ผิดจากที่ผมคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแฮะสำหรับความพ่ายแพ้ของ เชลซี ต่อ เอฟเวอร์ตัน ที่เกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัยพร้อมกัน

1. การถลกแขนเสื้อวิ่งเป็นม้า+บรรยากาศที่ปลุกเร้าโดยแฟนบอลคือเหตุผลที่ “ท๊อฟฟี่” ไม่แพ้ในเกมนี้

2. ผมใช้คำว่า “ไม่แพ้” เพราะมันต่อเนื่องกันคือ “สิงห์บลู” มอบประตูเดียวของเกมนี้จากความผิดพลาดของ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เพียงแค่นาทีแรกของครึ่งหลัง

ผมยังมั่นใจว่าหากไม่มีลูกนี้และเกมยืดเยื้อต่อไปยังไงซะทีมเยือนมีโอกาสเก็บ 3 แต้มมากกว่า

ผมเดาว่า “เดฟ” 2 จิต 2 ใจตอนแรกนึกว่า รีซ เจมส์ จะมารับบอลใกล้ๆแต่พอน้องมันออกตัววิ่ง (จะให้พี่วางยาว) เลยต้องวางสเต็ปเท้าใหม่ซึ่งแค่เสี้ยววินาที ริชาร์ลิซอน ปรี่เข้ามาถึงตัวพอดี

อ้นนี้ผมมองจากมุมในฐานะที่เล่นกองหลัง (ในวัยที่ขาดความคล่องตัว) คือเวลาผมได้บอล ผมจะหาตัวฝากใกล้ๆก่อน ถ้ากองหน้าประชิดไวทางเลือกสุดท้ายคือคืนโกล์

ซึ่งจังหวะบอลที่ก่อนหน้านี้ถูกถ่ายจากซ้ายมาขวา เจมส์ ในฐานะวิงแบ็คไม่ควรวิ่งขึ้นหน้า (ในขณะที่เพื่อนยังโดนเพรสอยู่) ต้องฉีกออกริมเส้นด้านข้างที่ ณ ตอนนั้นว่างมากถึงมากที่สุดเพื่อรักษาการครองบอลเอาไว้ก่อน (เป็นสไตล์ที่ เชลซี เล่นมาตลอด)

ผมอ่านเว็บไซต์ เดลี่ เมล์ ที่เคลมว่า เดฟ ยังไม่เคยเล่นพลาดจนถูกคู่ต่อสู้ยิงประตูในลีกมาก่อนเลย ลูกนี้เป็นลูกแรก

เอฟเวอร์ตัน เล่นคล้ายๆ นิวคาสเซิ่ล ที่พบ ลิเวอร์พูล เมื่อวานนี้เลยครับใช้เสียงเชียร์จากแฟนบอลเป็นตัวกระตุ้นและเข้าบอลหนักแบบไม่กลัวว่าจะฟาว์ล (รู้ว่ามีแบ็ค)

แต่ด้วยระบบการเล่นที่ “สิงห์บลู” แน่นกว่า ท้ายที่สุดกลายเป็นค่อยๆครองบอลจนทิ้งแทบไม่เป็นฝุ่นก่อนจบเกมที่ 78%

คือลูกทีมของ แฟร็งค์ แลมพาร์ด ที่ผมดูมาหลายต่อหลายนัดการขึ้นเกมไม่มีอะไรซับซ้อน ตามตัวง่ายแค่คอยซ้อนเจ้าหนู แอนโธนี่ กอร์ดอน คนเดียวก็แทบจะปิดสวิชทุกอย่าง

ผมค่อนข้างเห็นใจ โธมัส ทูเคิ่ล กับผลงาน 2 นัด 1 แต้ม คือวางแผนวางตัวอะไรมาดีหมดแล้วแต่การจบสกอร์ของลูกทีมคือกากเน่าหนอนมาก

ยิง 21 ครั้งที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด ได้มา 1 ประตู, ที่ กูดิสัน พาร์ค อีก 17 ได้ 0 ประตู

ถ้าใครยังบอกเป็นปัญหาที่ผู้จัดการทีม เขาคนนั้นไม่ขายก็คงเก็บไว้เสพเองแน่ๆครับ

รูปเกมไม่เหมือนเดิมเมื่อ เอฟเวอร์ตัน ได้ประตู 1-0 แนวรับถอยไปต่ำ เจอการเข้าบอลวิ่งสู้ฟัดก็ว่าลำบากแล้วต้องมารับมือกับความแออัดหน้าประตูยิ่งลดทอนศักยภาพของนักเตะสายสปีดที่เหลือพื้นที่สุดท้ายให้เล่นแคบมาก

