บัสไฟฟ้า : นวัตกรรมใหม่สโมสรรักษ์โลก
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส สโมสรในลีกทู กลายเป็นทีมแรกของโลกที่ขนส่งนักเตะของตัวเองไปลงสนามด้วยการใช้รถบัสพลังงานไฟฟ้า
จ่าฝูงลีก ทู คว้าตั๋วขึ้นมาเล่นในลีก วันได้สำเร็จ หลังจากบุกไปเสมอบริสตอล โรเวอร์ส ด้วยรถที่พวกเขาแสนภูมิใจมูลค่ากว่า 420,000 ปอนด์ ในเกมเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน
รถคันดังกล่าวเป็นของบริษัทหยูตง ที่โด่งดังของประเทศจีน ซึ่งถูกบริษัท เวสท์เวย์ ในลอนดอนเช่าซื้อมาเพื่อใช้ในภารกิจเกมดังกล่าวโดยเฉพาะ
รถคันนี้ถูกนำมาใช้เพื่อเติมเต็มความเขียวชอุ่ม และเป็นไปตามเป้าหมายของ เดล วินซ์ ประธานสโมสรฟอเรสต์ กรีน ที่อยากให้สโมสรใช้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นพาหนะขนส่งตามสโลแกนรักษ์โลกของทีม
วินซ์ ยืนยันด้วยว่า สโมสรกำลังพยายามหาซื้อรถบัสมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองในอนาคตอันใกล้ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ยั่งยืนของสโมสรต่างๆ ทั่วประเทศ
แน่นอนว่าในตอนนี้ พวกเขาคงแฮปปี้สุดๆ กับรถบัสโมเดล หยู่ตง TCE12 ที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้ง ไวไฟ 4G, จุดเชื่อมต่อสาย USB ของแต่ละที่นั่ง, ไฟส่องสว่างแบบ LED และหน้าต่างกระจกสองชั้น
รถคันดังกล่าวขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรีความจุ 281 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถผลิตขุมกำลัง 470 แรงม้า และแรงบิด 2,360 ปอนด์ต่อฟุต หรือราว 3,200 นิวตันเมตร
หากมีการชาร์จไฟเต็มที่ รถบัสคันหรู สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 200 ไมล์ หรือไม่น้อยกว่า 320 กิโลเมตร โดยการชาร์จไฟจนเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ จะใช้เวลานานประมาณ 2 ชั่วโมง
อย่างไรก็ดี หากต้องใช้งานในสภาวะจริงที่มีปัจจัยเรื่องสภาพการจราจร การขึ้นลงเนินเขา และเปิดแอร์ให้ผู้โดยสารสะดวกสบายนั้น คาดว่ารถบัสคันนี้จะวิ่งได้ระยะทางประมาณ 185 ไมล์ หรือราว 297 กิโลมเตร เรียกว่าลดลงมาไม่มากเหมือนกัน
เหล่านักฟุตบอล สามารถอิ่มเอมไปกับบรรยากาศสุดแสนสบายบนรถบัส 48 ที่นั่ง ที่สามารถเอนหลังไปบนเบาะหนังอันแสนนุ่ม หรือหากอยากผ่อนคลายอารมณ์ด้วยการเล่นไพ่ ก็สามารถดึงโต๊ะพับมาสนุกสนานกับเพื่อนร่วมทีมได้แบบไม่เคอะเขิน
แต่ที่ร่ายยาวมา สิ่งสำคัญที่สุดนั้น คือการผลิตไอเสียจากเครื่องยนต์เป็น 0 เพราะรถยนต์คันนี้ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีเพียวๆ ไม่มีน้ำมันมาผสมแต่อย่างใด
การเช่ารถบัสรักษ์โลกคือการดำเนินการล่าสุดของสโมสรอย่าง ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส ที่ต้องการผลักดันนโยบายความยั่งยืนแห่งอนาคต
สนามนิว ลอว์น กราวน์ ของพวกเขาใช้พลังงานทดแทนทุกส่วนเต็มรูปแบบ ขณะที่บรรดานักฟุตบอลนั้น ลงเล่นในสนามหญ้าออร์แกนิก ซึ่งไม่ได้ใช้ยาฆ่าหญ้า ส่วนในแง่ของระบบฉีดน้ำนั้น พวกเขาพึ่งพาการใช้น้ำฝนที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่แทนที่น้ำประปาเป็นหลัก
ร็อบ เอ็ดเวิร์ดส์ หัวหน้าโค้ชก็เป็นตัวอย่างที่ดีด้วยการขับรถยนต์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับ เฮนรี สแตเลนส์ ประธานบริหาร ขณะที่ทีมนั้นใส่เสื้อแข่งที่ทำมาจากส่วนผสมของกากกาแฟ
แฟนบอลที่นี่ก็ไม่น้อยหน้าเมื่อรับประทานเมนูอาหารมังสวิรัสในวันที่มีเกมการแข่งขัน และต่อจากนี้ก็มีแผนการย้ายสนามไปยัง อีโค่ พาร์ค สเตเดี้ยมที่จะถูกก่อสร้างจากไม้ทั้งหมดอีกต่างหาก
"การทำงานของเราโฟกัสไปยังสิ่งสำคัญ 3 อย่าง คือพลังงาน, การขนส่ง และอาหาร" ท่านประธานวินซ์ กล่าว
"นับตั้งแต่ที่ผมเริ่มเข้ามายังสโมสรเมื่อปี 2010 ผมอยากได้รถบัสไฟฟ้าเพื่อทีม เพราะเรื่องของการขนส่งคือหนึ่งในสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ แต่เราก็ยังไม่สามารถทำได้จนถึงเวลานี้"
