละ 0.3-0.7 บาท
แต่ถ้าชาร์จจากสถานีนอกบ้านก็จะตกประมาณ 0.7 สักอย่าง
แต่เอาเป็นว่า เราคิดกลมๆ เลย รถ EV เสียค่าไฟ กิโลเมตรละ 1 บาทละกัน
เราเคยชาร์จ volvo เราที่บ้าน จาก 19% ขึ้นไปที่ 90% ใช้ไฟประมาณ 50 หน่วย
หน่วยละประมาณ 4 บาท ก็เสียไปประมาณ 200 บาท
เจ้า 200 บาทที่ว่า เราวิ่งไปกลับออฟฟิศจันทร์ถึงศุกร์ เหลือไฟประมาณ 45%
กะคร่าวๆ จากรถเรา จากเดิมที่เราเติม E20 อาทิตย์ละประมาณ 1200 บาท จะเหลืออาทิตย์ละ 200 บาท
**ชาร์จไฟที่บ้านต้องชาร์จบ่อยแค่ไหน?
ตัวรถ มันจะมีการตั้งค่าให้ชาร์จได้เต็มที่ที่กี่เปอร์เซนต์ อย่างเราตั้งไว้ที่ 90% พอถึง 90% มันก็หยุดการชาร์จ แล้วเราค่อยมาถึงปลั๊กออกตอนเช้า และตัวแอปของรถมันก็จะมีการตั้งค่าอีกทีว่า เราจะให้รถเริ่มชาร์จกี่โมงถึงกี่โมง อีกที ส่วนจะชาร์จบ่อยแค่ไหน แล้วแต่สะดวกเลย
มิเตอร์ที่บ้านต้องทำยังไง?
เพื่อความสะดวกสำหรับคนที่อยู่บ้าน เราควรมี wall charge ซึ่งส่วนใหญ่จะแถมมาให้อยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม
แต่ในการติดตั้ง wall charge เราต้องดูก่อนว่า ไฟที่เข้าบ้านเรามันมีกำลังพอใช่มั้ย
ถ้าไม่ เราก็ต้องไปขอไฟเพิ่มจากการไฟฟ้า การขอไฟเพิ่มทั้งหมด สามารถให้บริษัท wall charge ดำเนินเรื่องได้หมดเลย
แต่ในการติดตั้ง โยงสายไฟเข้าบ้านเรา อันนี้มีค่าใช้จ่ายที่แพงอยู่นะ�บ้านเรา เสาไฟอยู่ตรงข้ามบ้านเลย โยงเข้าบ้าน มาที่ตู้ชาร์จ ก็โดนไป 30K
**แล้วเราควรขอไฟเท่าไหร่?
เราจำตัวเลขแป๊ๆ ไม่ได้แล้ว แต่จะมีแบบ 10-11 ชั่วโมงเต็ม กับ 7 ชั่วโมงเต็ม (ราคาการติดตั้งก็ต่างกันไปนะ)
ทีแรกจะขอแบบ 7 ชั่วโมงเต็มแล้ว แต่มาคิดอีกที คิดว่าไม่จำเป็น เลยไปแบบปกติดีกว่า (ซึ่งก็โดนไป 30K)
เป็นงี้ เราพบว่า การชาร์จไฟที่บ้าน มันไม่เหมือนการเติมน้ำมันแบบเดิม การเติมน้ำมันแบบเดิมคือน้ำมันจวนหมด เราถึงจะเติม เราเลยต้องเติมเยอะ
แต่การชาร์จไฟที่บ้าน มันคือการเติมไฟที่พร่องไปในแต่ละวันน่ะครับ
แปลว่า ถ้าเราจะชาร์จทุกวัน ไฟที่เข้ารถ ก็น่าจะมีแค่ 10-20% เท่านั้น
เท่ากับว่า เอาเข้าจริงๆ เราอาจจะใช้เวลาชาร์จไฟแค่ 2-3 ชั่วโมงก็ได้
และสุดท้าย เวลาชาร์จไฟ มันก็เอาไว้ชาร์จข้ามคืนตอนหลับอยู่แล้ว
อีกอย่าง เจ้า wall charge มันปล่อยไฟน้อยลงเพื่อถนอมแบตแหละ มันเลยใช้เวลาเต็มนานมาก
**รถไฟฟ้าเวลารถติดนานๆ ไฟจะหมดมั้ย?
ต้องเข้าใจก่อนว่า ทุกสิ่งอย่างบนรถไฟฟ้าใช้ไฟฟ้าในการทำงานหมด กระทั่งรถจอดนิ่งๆ กลางแดด ตัวรถก็จะใช้ไฟอ่อนๆ เพื่อไม่ทำให้ชิ้นส่วนมันร้อนเกินไป
แต่นั่นมันก็เป็นไฟที่น้อยมากๆๆ น้อยจนเราไม่ต้องไปใส่ใจกับมันก็ได้ อย่างไรก็ตาม บนรถ มันจะมี google map มาให้
ซึ่งถ้าเราเปิดแผนที่หาจุดปลายทางแล้ว เจ้าแผนที่นี้มันจะคำนวณปริมาณแบตให้เลยว่า ตอนถึงเราจะเหลือแบตเท่าไหร่ และเท่าที่ใช้มา มันคำนวณแม่นยำมากๆ คลาดเคลื่อน +-5%
**คำถามสำคัญออกต่างจังหวัดชาร์จไฟสะดวกมั้ย?
สำหรับเรา จากการที่เราเติมน้ำมันให้เต็มถังได้ภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที แต่พอเติมไฟ เราต้องรออย่างน้อย 40 นาที
หรือกระทั่งสำหรับคนที่อยากไปไหนก็ลุกไปได้เลย แต่พอเป็นรถไฟฟ้า อาจจะต้องเตรียมตัวนิดนึง เช่นต้องดูแผนที่ก่อนว่า ระหว่างทางมีแท่นชาร์จกี่แห่ง เราจะขับไปแวะที่แท่นไหนบ้าง