จากการตุนแต้มมาเยอะก่อนหน้านี้ เชลซี อาจไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากกับตั๋วไป UCL แต่อย่าลืมว่ายังเหลือศึกใหญ่ชิง เอฟเอ คัพ กับ ลิเวอร์พูล ในอีก 2 วีคข้างหน้า

คุณจะเดินลง เวมบลีย์ โดยที่ไม่ได้สะสางปมปัญหาแนวรุกเน่าแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาดครับ

ฉะนั้น ทูเคิ่ล และ ลูกทีมเหลือแค่ 2 เกมให้เรียกความมั่นใจก่อนชิงดำในวันที่ 14 เท่านั้นแล้วนะครับ

สำหรับ 3 แต้มของ “ท๊อฟฟี่” ไม่ได้มาจากการมอบโชคของ เชลซี อย่างเดียวครับแต่ต้องสดุดีโมเม้นแห่งปีกับลูกเซฟของ จอร์แดน พิคฟอร์ด ในนาที 59

ความเหลือเชื่อของ พิคฟอร์ด คือลงไปนอนที่เสาแรกแต่รีบลุกและใส่เกียร์หมาวิ่งปรี่ไปเซฟบนเส้นที่เสา 2 ซึ่งกินเวลาแค่ 3 วินาที

ดูกี่ทีมันต้องเป็นประตู มันเหลือเชื่อถึงขนาดที่ว่าเพื่อนร่วมทีมยังต้องกุมหัวกับปาฏิหาริย์ในจังหวะนี้

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนี่จะเป็นลูกเซฟแห่งซีซั่นและอาจสำคัญถึงการอยู่รอดใน พรีเมียร์ลีก ของ เอฟเวอร์ตัน เลยด้วย

มาถึงโค้งสุดท้ายกลายเป็นว่าการแย่งหนีตายของทีมท้ายตาราง เราไม่ได้พูดกันถึงแค่ เบิร์นลีย์ กับ เอฟเวอร์ตัน เป็น topic หลักอีกแล้วครับ

ตอนนี้ ลีดส์ เป็นทีมที่หลายคนเป็นห่วงที่สุดหลังโปรแกรมที่เหลือดูไม่ออกเลยว่าจะเริ่มเก็บ 3 แต้มที่เกมไหนก่อน

2 ใน 4 นัดต้องเจอ อาร์เซนอล และ เชลซี ส่วนอีกที่เหลือดันเขี้ยวซะด้วยสิครับทั้ง ไบรท์ตัน และ เบรนท์ฟอร์ด

ที่น่าตกใจคือเกมในบ้านที่ควรเป็นตัวผลิต 3 แต้มแต่ “ยูงทอง” กลับทำตรงกันข้ามคือแจกชาวบ้านอย่างเดียวโดย 7 เกมหลังสุดแพ้ถึง 5 ชนะแค่นัดเดียว ในบ้านยังไม่เอาแล้วนอกบ้านจะไปหวังอะไรล่ะครับเนี่ย

ตอนนี้ “ท๊อฟฟี่” ยังอยู่อันดับ 18 ก็จริงแต่จากการที่พลิกล็อกเอาชนะ เชลซี ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปเลยครับ

ทีมของ “แลมพ์” มีข้อได้เปรียบคือยังมีนัดตกค้างในมือที่จะทำให้กลับขึ้นมาอยู่โซนปลอดภัยแถมโปรแกรมที่เหลืออยู่เบากว่า “ยูงทอง” เห็นๆ

ปลายเดือนก่อน เบิร์นลีย์ ทำท่าจะตกชั้นแต่พอเปลี่ยนโค้ชชนะ 3 นัดจาก 4 นัดฟื้นคืนชีพเฉยส่วน ลีดส์แค่ 2 นัดหลังไม่ชนะอาการหนักกว่าทุกทีมไปทันที

เป็นบทสรุปที่ชัดเจนว่าสงครามท้ายตารางไม่มีคำว่านิ่งและพร้อมเปลี่ยนไปได้ทุกนัดทุกสัปดาห์จริงๆครับ...

