ทวงบัลลังก์! เบนซ์ซัดปิดท้าย "ราชัน" อัดนกแก้ว 4-0 คว้าลาลีก้าสมัยที่ 35
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
เรอัล มาดริด ไม่พลาดแม้พวกเขาจะโรเตชั้นแต่ก็โชว์ฟอร์มถล่ม เอสปันญอล 4-0 โดยได้จาการยิงเบิ้ลของ โรดรีโก้ บวกกับอีกคนละลูกของ มาร์โก อเซนซิโอ้ และ คาริม เบนเซม่า ทำให้พวกเขาแต้มขาดคว้าแชมป์ลาลีก้า 2021/22 ไปเป็นที่เรียบร้อย และเป็นแชมป์สมัยที่ 35 ของสโมสร
เรอัล มาดริด
Starting Formation: 4-3-3
14.
คาเซมิโร่

60'
7
25.
เอดัวร์โด้ คามาวินก้า

75'
7.5
10.
ลูก้า โมดริช

60'
7
24.
มาเรียโน่ ดิอาซ

60'
6.5
21.
โรดรีโก้

75'
8
ตัวสำรอง
22.
อิสโก้

60'
6
8.
โทนี่ โครส

60'
6
34.
มาริโอ กิล่า

75'
6.5
20.
วินิซิอุส จูเนียร์

75'
6.5
9.
คาริม เบนเซม่า

60'
7
ลาลีก้า
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
เสาร์ที่ 30 เมษายน 2565
กรรมการ โฆเซ่ มูเนวร่า
เรอัล มาดริด
4
0
เอสปันญอล
1-0 โรดรีโก้ 33'
2-0 โรดรีโก้ 43'
3-0 อเซนซิโอ้ 55'
4-0 เบนเซม่า 81'
ราชันชุดขาวต้องการแค่แต้มเดียวเพื่อการันตีคว้าแชมป์ อย่างไรก็ตามวันนี้พวกเขามาเล่นด้วยชุดโรเตชั่นเนื่องจากมีเกมสำคัญในแชมเปี้ยนส์ ลีกรออยู่ ในระบบ 4-3-3 แนวรุกเป็น โรดรีโก้,มาเรียโน่,อเซนซิโอ้ ตรงกลางมี โมดริช,เซบาญอส,คามาวินก้า แนวรับซ้ายไปขวาเป็น มาร์เซโล,บาเญโฆ่,คาเซมิโร่,บาซเกซ และ คูร์กตัวส์ เฝ้าเสา
ฝั่งเอสปันญอลไปเล่น 4-4-2 RDT,ป๔อาโด้ จับคู่ในแดนหน้าและมีแผงกลางคอยหนุนทั้ง ดาร์เดร์,วิลเฮน่า,เอร์เรร่า,เมเลนโด้
• เจอกันนัดแรกในฤดูกาลนี้ เอสปันญอล ชนะ 2-1 แต่ก่อนหน้านั้น เรอัล มาดริด ชนะมา 4 นัดติด
• เรอัล มาดริด เปิดบ้านชนะเอสปันญอลมา 8 นัดติดทุกรายการ
• เอสปันญอล ไม่ชนะเกมเยือนในลีก 6 นัดติด
นกแก้วสวนกลับได้ลุ้นก่อน
ต้นเกมราชันครองบอลก็จริงแต่โอกาสแรกกลายเป็นของฝั่งเอสปันญอล จากจังหวะที่สวนกลับเร็วขึ้นมา วิลเฮน่าเลี้ยงบอลมาที่หน้ากรอบเขตโทษก่อนตัดสินใจลองซัดด้วยซ้ายไปแฉลบบล็อคปลิ้นหลุดข้ามคานไป
มาเรียโน่โฉบโหม่งชนเสาน่าเสียดาย
มาดริดเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่เซบาญอสยกบอลไปทางกรอบฝั่งขวาให้คาเซมิโร่เติมไปโหม่งชงไปเสาสองแล้วเป็นมาเรียโน่โฉบไปโหม่งบอลชนเสาอย่างน่าเสียดาย
มาเรียโน่ได้โขกอีกยังไม่ตรง
อีกครั้งที่มาดริดน่าได้ประตู เป็นจังหวะที่โมดริชตักบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้มาเรียโน่เทคโหม่งสะบัดเน้นๆ แต่บอลพุ่งหลุดกรอบไปนิดเดียว
ราชันเฮ!โรดรีโก้ทำชิ้งหลุดแปไม่เหลือ 1-0
แล้วมาดริดก็มาได้ประตูขึ้นนำที่ต้องการ จากจังหวะที่โรดรีโก้ได้บอลทางริมกรอบฝั่งซ้ายก่อนที่จะฝากให้มาร์เซโล่ที่เล่นชิ่งกลับมาให้โรดรีโก้หลุดไปแปด้วยขวาเรียดผ่านมือโลเปซเสียบเสาสองไปเลย 1-0 ทันที
ง่ายๆเลย!โรดรีโก่ฉกบอลไปยิงล่อเป้า 2-0
