ในเกมฟุตบอลบางครั้งเมื่อแผนและแท็คติกส์ที่วางไว้มันเอาชนะฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ สิ่งที่ไม่สามารถควบคุมอย่างโชคและดวงอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เรานึกถึง

ของขวัญ,เงินก้นถุงหรือแล้วแต่สะดวกเรียก แต่ที่ ลิเวอร์พูล ได้มามันพิเศษใส่ไข่ยิ่งกว่านั้นเพราะ 2 ประตูที่ได้เกิดขึ้นภายใน 2 นาทีซึ่งเป็นช่วงที่นักเตะ บีญาร์เรอัล กำลังจิตหลุดจากลูก OG. ถ้าพ้นจากช่วงเวลานี้ไปแล้วผมเชื่อว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติแน่นอน

การปิดจ็อบครึ่งทางด้วยชัยชนะ 2-0 หากมอง “เรือดำน้ำ” เป็นบอลเกมรุกที่ไม่มีอะไรเลยและ “หงส์แดง” แอบยิงทิ้งยิงขว้างช่วงท้ายๆก็ต้องบอกว่าสกอร์ “น้อยไป” คล้ายๆกินข้าวไม่ค่อยอยู่ท้อง อะไรประมาณนั้น

แต่หากวันนี้ไม่มีโชคและพูดถึงเรื่องวินัยเกมรับของทีมเยือน การตุนก่อน 2 ลูกเป็นสกอร์ที่ถือว่ากำลัง “สวย” สำหรับการเจอกับ บีญาร์เรอัล

หรือเติมไปอีกนิดเป็น “สวยโคตรๆ” เมื่อมองไปถึงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ที่ยิงได้แค่ลูกเดียวจาก 2 นัดก่อนตกรอบแบบพลิกล็อก (พี่เสือโอกาสรวม 2 นัด 45 ส่วน บีญาร์เรอัล แค่ 16)

หรืออาจลองไปถามแฟน ยูเวนตุส ที่เจอทีเด็ดเกมรับของ บีญาร์เรอัล ก่อนแพ้คาบ้าน 3-0 คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชนะทีมๆนี้ได้ก็บุญหัวแล้ว

แม้ ลิเวอร์พูล จะเพรสและกดใส่ บีญาร์เรอัล ที่เกมรุกดูว่างเปล่าตลอดครึ่งแรกแต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าจะมีประตูหากยังทำแบบเดิมในครึ่งหลัง

คงต้องยอมรับว่าลูก 1-0 ที่มีโชคผสมดันมาเร็วตั้งแต่ต้นครึ่งหลังทำให้ความลนลานบุกแบบไร้สติมันไม่จำเป็นต้องงัดมาใช้ช่วงท้ายเกม

ผมมองว่า “เรือดำน้ำ” เป็นความท้าทายของทุกทีมที่โคจรมาเจอ คือทุกๆคนรู้ว่าพวกเขาจะมาเล่นอย่างไรเพราะ อูไน แกชัดเจนเรื่องนี้ไม่มีเขินอายอยู่แล้ว

ระเบียบวินัยเกมรับไม่ใช่แค่ไปยืนเรียงกัน 2-3 ชั้นหน้าเขตโทษแล้วเล่นแรงหรือแกล้งนอนเจ็บแบบไร้ class ด้วยนะครับ

ทางบอลของแต่ละคนเหมือนถูกฝังชิพ ใครจะกระชากหน้าด้านๆในพื้นที่แออัดเลิกคิดไปได้

จริงๆงานของ “หงส์แดง” ควรง่ายตั้งแต่ครึ่งแรกหาก มาเน่ ไม่จับบอลห่างตัวในกรอบ 6 หลาและไม่โหม่งเรดาร์พังหลัง โม ซาลาห์ หยอดมาให้อย่างสวย

นั่นเป็นจังหวะจังๆต่อหน้าต่อตา เกโรนิโม่ รูญี่ ผู้รักษาประตูทีมเยือนนอกนั้นจะมาจากการยิงไกลของ หลุยส์ ดิอาซ และ ธิอาโก้ ที่เป็นสิ่งที่ทีมเยือนบีบให้ ลิเวอร์พูล ทำได้แค่นั้น

เรื่องน่าขนลุกที่ต้องยอมซูฮกให้ บีญาร์เรอัล คือ 6 นัดเกมเยือนใน UCL ซีซั่นนี้ไม่เคยเสียประตูในครึ่งแรกแม้แต่ลูกเดียว

ประตู 1-0 ของกัปตันเฮนโด้ อาจจะมีเรื่องโชคมาช่วยด้วยแต่การ build up ก่อนหน้านั้น ผมยกให้ ธิอาโก้ คนเดียวเลยครับ

ถ้าไม่ใช่แก จังหวะการเล่นจะไม่มีทางไปถึงการสร้างโอกาสที่หน้าประตูแน่นอน การใช้ “ท่าไม้ตาย” เหมือนจะไปอีกทางแต่ม้วนหนีหายทำให้ เอเตียนน์ กาปู ที่กำลังวิ่งมาตามเก็บโดนกระชากหายทันที