เราเลยว่าความสะดวกหรือไม่สะดวก มันขึ้นอยู่กับวิธีเดินทางแล้วแหละ อย่างเรา โอเคที่จะรอนะ มันชิวๆ ไปกินนั่นกินนี่ หรือกระทั่งนอนพักในรถ เราเลยโอเค แต่กับคนอื่นไม่แน่ใจ
แต่กลับมาที่ตัวแท่นชาร์จตามปั๊มจะดีมั้ย
เราว่าตอนนี้ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังต้องลุ้นกันนิดหน่อย และเราว่าสุดท้าย คนจะแย่งหัวชาร์จแบบเร็วกันอยู่ดี
ตอนนี้เราเห็นโดยปกติ ปั๊มปตท. ใหญ่ๆ จะมีเจ้าแท่นชาร์จแบบนี้อยู่ประมาณ 1-2 แท่น (หนึ่งแท่นจะมีหัวชาร์จประมาณ 3 หัว)
เราว่ามันไม่พอหรอก แต่ถามว่าจำนวนแท่นมันเยอะมั้ย มันเยอะนะ
เปิดแผนที่ออกมานี่มีให้เลือกเข้าเยอะจริงๆ ยุบยับเลยแหละ
ตัวแอปที่ใช้บริการชาร์จไฟมันก็บอกหมดเลยนะว่า หัวไหนมีคนใช้ หัวไหนไม่มี จองเวลานั่นนี่ แต่ที่เราเจอคือ หัวว่าง ไม่มีคนใช้ แต่พอไปถึงมันเสีย ผูกบัตรไม่ติด บัตรมีปัญหา สารพัด
และปัญหาใหญ่สุดที่จะเจอคือ รถคันอื่นมาจอดในที่ชาร์จไฟ อันนี้คลาสสิคแน่นอน
แต่...เราว่าตอนนี้ ปตท. เริ่มไหวตัวแล้วว่า การชาร์จไฟพวกนี้มันต้องใช้เวลา แปลว่า ระหว่างรอคือโอกาสในการทำเงินจากพวกเจ้าของรถนะเว้ย
เจ้าแท่นพวกนี้จะโผล่มาเยอะขึ้นเรื่อยๆ
**อยู่คอนโดจะชาร์จยังไง?
ก่อนที่เราจะติดตั้งแท่นชาร์จที่บ้าน เราก็ขับไปเติมไฟแถวบ้านนะ เสียบปลั๊กเสร็จ ก็นั่งรอบนรถเลย 40-45 นาที เอาเวลานั่งเงียบๆ คิดงานเลย
**ระหว่างที่ชาร์จ มันจะมีคนดึงปลั๊กออกได้มั้ย?
เท่าที่ลอง ถ้าปลั๊กมันทำการชาร์จแล้ว จะดึงไม่ออก มันจะต้องมีกุญแจรถ หรือกดปุ่มคลายก่อนถึงจะปลดปลั๊กได้
แบตน่าจะครบถ้วน
มาที่ตัวรถ
**ค่าบำรุงรักษาแพงมั้ย?
โดยรวมค่าดูแลรักษารถไฟฟ้าจะถูกกว่ารถสันดาป เพราะไม่มีเครื่องยนต์ ไม่ต้องมีสารหล่อลื่นใดๆ ไม่มีการสึกหรอ
จากที่ดูคลิปของ volvo มา มีคนตอบปัญหานี้คือ จากเดิมครบ 3 ปี volvo สันดาปที่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาที่ 150,000 จะลดลงเหลือ 15,000
อย่างที่เราขับ กระโปรงหน้ามีช่องใส่ของเหลวอย่างเดียวคือ น้ำปัดน้ำฝน
**ประกันรถยนต์สำหรับ EV แพงมั้ย
แพงสัดดดดด หลักแสน
แต่ volvo มีโปรโมชั่นประมาณชั้น 1 สามปี ก็เลยโอเค เพราะคาดการณ์ว่า ในอนาคตพอมีรถไฟฟ้าเยอะขึ้น มันจะถูกลงเอง
**รถไฟฟ้าวิ่งเร็วมั้ย?
พอมันไม่มีเครื่องยนต์ มันก็จะไม่มีชุดเกียร์ เจ้ารถก็จะไม่ต้องทำรอบเพื่อเปลี่ยนเกียร์ หรือพูดง่ายกว่านั้น รถไฟฟ้ามีแค่เกียร์เดียว เวลาออกตัวอะไรมันก็จะพุ่งจัด สำหรับเราก็แอบตกใจเหมือนกัน
**ตอนนี้มีปัญหาอะไรกับรถ EV มั้ย?
ในแง่ตัวรถ ไม่มีปัญหาอะไรเลย แฮปปี้มาก จะมีปัญหาก็แค่ตัว software ตัวอินเตอร์เนท...เพราะรถ EV ต้องใส่ซิมการ์ด เพื่อต่อเนตสำหรับดูแผนที่ สำหรับนั่นนี่ ซึ่งก็มีบางครั้งที่ต่อเนตไม่ได้ เนตหลุดนั่นนี่
แต่ปัญหา software ไม่กระทบการทำงานหลักของรถนะ เราก็วิ่งปกติแหละ
สรุป
สำหรับคนที่คิดจะซื้อรถไฟฟ้า เราว่าต้องสำรวจไลฟ์สไตล์ตัวเองดีๆ เลยแหละ ว่าเราใช้รถทำอะไรบ้าง ลักษณะไหนบ้าง
อย่างเราคือ 80% ของการใช้รถคือขับมาทำงาน ระยะทางไปกลับ 50 กิโลเมตร เราขับรถไม่เร็ว
เวลาขับรถต่างจังหวัด เราก็ชอบแวะปั๊มบ่อยด้วย เพราะเราขับรถไกลๆ ไม่อึด
รถไฟฟ้าเลยตอบโจทย์เรา ก็เลยค่อนข้างไม่มีปัญหา
โดยรวมประมาณนี้