แล้วก่อนจบครึ่งแรกมาดริดมาได้ประตูหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่มาเรียโน่ไปเบียดแย่งบอลจากเอร์เรร่าหน้ากรอบเขตโทษเอสปันญอล ก่อนที่บอลจะไปเข้าทางโรดรีโก้ที่ฉกไปยิงล่อเป้าไม่เหลือ
มาร์เซโลตะบันด้วยขวาหลุดกรอบ
ก่อนจบครึ่งแรกมาดริดจะบวกเพิ่ม เป็นจังหวะที่โรดรีโก้ไหลบอลให้มาร์เซโล่เติมขึ้นมาซัดด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงแต่ปลิ้นหลุดกรอบไป
สุดท้ายจบครึ่งแรกเป็นมาดริดที่เด็ดขาดกว่าและออกนำไปก่อน 2-0 จจากการเหมายิงของโรดรีโก้
อเซนซิโอ้ซัดเด็ดขาด 3-0 ราชันหนีสบาย
ครึ่งหลังมาดริดมาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-0 จากจังหวะสวนกลับเร็วที่คามาวินก้าพาบอลขึ้นมาแล้วไหลออกทางกรอบฝั่งขวาให้อเซนซิโอ้หลุดไปซัดด้วยขวาเน้นๆ บอลพุ่งแรงผ่านมือโลเปซตุงตาข่ายเด็ดขาด
บิดัลเติมซัดติดเซฟคูร์กตัวส์
เอสปันญอลได้ลุ้นตีไข่แตกจากจังหวะที่ปูอาโด้พักบอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนพลิกแล้วไหลออกขวาให้บิดัลเติมขึ้นมาซัดด้วยขวาเน้นๆ บอลพุ่งแรงไปเสาแรกแต่คูร์กตัวส์ยังยืนตำแหน่งปัดออกหลังไป
บาซเกซแปเน้นๆหลุดเสาสอง
มาดริดน่าได้ประตูที่สี่ จากจังหวะชิ่งบอลกันสวยแล้วสุดท้ายเป็นอิสโก้เคาะให้บาซเกซหลุดไปยิงทางกรอบฝั่งขวา แต่เขาแปเรียดหลุดเสาสองไปนิดเดียว
อิสโก้ซัดตุงแต่เฮเก้อ
มาดริดส่งบอลตุงตาข่ายจากจังหวะที่เบนเซม่าได้บอลหลุดไปถึงเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนจะดึงหลบตัวประกบแล้วไหลไปบริเวณจุดโทษให้อิสโก้ตวัดยิงด้วยซ้ายตุงตาข่าย แต่กลายเป็นเฮเก้อเมื่อผู้ตัดสินเช็ค VAR แล้วมองว่าโรดรีโก้ที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้านั้นมีส่วนในจังหวะ ทำให้สกอร์ยัง 0-0 อยู่
นกแก้วยังลุ้นประตูตีไข่แตก
เอสปันญอลหวังจะเอาประตูตีไข่แตก จังหวะนี้ปูอาโด้ได้เหลี่ยมวางเท้าซัดด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงตรงกรอบแต่ก็ยังไปติดเซฟคูร์กตัวส์ที่พุ่งปัดเอาไว้ได้
เบนซ์ขอบ้าง!โฉบซัดหาย 4-0 ราชันหนีห่าง
มาดริดมาได้ประตูที่สี่สมใจ จากจังหวะที่วินิซิอุสได้บอลหลุดมาทางริมกรอบฝั่งซ้ายก่อนรอจังหวะไหลตัดไปตรงกลางให้เบนเซม่าโฉบมาตวัดด้วยซ้ายเน้นๆ พุ่งเรียดผ่านมือโลเปซตุงตาข่าย 4-0
ราชันปิดจ็อบซิวแชมป์
สุดท้ายก็ไม่มีปัญหา มาดริดถล่ม 4-0 ทำให้พวกเขาการันตีคว้าแชมป์ไปเป็นที่เรียบร้อยเป็นสมัยที่ 35 ของสโมสร
เอสปันญอล
Starting Formation: 4-4-2
5.
เฟร์นานโด กาเลโร่

83'
5.5
25.
ยานเกล เอร์เรร่า

75'
5
14.
ออสการ์ เมเลนโด้

65'
6
19.
ทอนนี่ วิลเฮน่า

65'
6.5
11.
ราอูล เด โตมาส

65'
6
ตัวสำรอง
8.
ฟราน เมริด้า

75'
6
17.
ดิดัค วิล่า

65'
6
6.
มานู มอร์ลาเนส

65'
6
7.
อู่ เล่ย

65'
6
15.
ดาบิด โลเปซ

83'
6
แก้ไขล่าสุดโดย iPanic เมื่อ Sun May 01, 2022 00:37, ทั้งหมด 14 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