ตอนนี้มันมีแปลไทยละ ลองอ่านกันนะครับ แต่ผมคิดว่า มันเป็นหนังสือแนะนำทางการเงินของคนทั่วๆไป (Average person) ที่มันดีมากๆ


1. คนปกติ กับ คนบ้า
ถ้าคนที่ลงทุนอ่านหนังสือของ ปู่บัฟเฟตหน่อย จะเข้าใจคำว่า Mr.Market ที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆ และ นักลงทุนที่ฉลาดจะหาประโยชน์จากความบ้าๆบอๆ ของ Mr.Market

แต่ถ้ามองลงไปลึกๆ เราจะพบว่าทุกๆคนลงทุนด้วยความสมเหตุสมผลอยู่แล้วในความคิดของคนๆนั้น
ใครจะมองว่าคนซื้อ JTS เป็นคนบ้าหรือเปล่าที่ซื้อตอน 2 บาท ผ่านไปปีนึงมา 500

หรือการซื้อรถด้วยเงินสดเท่านั้น แต่คุณอาจจะบอกถ้าดอกเบี้ยมันต่ำขนาดนี้ ทำไมไม่ซื้อด้วยเงินผ่อนล่ะ?
ทั้งผมและคุณไม่ได้ผิด เราแค่แตกต่างกัน

หรือHarry Potter ภาคแรก ถ้าจำกันได้ เราจะเห็นฉากที่ Dumbledore ให้คะแนนพิศวาสบ้าน Gryffindor จนทำให้พลิกจากบ้านคะแนนบ๊วยมาเป็นผู้ชนะ
คนในยุคกลางไม่ได้เป็นบ้า (ถึงแม้จะทำเรื่องบ้าๆ) Dumbledore ก็ไม่ได้ดูเป็นคนบ้าในสายตาของเด็กรุ่นผม แต่ถ้าได้ดูฉากเดียวกัน เด็ก Gen Z ในวันนี้อาจจะสบถ F word ออกมา
คนรุ่นผมไม่ได้บ้า เด็ก Gen Z ไม่ใช่คนบ้า คนยุค Boomer บางคนที่เห็นด้วยกับสว. 250 เสียงก็ไม่ใช่คนบ้า เราแค่แตกต่าง

2. ความสำเร็จกับโชค

มีใครบ้างไม่แสวงหาความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองทำ? มีนักบอลคนไหนไม่อยากได้แชมป์บ้าง มีคนไม่มากที่ตั้งบริษัท startup แล้วไปรอด มีไม่กี่บริษัทที่สามารถสร้างนวัตกรรมในระดับเปลี่ยนโลกได้จริงๆ

** ผมจำได้แค่ว่า ในหนังสือบอกว่า ในอเมริกามี รร ที่มี computer น้อยมากในยุคนั้น และ บังเอิญหรือเปล่าที่ รร. Lakeside School ที่มีการนำคอมเข้ามาใช้ นั้นดันมี Bill Gates ทำให้เราได้ใช้คอมกันทั่วโลกในปัจจุบัน...เพราะการเปลี่ยนแปลงสำคัญมักเกิดขึ้นจากส่วนน้อย (long tail) มันจึงอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะทำนายอนาคตในเรื่องใดๆ ได้อย่างแม่นยำ


3. อิสรภาพกับความสุข

อาจไม่ใช่ทุกคนที่อยากรวย แต่ทุกคนอยากมีความสุข
แต่ละคนมองเรื่องความสุขแตกต่างกัน บางคนอาจเชื่อว่ายิ่งครอบครองมากยิ่งมีความสุข แต่ผมผมคิดว่าความสุขมาจากการมีอิสระ

มีอิสระที่จะไม่ต้องฟังคำสั่งใคร
มีอิสระที่จะไม่ต้องแข่งขันเปรียบเทียบกับใคร
มีอิสระที่จะทำสิ่งที่เราอยากทำ ในเวลาที่เราอยากทำ กับคนที่ใช่
มีอสระที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง
แต่ในโลกที่เวลาเป็นเงินเป็นทอง เรามักจะแลกอิสระในเรื่องหนึ่ง กับอีกเรื่อง