--- โพสที่สอง แกโพสไว้ ---

มีแต่คนรีวิวซ้ำๆ กัน ช่วงล่างดี เร่งแรงนั่นนี่
วันนี้ขอมารีวิว สิ่งที่ไม่ชอบดีกว่า
- ไฟทุกดวง นิ่มนวลมาก ค่อยๆ เฟดสว่าง ค่อยๆ มืด ผู้ดีมาก
แต่แอร์มึงจะผู้ดีไม่ได้! ได้ยินมานานละว่า รถยุโรปแอร์จะเย็นน้อยกว่ารถญี่ปุ่น ซึ่งก็คอนเฟิร์มว่าจริง
- คุณจะไฟจะอะไรผู้ดีได้หมด แต่แอร์เนี่ย กูขอเย็นๆ แบบป่าเถื่อน ขอเย็นแบบเหี้ยๆ ได้มั้ย
- คือแอร์มันก็เย็นแหละ แต่มันไม่ปะทะ มันไม่ตูมอ่ะ มันค่อยๆ กว่าจะฉ่ำได้ ไม่ทันใจเลย
- สิ่งต่อมาคือ ระบบถอย
คือ volvo จะมีระบบที่เวลาถอยแล้วจะชนอะไร ก็เบรคให้เลย
ซึ่งหมีขาวครับ มึงอยู่ประเทศโลกที่สามไง มันก็จะพังๆ เละๆ แบบนี้แหละ
มึงจะ sensitive ขนาดนี้ไม่ได้ป่ะวะ
คือนิดหน่อยเบรคเลย ละไม่เบรคธรรมดานะ มันเบรคทีหัวทิ่ม
แบบ "เฮ้ยยยยยย ระวัง!!!!!!!"
หมีขาว! นั่นมันเนิน!~ มึงจะระวังเหี้ยอะไร
(ระบบนี้ปิดถาวรไม่ได้ด้วยนะ ปิดได้เป็นครั้งๆ)
- นี่ยังไม่นับไอ้พวกระวังข้าง ที่ร้องกันระงมเวลาเข้าซอย 3
หมีขาว มึงอยู่รัชดาซอย 3 ไง ไม่ใช่กรุงสต๊อคโฮม มึงใจเย็นๆ หน่อย
(ซึ่งอันนี้พอรับได้ เค้าหวังดี ทนๆ ไป)
- ต่อมาที่ไม่ชอบคือ ไม่มีปุ่ม mute เพลง
อันนี้ไม่เข้าใจ ทำไมอ่ะ mazda3 ยังมี แล้วทำไมพี่ไม่อ่ะ บอกหน่อย
ที่เหลือคือดีหมดเลย รัก ชอบ ขับสนุกมาก