ความได้เปรียบหลังจากนั้นคือ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนจากต้องหันหลังเล่นบอลกลายเป็นหันหน้าเรียงเป็นหน้ากระดาน 4 จังหวะก่อนลงท้ายด้วยการครอสแฉลบ แพร์วิส เอสตูปิญาน นั่นละฮะ

ฟอร์มสุดติ่งของ ธิอาโก้ ในช่วงหลังที่ผ่านมามีส่วนสำคัญเหลือเกินกับช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น เป็นอีกจุดเปลี่ยนเล็กๆในสถานการณ์ที่เล่นยากขึ้นทุกนัด (กรอบ/กดดัน)

ในขณะที่อีกมุม ซาลาห์ เริ่มฉายแสงในเรื่องของการสร้างโอกาสให้เพื่อนๆโดยเฉพาะ มาเน่ ที่เหมือนตอนนี้ประสานงานกันดีขึ้นอย่างชัดเจน

หลังผ่านไป 2 วันกับผลการแข่งขัน UCL รอบรองชนะเลิศทั้ง 2 เกม คุณเห็นอะไรแปลกๆไหมครับ

เหตุการณ์เดจาวูในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเหมือนจะวนกลับมาแบบเดียวก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะเจอ แมนฯซิตี้ ในศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศที่ เวมบลีย์

ผมกำลังจะบอกว่า “เรือใบ” ไม่ใช่แค่มี "การบ้าน" ในเกมเยือน เรอัล มาดริด แต่เป็นระดับ "วิทยานิพนธ์" หลังเอาชนะไม่ขาดทำให้ เป๊ป ต้องจัด line up ฟูลอย่างเดียวพร้อมกับความเดือดในเกมอย่างไม่ต้องสงสัย

ในขณะที่ “หงส์แดง” เล่นแบบพับสนามจึงใช้ physical ไม่ค่อยสิ้นเปลืองเท่าไหร่แต่จะมีปัญหาเดียวตรงที่ดันเจอ นิวคาสเซิ่ล เร็วไปนิดตั้งแต่เที่ยงครึ่งของวันเสาร์ (ตามเวลาที่อังกฤษ)

แต่ตอนนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถวางแท็คติกส์ในการเยือน บีญาร์เรอัล ได้ง่ายกว่าเดิมเยอะโดยเฉพาะการโรเตชั่นที่สามารถยืดหยุ่นได้จากสกอร์ที่ไม่ตึงเท่าไหร่

ตรงกันข้ามกับ “เรือดำน้ำ” ที่เกมรุกไม่ได้ aggressive แต่สถานการณ์ดันบีบให้ต้องเป็นฝ่าย “ริเริ่มบุก” ก่อนอาจฝืนธรรมชาติของตัวเอง

จุดที่ว่านี้เป็นไฮท์ไลท์ที่น่าติดตามมากๆครับเพราะอย่าลืมว่า 2 รอบก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยแพ้ในเลกแรกมาก่อนเลย

ซิตี้ จะจ่ายค่าเสียหายหนักถึงขั้นไหนและ ลิเวอร์พูล จะได้ประโยชน์จากการเจอ บีญาร์เรอัล แค่ UCL รายการเดียวหรือมากกว่านั้น อีกเดือนเดียวรู้เรื่องครับ...

สถิติ สถิติ สถิติ

3 เกมหลังสุดที่แอนฟิลด์นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้ว ลิเวอร์พูล ยิงรวมกัน 8-0 พร้อมกับผ่านบอลมากกว่าฝ่ายตรงข้ามถึง 1,622 ครั้งรวมถึงสัมผัสบอลในเขตโทษมากกว่าคู่แข่งอีก 93 หน

เยอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมเอาชนะในบ้านรอบรองชนะเลิศ UCL 4 นัด 100% จนติดอันดับร่วมกับ มาร์เชลโล่ ลิปปี้ และ อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ (4 เท่ากัน)

ลูกที่ โม ซาลาห์ ใส่พานทองให้ ซาดิโอ มาเน่ เป็นแอสซิสต์ที่ 7 ที่ทั้งคู่ทำร่วมกันใน UCL ถือครองสถิติร่วมกับตัวแทนอังกฤษทีมอื่นๆ (เวย์น รูนีย์/ไรอัน กิกส์), (ซาลาห์/โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่)

“หงส์แดง” ชนะ 9 เกมใน UCL ฤดูกาลนี้ เป็นทีมใน อังกฤษ ที่กอบโกยชัยชนะได้มากที่สุดในซีซั่นเดียว (ไม่นับรอบคัดเลือก)

ซาดิโอ มาเน่ ยิงประตูที่ 14 ใน UCL รอบน็อกเอาท์ ทำสถิติดาวซัลโวสูงสุดชาว แอฟริกัน เทียบเท่า ดิดิเยร์ ดร็อกบา

ประตู 1-0 และลูกยิงของ มาเน่ ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 133 วินาทีเท่านั้น