เช่น

คนออฟฟิศยอมแลกอิสระของชีวิตวันจันทร์ถึงศุกร์ เพื่อแลกกับอิสระในวันเสาร์อาทิตย์
คนหนุ่มสาวยอมแลกอิสระในช่วงหนึ่งของชีวิต เพราะหวังจะได้มีอิสระตอนเกษียณ

4. กลับมามองตัวเอง

ผมซึ่งเป็นพนักงาน IT ทั่วๆไป + เป็น investor อาจจะมีบางเรื่องที่ทำได้ดีกว่าคนอื่นบ้าง และ บางเรื่องที่ทำได้ห่วยกว่าคนอื่นเยอะ (เพราะติดดอย ขายหมูเป็นร้อยๆครั้งในระยะเวลา เกือบ 10 ปี)
แต่ถ้ามองไปที่อนาคตระยะยาว ผมเชื่อมั่นว่าความอดทน ความมุ่งมั่น และการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผมประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวังได้


ผมสรุปมาย่อๆเท่าที่คิดได้ ลองไปซื้ออ่านกันนะครับ

se-ed ยังไม่วางขายเหรอครับ

ผมเห็น money coach เค้าถ่ายรูปลงเพจ นึกว่าออกแล้ว

ผมอ่าน Eng ฮ่าๆๆๆ

หนังสือเนื้อหาดีใช่มั๊ยครับ? น้องสาวผมพรีออร์เดอร์มาแล้วไม่มีเวลาอ่าน มายัดให้ผมอ่านแทน แต่ผมดองไว้ไม่อ่านสักกะที แต่ได้ยินแว่วๆมาว่าขายดีมากจนหมดสต๊อกไปแล้ว

อ่านแล้วเหมือนกันครับ ดีงามมากๆ ยกให้เป็นหนังสือเกรด A อีกเล่มเลย
ถูกจริตการลงทุนสุดๆ

ผมชอบบทที่ 3, 5, 7, 13 นะ น่าจะเป็นแก่นของเรื่องนี้ได้เลย

อันนี้ผมก็จดสรุปส่วนตัวไว้

ตอนนี้แปลไทยน่าจะ sold out หาไม่ได้เลยตอนนี้ ทั้ง online offline

จะซื้ออังกิดมาอ่าน ก็สงสารตัวเอง ขนาดภาษาไทยยังดองตั้งหลายเล่ม




ตอนนี้ก็ต้องตามฟังใน podcast หลายๆช่องไปก่อน

เล่มนี้มีแปลไทยแล้วครับ ผมถอยมาแล้วจากงานหนังสือแต่ยังไม่ได้อ่านเลย
ยังห่อพลาสติกอยู่ เห็นหลายๆเพจมารีวิวว่าดีมาก

เจอใน Shopee เปิด Pre-Order อยู่หลายร้าน
ขอบคุณครับ

ผมชอบคนใน SS มารีวิวหนังสือนะ
ได้มาหลายเล่มแล้วเหมือนกัน

ขอบคุณครับ

ผมชอบมาก บางทีก็อยากได้เป็น Average person เนี่ยแหละครับที่โอเค

คือบนโลกนี้ เราสอนให้หาผลตอบแทนแบบ Extreme (สอนๆกันส่วนใหญ่ก็แบบเนี่ย) .... ทั้งๆที่ คนที่ประสบความสำเร็จมากๆนั้น พูดได้เพราะเค้าสำเร็จ แค่นั้นแหละครับ ส่วนคนที่ตายอีกกี่ 100 กี่ 1000 คน ไม่ค่อยได้ออกมาพูดเท่าไร

ก็เหมือนหุ้น นั้นแหละ คนตายพูดไม่ได้ครับ ฮ่าๆๆๆ

ต้องหาลองมาอ่านแล้วหล่ะ

จัดใน shopee มาแล้วเมื่อกี้

โค้ชหนุ่มเชียร์แทบทุกเทปแต่ไม่สนใจเพราะแกบอกเกี่ยวกับพื้นฐานการเงิน สงสัยต้องลองละ

ขอบคุณมากครับ แค่อ่านมู้ท่านก็๋อยากอ่านเลย

ขอบคุณครับ เห็นคนรีวิวเยอะเลย