Credit : FB Vichai Matakul

ตัว pure electric รึเปล่าท่าน

ใช่ครับ

*** เป็นโพสจากพี่วิชัย Salmon House นะครับ ผมอ่านแล้วเห็นภาพดี ***

ทีแรกกะจะเขียนรีวิวเจ้ารถ #XC40
แต่คิดไปคิดมา ใครเค้าจะสนใจวะ ว่าเราขับรถรุ่นอะไร
คนเค้าน่าจะอยากรู้ และอยากได้ข้อมูลรถ #EV มากกว่ามั้ยนะ
งั้นโพสต์นี้ขอเอาข้อมูลต่างๆ ที่เราหามาก่อนจะซื้อรถ EV คันนี้ละกันนะ
เพราะเอาจริงๆ ก็พบว่า มีคน misconcept หรือไม่เข้าใจเจ้ารถพวกนี้เยอะอยู่เหมือนกัน
(ส่วนคนที่สนใจอยากซื้อ #volvo และรออ่านรีวิว ก็สามารถจบได้สั้นๆ ว่า "ดีมาก ประทับใจ" ที่เหลือเหมือนคนอื่นหมดเลยครับ 5555)
อย่างแรกสุดๆ ที่ต้องทำความเข้าใจกับรถ EV กันใหม่นิดหน่อยคือ รถ EV ไม่มีเครื่องยนต์ แปลว่า มันจะไม่มีลูกสูบ หม้อน้ำ เพลา ชุดเกียร์ นั่นนี่เลย รถไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะกลับมาตรงนี้อีกรอบ
**แบตเตอรี่
อย่างแรกเลยแบตรถไฟฟ้าไม่ควรชาร์จจนเต็มบ่อยๆ
เราควรจะชาร์จไว้ประมาณ 80-90% ในเวลาใช้งานปกติ เวลาจะออกเดินทางไกล ถึงอัดเต็ม 100%
แปลว่า เวลาเราดูคำโฆษณารถไฟฟ้า ที่บอกว่า วิ่งได้เต็มที่ 400-500-600 กิโลเมตร
มันคือยอดเคลมจากไฟ 100% ก็อ่านคำโฆษณาพวกนี้
ก็ลบออกสัก 10% แหละ
**แบตเสื่อมจะทำยังไง?
แบตรถไฟฟ้าจะอยู่ใต้ที่นั่งคนขับ เหมือนโครงรถ
แต่สิ่งที่คนมักจะเข้าใจผิด คือ แบตรถไฟฟ้าคือแท่งแบตใหญ่ๆ แบนๆ หนึ่งก้อน
ซึ่งความจริง แบตรถไฟฟ้าประกอบด้วยแบตก้อนเล็กๆ เป็นร้อยๆ ก้อนต่อกันแปลว่าถ้าเกิดอาการแบตเสื่อม มันไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเปลี่ยนยกแผงนะ เราจะมาเปิดเพื่อดูว่าก้อนไหนเสื่อมนั่นนี่
(สำหรับคนที่สงสัยว่า แต่แบตทั้งหมดเราเริ่มใช้พร้อมกัน มันก็น่าจะเสื่อมพร้อมกันรึเปล่าคุณ....อ่ะ อันนี้ผมก็คิดเหมือนกัน แต่มันยังไม่มีใครใช้แบตจนเสื่อมสักทีอ่ะเนอะ ก็ต้องรอดูกันต่อไป)
**แบตรถกันน้ำมั้ย น้ำท่วมจะทำยังไง?
คืองี้...รถสันดาปเนี่ยยิ่งกว่ากลัวน้ำอีกนะ คือน้ำเข้าท่อไอเสียเมื่อไหร่คือจบเลยป่ะ
รถไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ แปลว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นละแน่ๆ
ต่อมา...โลกเราทุกวันนี้มีมือถือกันน้ำ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะมากที่กันน้ำ เพราะงั้นการจะมีรถไฟฟ้า มีแบต ก็ต้องกันน้ำดิ