"เราเฝ้ารอรถบัสไฟฟ้ามาเกิดในโลกมาอย่างยาวนาน และตอนนี้รถยนต์เหล่านี้มาอยู่ตรงนี้แล้ว"
"เรากำลังหวังว่าจะได้รถบัสไฟฟ้ามาเป็นของสโมสรสักคันหนึ่งในฤดูกาลข้างหน้า เราจะดูกันว่าเราจะสามารถใช้รถยนต์นี้ได้กี่เกมกัน"
"แต่มันโคตรจะสำคัญเลยนะที่เราใช้การขนส่งด้วยไฟฟ้า เพื่อลดไอเสียและทดแทนพลังงานฟอสซิลที่ใช้แล้วหมดไฟ"
นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในฟุตบอลลีก เมื่อปี 2017 ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในการกลายเป็นทีมขาประจำในลีก
"เราพัฒนาอย่างมั่นคงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราตั้งเป้าว่าจะทำให้ได้ มากกว่าการมาแล้วก็หายไปในพริบตา หวังว่าเราสามารถทำแบบเดียวกันนั้นได้แล้วในตอนนี้"
สนามอีโค่ พาร์ค แห่งใหม่ของสโมสรนั้น เป็นโปรเจ็คต์ที่มีความใหญ่โตกว่าสนามนิว ลอว์นกว่า 2 เท่า หรือสามารถจุดผู้ชมที่เข้ามาให้กำลังใจนักเตะได้มากถึง 12,000 คน
วินซ์ เผยต่อไปว่า เขาวางแผนว่าจะสามารถใช้งานสนามใหม่แห่งนี้ได้ภายในอีก 3-4 ฤดูกาลข้างหน้า ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นเวลาที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้มากที่สุด
"จริงๆแล้ว แผนการคือมีสนามไว้พร้อมใช้ก่อนที่เราต้องการมัน"
"เราสามารถอยู่ตรงไหนก็ได้ และอยู่รอดในลีก วัน ก็โอเค มันจะค่อนข้างตึงแต่เราก็จัดการได้นะ"
"แต่ก่อนหน้าที่เราจะก้าวขึ้นไปถึงแชมเปี้ยนชิพ เราจำเป็นจริงๆที่ต้องมีสนามแห่งใหม่"
ต้องรอดูกันต่อไปว่า สโมสรรักษ์โลกทีมนี้ ที่สร้างความฮือฮาด้วยนวัตกรรมต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา จะดำเนินแผนการก่อร่างสร้างสโมสรไปได้ตามที่พวกเขาวางแผนเอาไว้หรือไม่
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- สหประชาชาติยกย่อง ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส เป็นสโมสรฟุตบอลแห่งแรกในโลกที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือกล่าวคือ การที่ปริมาณการปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับกลับคืน ซึ่งเป็นแนวทางเริ่มต้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือหมายความว่า การมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีความสมดุล ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดโลกร้อนขอสภาวะเรือนกระจก
- เมื่อเดือนกันยายน 2020 เฮคตอร์ เบเญริน แบ็คสแปนิชของอาร์เซน่อล ที่ตอนนี้ย้ายกลับบ้านไปอยู่กับเรอัล เบติส ชั่วคราว คือผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของสโมสร
- เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2021 ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส ประกาศทำสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับ Fully Charged ช่องยูทูปพลังงานสะอาด และรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนเปลี่ยนชื่อสนามแข่งของตัวเองเป็น เดอะ ฟูลลี่ ชาร์จด นิว ลอว์น
- แต่ดั้งแต่เดิมสโมสรมีตราสัญลักษณ์คล้ายกับบาร์เซโลน่า และสวมเสื้อเหย้าสีขาว-ดำ มานานหลายต่อหลายปี ก่อนเมื่อปี 2011 สโมสรจะขอคำปรึกษาแฟนๆ ก่อนเปลี่ยนตราสัญลักษณ์แบบใหม่ที่ใช้จนถึงปัจจุบัน และในปีต่อมาพวกเขาก็เปลี่ยนสีเสื้อแข่งเดิมเป็นสีเขียวมะนาว ถุงเท้าสีดำ ซึ่งในตอนนั้นก็ถูกแฟนบอลจำนวนหนึ่งต่อต้านเช่นกัน ก่อนพัฒนามาเป็นสีเขียวมะนาวและลายสีดำในปัจจุบัน
- ด้าน เดล วินซ์ เจ้าของทีมนั้นเป็นนักธุรกิจพลังงานสีเขียววัย 60 ปี โดยเขาสร้างฟาร์มกังหันลมของตัวเองขึ้นครั้งแรกในปี 1991 ก่อนก่อตั้งบริษัทพลังงานทดแทนเมื่อปี 1996
แก้ไขล่าสุดโดย ZONG'TEEN เมื่อ Sat Apr 30, 2022 12:52, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