บีญาร์เรอัล ได้โอกาสยิงหนเดียวในเกมนี้ นับเป็นตัวเลขน้อยที่สุด (ยิง 1 เข้ากรอบ 0) ในรอบรองชนะเลิศนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติในซีซั่น 2003-04 ซึ่งสถิติเท่ากับ อินเตอร์ เจอ บาร์เซโลน่า ในปี 2009-01 (ยิง 1 เข้ากรอบ 0)

เป็นเช่นนั้นแล

4 แชมป์กำลังมา
เอาหน่อยวุ้ยยย

อลิซอนได้ลงมั้ยครับ..
ไม่ค่อยได้ยินคนพากษ์ๆถึงเลย

เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้อง เฮง ด้วยครับ

ได้ยินเรื่อง 4 แช้ม ตลอดช่วงหลังๆ กับที่คิดว่า ไม่น่าเป็นไปได้
ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่า
เห้ย จะเป็นจริงเหรอวะเนี่ย

แอบหวังเล็กๆ รีล จะสร้างปัญหาการโรเตชั่นให้เรือ
แล้วจะส่งผลมากับฟอมในลีคบ้าง

นั่งตบยุงครับเกมส์นี้

เอาจริง ๆ ไม่คาดหวังถึง 4 แชมป์หรอกนะ
แต่ภูมิใจกับผลงาน และพัฒนาการของทีมเป็นอย่างมาก

ขอบคุณ เจ้าของสโมสร ขอบคุณ JK ขอบคุณนักเตะ ขอบคุณ Sponsor และที่สำคัญ ขอบคุณ แฟนบอลทั้งตัวจริงและ แฟนบอลชั่วคราว

นัดสองต้องลงสนามโดยคิดว่าเราจะแพ้ไม่ได้ เราเสียเปรียบ เราแย่อยู่ ถึงจะดีในแง่ของโมเม้นตั้มเกม และ attitude

หลังเยือนบียารีลล์ ดันเจอสเปอร์นี่สิ เป็นความกังวลเดียวเลย เจอทีมอื่นก่อนก็ไม่ได้น้อ

ลูกที่ติอาโก้พลิกบอล ผมถึงกับยืนขึ้นเลย

เตะวันอังคาร เจอสเปอร์วันเสาร์ 01:45 ผมว่าเวลาพักเหลือเฟือเลยนะ

แต่สิ่งหนึ่งที่ีผมชื่นชมบียารีล คือ การเล่นเกมส์รับ วางแทคติกเล่นตั้งรับแบบขาวสะอาด
ไม่มีลูกตุกติก ถ่วงเวลา อยู่ในแผนของตัวเอง
ลูกผู้ชายตัวจริง ครับ

ไม่เห็นด้วยกับคำว่า ''แต่สถานการณ์ดันบีบให้ต้องเป็นฝ่าย “ริเริ่มบุก” ก่อนอาจฝืนธรรมชาติของตัวเอง''


ไม่จริงเลย บียาร์รีล คือ บอลเกมส์รุกธรรมชาติโดยแท้เลยนะ เจอมาดริดก็กดมาดริดยับๆ ครองบอลเยอะกว่า สร้างสรรได้มากกว่า แต่มาดริดคมกว่าสวนกลับหายแค่นั้นเลยจริงๆ

เอาจริงๆผมว่า อูไน กลัวลิเวอร์และเกร็งไปหน่อย เลยกลายเป็นเกมส์รุกดับสนิทไปในนัดแรก ถ้าให้เดาคงเพราะกะจะทำแบบนัดบาเยิร์น คือ อุดในแน่นแล้วสวนให้หาย แต่ประเด็นคือ ลิเวอร์ไม่จำเป็นต้องเสียสมดุลรุกเท่ากับที่บาเยิร์นทำในบ้าน เลยนวดจนรอพลาดและปิดจนสวนไม่ได้สนิทไปเลย พอได้ประตูยิงทำให้ทุกอย่างเข้าทางลิเวอร์ไปอีกเลย ซึ่งตรงนี้ผมมองว่ายากมากๆที่บียาร์รีลจะกลับมาได้ เพราะสถานการ์ณไม่เป็นใจแล้ว เช่นกันกับศักยภาพ

แต่.....นัดในบ้านบียาร์รีล ผมว่าน่าดู.. เพราะบียาร์รีลจะกลับมาเล่นแบบธรรมชาติของตัวเองโดย โนสนโนแคร์เรื่องสกอร์หรือเข้ารอบอีกแล้ว เพราะดูแล้ว อูไนและลูกทีมคงทำใจได้หากตกรอบนี้และเเพ้ให้กับยอดทีมอย่างลิเวอร์

คราวนี้พวกเขาแค่เล่นบอลให้สนุก ให้แฟนบอลได้เร้าใจ ได้ฝากความสวยงามไว้ในนัดสุดท้ายที่มีโอกาสได้เจอทีมดีๆแบบนี้ ผมว่ามันแน่นอน บียาร์รีลรุกสนุกสุดๆ

ถ้าลิเวอร์สวนดีๆ คุมได้อยู่ ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าลิเวอร์เสียลูกแรกก่อนเมื่อไหร่ อาจจะ..ลัยได้เลยนะ

ขอให้แฟนลิเวอร์สนุกเร้าใจนะในนัดนี้