มันมีคลิปจาก volvo ประเทศจีน เอารถ volvo ไปลงน้ำลึก 170 เซน ก็ไม่มีปัญหาอะไร รถวิ่งได้ปกติ
**ฝนตกจะชาร์จไฟกลางแจ้งได้มั้ย?
ชาร์จไฟขณะฝนตกได้ มีคลิปพิสูจน์ให้แล้ว
**ค่าไฟคิดยังไง?
เท่าที่เราดูข้อมูลมา แต่เราไม่ค่อยมั่นใจข้อมูลชุดนี้นะเพราะอ่านแล้วงงอยู่ดี
ถ้าชาร์จจาก wall charge ที่บ้าน จะตกกิโลเมตรละ 0.3-0.7 บาท
แต่ถ้าชาร์จจากสถานีนอกบ้านก็จะตกประมาณ 0.7 สักอย่าง
แต่เอาเป็นว่า เราคิดกลมๆ เลย รถ EV เสียค่าไฟ กิโลเมตรละ 1 บาทละกัน
เราเคยชาร์จ volvo เราที่บ้าน จาก 19% ขึ้นไปที่ 90% ใช้ไฟประมาณ 50 หน่วย
หน่วยละประมาณ 4 บาท ก็เสียไปประมาณ 200 บาท
เจ้า 200 บาทที่ว่า เราวิ่งไปกลับออฟฟิศจันทร์ถึงศุกร์ เหลือไฟประมาณ 45%
กะคร่าวๆ จากรถเรา จากเดิมที่เราเติม E20 อาทิตย์ละประมาณ 1200 บาท จะเหลืออาทิตย์ละ 200 บาท
**ชาร์จไฟที่บ้านต้องชาร์จบ่อยแค่ไหน?
ตัวรถ มันจะมีการตั้งค่าให้ชาร์จได้เต็มที่ที่กี่เปอร์เซนต์ อย่างเราตั้งไว้ที่ 90% พอถึง 90% มันก็หยุดการชาร์จ แล้วเราค่อยมาถึงปลั๊กออกตอนเช้า และตัวแอปของรถมันก็จะมีการตั้งค่าอีกทีว่า เราจะให้รถเริ่มชาร์จกี่โมงถึงกี่โมง อีกที ส่วนจะชาร์จบ่อยแค่ไหน แล้วแต่สะดวกเลย
มิเตอร์ที่บ้านต้องทำยังไง?
เพื่อความสะดวกสำหรับคนที่อยู่บ้าน เราควรมี wall charge ซึ่งส่วนใหญ่จะแถมมาให้อยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม
แต่ในการติดตั้ง wall charge เราต้องดูก่อนว่า ไฟที่เข้าบ้านเรามันมีกำลังพอใช่มั้ย
ถ้าไม่ เราก็ต้องไปขอไฟเพิ่มจากการไฟฟ้า การขอไฟเพิ่มทั้งหมด สามารถให้บริษัท wall charge ดำเนินเรื่องได้หมดเลย
แต่ในการติดตั้ง โยงสายไฟเข้าบ้านเรา อันนี้มีค่าใช้จ่ายที่แพงอยู่นะ�บ้านเรา เสาไฟอยู่ตรงข้ามบ้านเลย โยงเข้าบ้าน มาที่ตู้ชาร์จ ก็โดนไป 30K
**แล้วเราควรขอไฟเท่าไหร่?
เราจำตัวเลขแป๊ๆ ไม่ได้แล้ว แต่จะมีแบบ 10-11 ชั่วโมงเต็ม กับ 7 ชั่วโมงเต็ม (ราคาการติดตั้งก็ต่างกันไปนะ)
ทีแรกจะขอแบบ 7 ชั่วโมงเต็มแล้ว แต่มาคิดอีกที คิดว่าไม่จำเป็น เลยไปแบบปกติดีกว่า (ซึ่งก็โดนไป 30K)
เป็นงี้ เราพบว่า การชาร์จไฟที่บ้าน มันไม่เหมือนการเติมน้ำมันแบบเดิม การเติมน้ำมันแบบเดิมคือน้ำมันจวนหมด เราถึงจะเติม เราเลยต้องเติมเยอะ