ลีดส์ผมมองไว้ตั้งแต่เกมเจอพาเลซแล้วว่าถ้าไม่ได้3แต้มเกมนี้งานหนักแน่ สุดท้ายก็จริงเพราะ1แต้มที่เอากลับมามันไม่พอ เอาจริงๆรูปเกมนั้นก็ไม่ได้ดีเลยด้วยซ้ำทำให้เกมจะเจอซิตี้ผมถึงได้บอกว่าคนที่หวังลีดส์ว่าอย่าไปหวังยังไงก็เละเพราะขนาดเจอพาเลซยังสู้ไม่ได้และเกือบแพ้ เจอซิตี้ก็ตามสภาพ แล้วเกมถัดๆไปต้องไปเจอปืนที่ต้องการแต้มเพื่อไปUCLกับเชลซีที่ต้องการเรียกความมั่นใจผมว่าไม่รอด เผลอๆลีดส์นี่แหละจะเป็นทีมสุดท้ายที่ตกชั้นเอา

ตอบในฐานะที่ดูทุกนัด

ครองบอลได้จะส่วนใหญ่จะเป็นการครองบอลในแนวหลัง จังหว่ะเปิดเกมรุกจริงๆจะตันไม่ทำเสียเองก็ไม่ได้จบสกอร์แบบจะแจ้งเลย

เอาจริงๆทรงบอลดีแล้วล่ะ สามารถไปขึงแมนฯยูได้แต่ดูเหมือนการเข้าทำจะขาดมิติการเข้าทำจากตัวรุก หรือพูดง่ายๆคือตัวรุกทื่อ

แบบนี้ต้องรอเสริมทีมก่อนล่ะ(ซึ่งไม่รู้ว่าเจ้าของใหม่จะให้งบเท่าไร) เพราะถ้าบทความวิจารณ์แบบนี้ก็เหมือนนักเตะผิดไป75%
ฝากไว้ก่อนเดี๋ยวเจอกันนะพี่หงส์กับพี่เรือ



แต่ถ้านัดชิงเจอลิเวอร์พูลแล้วฟอร์มแบบ3นัดหลัง(หรือหลายๆนัดถ้าได้ดู) เจอร์เก้น คลอปป์ พูดได้คำเดียวว่า หวานเจี้ยบบบบ

เห็นด้วยเลย จะติทูเคิ่ลก็ติไอนัดเจอน่อล ที่จัดตัวตลก หรือบางนัดเปลี่ยนตัวช้า แก้เกมช้าว่าไป แต่แนวรุกอย่างนัดแมนยูนี่ แนวรุกโอกาสง่ายๆยังทำกันไม่ได้ แทนที่จะ 3 แต้มง่ายๆ มันไม่เกี่ยวกับโค้ชละ แนวรับก็ด้วย ปูมาดีทั้งเกม กำลังจะปรับแผนก็มาเออเร่อง่ายๆเสียประตู

ส่วนกัปตันเดฟแม้จะแก่ตามอายุ แต่ทั้งฤดูกาลพลาดโคตรน้อย ฟอร์มอย่างนิ่งในเกมรับ นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่พลาดง่ายๆขนาดนี้ นักเตะมันควรโละทั้งหมดแหละ เพราะมันฝืนใช้หมดสภาพมานานตั้งแต่ยุคซารี่ละ แต่ฝืนสังขารมาได้นานขนาดนี้ อลอนโซ่ช้าเป็นเรือเกลือเอย ใครทุกวันนี้มานั่งวิเคราะห์ฟอร์มพวกนี้ ผมว่าโคตรแปลก คือมันควรยอมรับได้ตั้งนานละ ว่ามันได้เท่านี้ จนกว่าทีมจะหาตัวแทนคนใหม่ได้[/img]

ยกสองนัดมาอ้างแล้วบอกว่าห้ามโทษโค้ชผมว่าก็อาจจะเสพย์เองเหมือนกันนะ ยังไงโค้ชก็มีส่วนเพราะเชลซีฟอร์มแบบที่มีแต่คนบ่นมาเป็นเดือนๆแล้ว แรกๆก็ด่านักเตะ มันถึงเวลาแล้วที่โค้ชก็จะโดนบ้าง อาจจะไม่ใช่เรื่องแทคติก แต่เป็นเรื่องการฉุดแพชชั่นความมั่นใจกลับมาด้วย

เขียนดีครับ เรื่องจริงเลยยิงเยอะแต่ไม่ได้สกอร์เน่ามากเกมส์บุกต้องรีบแก้ก่อนเจอลิเวอร์จริงๆ

ลีลด์มีโอกาศล่วงจริงๆทำเป็นเล่นไปลุ้นตกชั้นกันยาวๆ

แมนยูฟอร์มแบบนั้น ไม่ชนะแอบผิดหวังอยู่เหมือนกันนะ
อย่างน้อยๆ เล่นรักษาโมเมนตัมทีมหน่อย มาแพ้เสมอสลับกันจนไปถึงนัดชิง
ทีมจะแย่เอา