7 วาทะแก้ตัวสุดเด็ดแห่งวงการลูกหนัง
บรรดานักฟุตบอล ผู้จัดการทีม รวมถึงประธานและเจ้าของสโมสรฟุตบอล ไม่มีใครที่ชื่นชอบความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
แต่หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาต้องประสบกับความพ่ายแพ้ บางคนอาจพยายามมองหาข้อแก้ตัวต่าง ๆ นานา อย่างเช่นว่า อ้างนักเตะคนสำคัญได้รับบาดเจ็บ, โปรแกรมที่แออัดยัดเยียดของทีม หรือไม่ก็พาลไปต่อว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินว่าไม่เป็นใจก็เป็นได้
แต่คนเด่นคนดังที่กำลังจะหยิบยกมาให้แฟน ๆ ได้รับชมกันในวันนี้ มีการยกเหตุผลที่แปลกประหลาดที่สุดที่เราไม่คิดว่าจะได้ยิน เมื่อพวกเขาปราชัย หรือไม่ก็ชนะแบบไม่โดนใจ รวมถึงความล้มเหลวต่าง ๆ ของสโมสรโดยนับรวมแล้วได้ 7 ข้ออ้างที่จะทำให้ทุกคนต้องทึ่งเป็นแน่แท้
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า : บอลมันเบา เอามาได้ไง
ตามปกติแล้ว คุณย่อมร้องรำทำเพลงเมื่อคว้าชัยชนะมาครอง แต่ไม่ใช่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ภายหลังจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดวงจุดโทษเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในศึกคาราบาว คัพ เมื่อปี 2017 กุนซือสแปนิช บ่นเรื่องฟุตบอลที่นักเตะทั้งสองทีมใช้เตะกันในสนาม
"ยอมรับไม่ได้เลย ยอมรับไม่ได้จริงๆ ที่เอาลูกฟุตบอลนั่นมาใช้ในเกมการแข่งขันระดับสูง"
"มันเบาหวิว ล่องลอยไปทั่วสนาม ไม่ใช่ลูกบอลที่ดีแน่ ๆ ไม่มีทางเลยจริง ๆ ที่จะทำประตูได้จากลูกบอลแบบนี้ ผมพูดออกมาแบบนี้เพราะเราชนะ ผมไม่ได้หาข้อแก้ตัวอะไรหรอกนะ"
"ลูกทีมของผมทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่า "อะไรวะนั่น? ผมเสียใจที่คาราบาว คัพ ไม่ใช้ลูกบอลที่จริงจังสำหรับการแข่งขันที่ซีเรียส มันเหมือนการตลาด เพื่อเงิน โอเคแหล่ะ แต่ยอมรับไม่ได้จริง ๆ ลูกบอลไม่มีน้ำหนักเลย ไม่มีเลยจริง ๆ"
หลังจากเกมดังกล่าวและคำให้สัมภาษณ์ของกวาร์ดิโอล่า ฟุตบอลลีกอังกฤษ ต้องออกมาแก้ตัว โดยระบุว่า "ลูกบอลของ Mitre ซึ่งใช้ในการแข่งขันคาราบาว คัพ ฤดูกาลนี้ มีเทคโนโลยีเฉพาะแบบเดียวกับลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขัน สกาย เบต อีเอฟแอล และเช็คาเทรด โทรฟี่ (ฟุตบอลลีก โทรฟี่) ลูกฟุตบอลทั้งหมด ได้รับการทดสอบให้สอดคล้องกับ "โปรแกรมคุณภาพฟุตบอลของฟีฟ่า" และ เป็นไปตามมาตรฐาน "คุณภาพระดับอาชีพของฟีฟ่า"
"ลูกฟุตบอลทั้งหมดถูกใช้ในเกมการแข่งขันอาชีพนั้น ต้องเป็นไปตามมาตรฐานนี้ ชัดเจนว่า มันเป็นประเด็นเรื่องความพึงพอใจมากกว่า แต่โดยรวมแล้ว ความสนุกตื่นเต้นทั้งหลายในเกมรอบ 4 น่าจะบ่งบอกได้ว่าลูกบอลที่ถูกนำมาใช้ ไม่ได้มีผลกระทบทางลบอะไรต่อเกมการแข่งขันเลย"