แต่การชาร์จไฟที่บ้าน มันคือการเติมไฟที่พร่องไปในแต่ละวันน่ะครับ
แปลว่า ถ้าเราจะชาร์จทุกวัน ไฟที่เข้ารถ ก็น่าจะมีแค่ 10-20% เท่านั้น
เท่ากับว่า เอาเข้าจริงๆ เราอาจจะใช้เวลาชาร์จไฟแค่ 2-3 ชั่วโมงก็ได้
และสุดท้าย เวลาชาร์จไฟ มันก็เอาไว้ชาร์จข้ามคืนตอนหลับอยู่แล้ว
อีกอย่าง เจ้า wall charge มันปล่อยไฟน้อยลงเพื่อถนอมแบตแหละ มันเลยใช้เวลาเต็มนานมาก
**รถไฟฟ้าเวลารถติดนานๆ ไฟจะหมดมั้ย?
ต้องเข้าใจก่อนว่า ทุกสิ่งอย่างบนรถไฟฟ้าใช้ไฟฟ้าในการทำงานหมด กระทั่งรถจอดนิ่งๆ กลางแดด ตัวรถก็จะใช้ไฟอ่อนๆ เพื่อไม่ทำให้ชิ้นส่วนมันร้อนเกินไป
แต่นั่นมันก็เป็นไฟที่น้อยมากๆๆ น้อยจนเราไม่ต้องไปใส่ใจกับมันก็ได้ อย่างไรก็ตาม บนรถ มันจะมี google map มาให้
ซึ่งถ้าเราเปิดแผนที่หาจุดปลายทางแล้ว เจ้าแผนที่นี้มันจะคำนวณปริมาณแบตให้เลยว่า ตอนถึงเราจะเหลือแบตเท่าไหร่ และเท่าที่ใช้มา มันคำนวณแม่นยำมากๆ คลาดเคลื่อน +-5%
**คำถามสำคัญออกต่างจังหวัดชาร์จไฟสะดวกมั้ย?
สำหรับเรา จากการที่เราเติมน้ำมันให้เต็มถังได้ภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที แต่พอเติมไฟ เราต้องรออย่างน้อย 40 นาที
หรือกระทั่งสำหรับคนที่อยากไปไหนก็ลุกไปได้เลย แต่พอเป็นรถไฟฟ้า อาจจะต้องเตรียมตัวนิดนึง เช่นต้องดูแผนที่ก่อนว่า ระหว่างทางมีแท่นชาร์จกี่แห่ง เราจะขับไปแวะที่แท่นไหนบ้าง
เราเลยว่าความสะดวกหรือไม่สะดวก มันขึ้นอยู่กับวิธีเดินทางแล้วแหละ อย่างเรา โอเคที่จะรอนะ มันชิวๆ ไปกินนั่นกินนี่ หรือกระทั่งนอนพักในรถ เราเลยโอเค แต่กับคนอื่นไม่แน่ใจ
แต่กลับมาที่ตัวแท่นชาร์จตามปั๊มจะดีมั้ย
เราว่าตอนนี้ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังต้องลุ้นกันนิดหน่อย และเราว่าสุดท้าย คนจะแย่งหัวชาร์จแบบเร็วกันอยู่ดี
ตอนนี้เราเห็นโดยปกติ ปั๊มปตท. ใหญ่ๆ จะมีเจ้าแท่นชาร์จแบบนี้อยู่ประมาณ 1-2 แท่น (หนึ่งแท่นจะมีหัวชาร์จประมาณ 3 หัว)
เราว่ามันไม่พอหรอก แต่ถามว่าจำนวนแท่นมันเยอะมั้ย มันเยอะนะ
เปิดแผนที่ออกมานี่มีให้เลือกเข้าเยอะจริงๆ ยุบยับเลยแหละ
ตัวแอปที่ใช้บริการชาร์จไฟมันก็บอกหมดเลยนะว่า หัวไหนมีคนใช้ หัวไหนไม่มี จองเวลานั่นนี่ แต่ที่เราเจอคือ หัวว่าง ไม่มีคนใช้ แต่พอไปถึงมันเสีย ผูกบัตรไม่ติด บัตรมีปัญหา สารพัด
และปัญหาใหญ่สุดที่จะเจอคือ รถคันอื่นมาจอดในที่ชาร์จไฟ อันนี้คลาสสิคแน่นอน
แต่...เราว่าตอนนี้ ปตท. เริ่มไหวตัวแล้วว่า การชาร์จไฟพวกนี้มันต้องใช้เวลา แปลว่า ระหว่างรอคือโอกาสในการทำเงินจากพวกเจ้าของรถนะเว้ย
เจ้าแท่นพวกนี้จะโผล่มาเยอะขึ้นเรื่อยๆ
**อยู่คอนโดจะชาร์จยังไง?
ก่อนที่เราจะติดตั้งแท่นชาร์จที่บ้าน เราก็ขับไปเติมไฟแถวบ้านนะ เสียบปลั๊กเสร็จ ก็นั่งรอบนรถเลย 40-45 นาที เอาเวลานั่งเงียบๆ คิดงานเลย
**ระหว่างที่ชาร์จ มันจะมีคนดึงปลั๊กออกได้มั้ย?
เท่าที่ลอง ถ้าปลั๊กมันทำการชาร์จแล้ว จะดึงไม่ออก มันจะต้องมีกุญแจรถ หรือกดปุ่มคลายก่อนถึงจะปลดปลั๊กได้
แบตน่าจะครบถ้วน
มาที่ตัวรถ
**ค่าบำรุงรักษาแพงมั้ย?
โดยรวมค่าดูแลรักษารถไฟฟ้าจะถูกกว่ารถสันดาป เพราะไม่มีเครื่องยนต์ ไม่ต้องมีสารหล่อลื่นใดๆ ไม่มีการสึกหรอ
จากที่ดูคลิปของ volvo มา มีคนตอบปัญหานี้คือ จากเดิมครบ 3 ปี volvo สันดาปที่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาที่ 150,000 จะลดลงเหลือ 15,000
อย่างที่เราขับ กระโปรงหน้ามีช่องใส่ของเหลวอย่างเดียวคือ น้ำปัดน้ำฝน
**ประกันรถยนต์สำหรับ EV แพงมั้ย
แพงสัดดดดด หลักแสน
แต่ volvo มีโปรโมชั่นประมาณชั้น 1 สามปี ก็เลยโอเค เพราะคาดการณ์ว่า ในอนาคตพอมีรถไฟฟ้าเยอะขึ้น มันจะถูกลงเอง
**รถไฟฟ้าวิ่งเร็วมั้ย?
พอมันไม่มีเครื่องยนต์ มันก็จะไม่มีชุดเกียร์ เจ้ารถก็จะไม่ต้องทำรอบเพื่อเปลี่ยนเกียร์ หรือพูดง่ายกว่านั้น รถไฟฟ้ามีแค่เกียร์เดียว เวลาออกตัวอะไรมันก็จะพุ่งจัด สำหรับเราก็แอบตกใจเหมือนกัน
**ตอนนี้มีปัญหาอะไรกับรถ EV มั้ย?
ในแง่ตัวรถ ไม่มีปัญหาอะไรเลย แฮปปี้มาก จะมีปัญหาก็แค่ตัว software ตัวอินเตอร์เนท...เพราะรถ EV ต้องใส่ซิมการ์ด เพื่อต่อเนตสำหรับดูแผนที่ สำหรับนั่นนี่ ซึ่งก็มีบางครั้งที่ต่อเนตไม่ได้ เนตหลุดนั่นนี่
แต่ปัญหา software ไม่กระทบการทำงานหลักของรถนะ เราก็วิ่งปกติแหละ
สรุป
สำหรับคนที่คิดจะซื้อรถไฟฟ้า เราว่าต้องสำรวจไลฟ์สไตล์ตัวเองดีๆ เลยแหละ ว่าเราใช้รถทำอะไรบ้าง ลักษณะไหนบ้าง
อย่างเราคือ 80% ของการใช้รถคือขับมาทำงาน ระยะทางไปกลับ 50 กิโลเมตร เราขับรถไม่เร็ว
เวลาขับรถต่างจังหวัด เราก็ชอบแวะปั๊มบ่อยด้วย เพราะเราขับรถไกลๆ ไม่อึด
รถไฟฟ้าเลยตอบโจทย์เรา ก็เลยค่อนข้างไม่มีปัญหา
โดยรวมประมาณนี้