"เราจะหาทางร่วมมือกับคุณกวาร์ดิโอล่า เพื่อทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อประเด็นข้อห่วงกังวลทั้งหลายเพื่อผลประโยชน์ในการแข่งขันรอบ 5 ต่อไป"
ยาย่า ตูเร่ ที่เป็นคนยิงจุดโทษ ก็บ่นเรื่องนี้เช่นกันว่า "จากใจเลยนะ ผมแม่มไม่ชอบเลย พวกเขาสามารถทำได้ดีกว่านี้ มันเบาหวิว แม้แต่ประเทศของผมยังไม่ใช้ลูกบอลแบบนี้เลย ผมคิดว่าพวกเขาต้องทำให้ดีกว่านี้ เพราะลูกบอลเบาเกินไป มันไร่สาระแต่ก็นะ"
"นักเตะหลายคนบ่นเรื่องนี้ เอฟเอ สามารถลองทำบางสิ่งได้เพราะเราก็แค่ต้องสนุกไปกับมัน มันยากมากที่จะไล่เตะลูกบอลพวกนี้ แต่เราก็จะพยายามหาทางดู"
"ทุกอย่างเลยนั่นแหล่ะ การยิงประตู บอลก็โคตรจะเบา เมื่อคุณจับบอล มันดันลอยขึ้น ไร้สาระมาก แถมตอนนี้ยังฝนตกอีก เลยยากเข้าไปใหญ่"
ด้าน Mitre บริษัทเก่าแก่ของอังกฤษ ที่มีอายุปาเข้าไปกว่า 200 ปี แถลงการณ์ออกมาอธิบายว่า "เรามีความกระตือรือล้นต่อเกมการแข่งขัน และหลงใหลไปกับทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีของลูกฟุตบอล"
"เราทำงานร่วมกับนักฟุตบอลอาชีพ และสโมสรเพื่อพัฒนา และทดสอบลูกฟุตบอลระดับโปรของเรา และมีการทดสอบอิสระจาก EMPA (ห้องปฏิบัติการวัสดุศาตร์และเทคโนโลยีของสมาพันธ์สวิตเซอร์แลนด์)
"เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ลูกฟุตบอลทุกลูกให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงแน่ใจว่า ทีมที่ลงทำการแข่งขันจะได้รับลูกบอลไปก่อนลงสนามเพื่อทำการฝึกซ้อม"
โจเซ่ มูรินโญ่ : สนามมันมืดแถมแฟนก็ไม่เชียร์
เดอะ สเปเชี่ยล วัน จอมผลิตคอนเทนท์ เคยโวยวายใส่ฝ่ายปฏิบัติการควบคุมไฟสนามแข่งขัน รวมถึงแฟนๆ ที่เหมือนมานอนเล่นมากกว่าเชียร์บอล ระหว่างเกมที่ เชลซี พบ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ที่ลอฟตัส โร้ด เมื่อปี 2014
แม้ "สิงห์ไฮโซ" เฉือนชนะ 2-1 แต่โค้ชชาวโปรตุกีส ไม่แฮปปี้อย่างมากกับความสว่างของไฟสนาม แล้วก็บรรดากองเชียร์ทั้งหลายที่เหมือนไม่มีตัวตนให้กำลังใจลูกทีม
"ผมคิดว่าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องไฟสนามมีอารมณ์เดียวกับแฟนบอล เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนสลึมสลือไปเสียหมด"
"ต้องใช้เวลานานกว่า 20 นาที เพื่อทำความเข้าใจว่าสนามมันมืด แต่ผมต้องใช้เวลานานกว่า 30 นาที เพื่อทำความเข้าใจว่า สนามนี้ไม่ได้ว่างเปล่า"
"ตอนที่เราทำประตูได้ นั่นคือตอนที่ผมตระหนักได้ว่า สนามนี้มีกองเชียร์อยู่เต็มเลย"
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน : สีเทามันไม่โดน เราต้องเปลี่ยนสีเสื้อ!!!