--- โพสที่สอง แกโพสไว้ ---

มีแต่คนรีวิวซ้ำๆ กัน ช่วงล่างดี เร่งแรงนั่นนี่
วันนี้ขอมารีวิว สิ่งที่ไม่ชอบดีกว่า
- ไฟทุกดวง นิ่มนวลมาก ค่อยๆ เฟดสว่าง ค่อยๆ มืด ผู้ดีมาก
แต่แอร์มึงจะผู้ดีไม่ได้! ได้ยินมานานละว่า รถยุโรปแอร์จะเย็นน้อยกว่ารถญี่ปุ่น ซึ่งก็คอนเฟิร์มว่าจริง
- คุณจะไฟจะอะไรผู้ดีได้หมด แต่แอร์เนี่ย กูขอเย็นๆ แบบป่าเถื่อน ขอเย็นแบบเหี้ยๆ ได้มั้ย
- คือแอร์มันก็เย็นแหละ แต่มันไม่ปะทะ มันไม่ตูมอ่ะ มันค่อยๆ กว่าจะฉ่ำได้ ไม่ทันใจเลย
- สิ่งต่อมาคือ ระบบถอย
คือ volvo จะมีระบบที่เวลาถอยแล้วจะชนอะไร ก็เบรคให้เลย
ซึ่งหมีขาวครับ มึงอยู่ประเทศโลกที่สามไง มันก็จะพังๆ เละๆ แบบนี้แหละ
มึงจะ sensitive ขนาดนี้ไม่ได้ป่ะวะ
คือนิดหน่อยเบรคเลย ละไม่เบรคธรรมดานะ มันเบรคทีหัวทิ่ม
แบบ "เฮ้ยยยยยย ระวัง!!!!!!!"
หมีขาว! นั่นมันเนิน!~ มึงจะระวังเหี้ยอะไร
(ระบบนี้ปิดถาวรไม่ได้ด้วยนะ ปิดได้เป็นครั้งๆ)
- นี่ยังไม่นับไอ้พวกระวังข้าง ที่ร้องกันระงมเวลาเข้าซอย 3
หมีขาว มึงอยู่รัชดาซอย 3 ไง ไม่ใช่กรุงสต๊อคโฮม มึงใจเย็นๆ หน่อย
(ซึ่งอันนี้พอรับได้ เค้าหวังดี ทนๆ ไป)
- ต่อมาที่ไม่ชอบคือ ไม่มีปุ่ม mute เพลง
อันนี้ไม่เข้าใจ ทำไมอ่ะ mazda3 ยังมี แล้วทำไมพี่ไม่อ่ะ บอกหน่อย
ที่เหลือคือดีหมดเลย รัก ชอบ ขับสนุกมาก

Credit : FB Vichai Matakul

รอดูราคา BZ4X ด้วยมั้ยครับ ไม่มีประสบการณ์กับXC40 แต่หน่ายกับศูนย์ บ้านผมบ่นจนญาติหนีไปออก 530e M กับ HRV อย่างละคันแทนละครับ

รถไฟฟ้าดีอย่างเรื่องศูนย์ ไม่ต้องเข้าบ่อยๆจะมีแค่เบิกอะไหล่เวลามีปัญหา (รอซ่อมนาน)
อีก 2 ปีว่าจะออก ใจไป Hyundai Ioniq 5 ละ

ข้อเสียไม่รู้

รู้แต่ว่ามีตัว C40 ออกมาอย่างสวยเลยครับ

เปิดจองแล้วหรอครับ

ขอให้ได้ขอให้โดน ผมจองไปแล้วช่วง Motor Show รับรถช่วงปีใหม่ครับ