ย้อนไปเมื่อปี 1996 เซาธ์แฮมป์ตัน ทำเอาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปไม่เป็นระหว่างเกมพรีเมียร์ลีกในช่วงครึ่งแรก
จบครึ่งด้วยการตามหลังห่างไกล 0-3 พลพรรค "ปีศาจแดง" ลงสนามมาในครึ่งหลังพร้อมสวมเสื้ออีกแบบหนึ่งลงมา
เหตุผลเหรอ? เพราะบรรดาซุปตาร์ของยูไนเต็ด จ่ายบอลให้เพื่อนไม่เจอเพราะใส่เสื้อสีเทา
เฟอร์กี้ ยืนยันเรื่องดังกล่าวภายหลังกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันว่า "นักฟุตบอลไม่ชอบลายสีเทา"
"พวกเขาพบว่าการหากันและกันให้เจอมันยากลำบากมาก ๆ เราต้องเปลี่ยนสีเสื้อ"
ทั้งนี้ ขุนพลของ "ป๋า" เก็บไปได้เพียงแต้มเดียวจากการใส่เสื้อสีเทาลงสนาม 5 เกม และการตัดสินใจเปลี่ยนมาใส่เสื้อลายน้ำเงิน-ขาว ในครั้งนั้นทำให้ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ สั่งปรับยูไนเต็ด 10,000 ปอนด์
แกรี่ เนวิลล์ เคยพูดถึงเบื้องหลังเรื่องนี้เอาไว้ว่า "บอสหยิบมันขึ้นมา เขาเกลียดเสื้อตัวนี้ แต่มันก็มีเรื่องของวิทยาศาสตร์อยู่เบื้องหลังด้วยนิดหน่อยนะ"
"จนถึงทุกวันนี้ผู้คนยังคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก เพราะอย่างนั้น เพราะอย่างนี้ แต่เซอร์อเล็กซ์ จ้างผู้เชี่ยวชาญมาจากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ซึ่งเก่งเรื่องการมองเห็นและวิสัยทัศน์ต่างๆ ชื่อ เกล สตีเวนสัน"
"เธอมาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง คุณทราบดีว่าผู้คนพูดเรื่อง "แมตช์ ฟิตเนส" กันอย่างไรบ้าง หรือว่า "เขา ยังไม่ได้เรียกความเฉียบคมของตัวเองกลับมา" แต่เขาและเธอไม่เคยเชื่อหรอกนะเรื่องของความสามารถทางกายนั้นมันทำอะไรไม่ได้ เรื่องสภาพร่างกายนั้นคุณต้องทำงานหนักเพื่อกลับมาจากอาการบาดเจ็บ คุณพยายามทำเต็มที่ แล้วสภาพร่างกายยังไงก็จะกลับมาฟิตแน่ๆ"
"เรื่องความเฉียบคมเป็นเรื่องของการเตรียมพร้อม และวิสัยทัศน์ มันเป็นเรื่องที่คุณจะหาเพื่อนร่วมทีมของคุณเจอได้เร็วแค่ไหน ดังนั้นเมื่อบอลมาถึง แล้วคุณกำลังเล่นได้ดี คุณก็รู้ว่าจะจ่ายบอลไปทางไหนก่อนหน้าที่จะเริ่มคิดเสียอีก มันไม่ใช่ความผิดทางร่างกาย มันเป็นเรื่องของการรับรู้"
"เธอเอากิจกรรมเรื่องสายตา และความตื่นตัวเข้ามาฝึกเยอะเลย เรื่องของกล้ามเนื้อตา เธอบอกว่าคุณจะหยุดใช้กล้ามเนื้อสายตาเมื่อมีอาการบาดเจ็บ ในแง่ของฟุตบอลนั้นคุณคงไม่ได้มองไปรอบตัวตลอดเวลา คุณคงไม่มี "ภาพ" อยู่ในหัวเสมอเมื่อได้รับลูกบอลมา"
เธอพูดกับเซอร์อเล็กซ์ ว่านี่คือรายละเอียดที่เขาควรมอง "ลองจินตนาการดูสิว่าคุณมีกองเชียร์พวกนี้อยู่ข้างหลัง มันจะมีสีบางสีที่คุณเห็นก่อนสีอื่น สีที่โดดเด่นออกมามากกว่าสีอื่น"
"เหตุผลที่ผู้คนใส่เสื้อสีเหลืองบนมอเตอร์เวย์ คือให้คนอื่นเห็นพวกเขา คนทั่วไปไม่ใส่เสื้อสีเทาบนมอเตอร์เวย์!"
"เธอบอกกับเขาว่า "นี่มันไม่ใช่นะคะ นักฟุตบอลจะหาเสื้อตัวนี้ไม่เจอได้เร็วเท่ากับเสื้อสีอื่นท่ามกลางบรรยากาศของกองเชียร์ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นนานหลายเดือน เขาเคยปฏิเสธการใส่เสื้อตัวนี้มาก่อนหน้านี้นานหลายเดือนแล้ว เขาไม่เอาเลยแหล่ะ"
"จากนั้น ผู้เชี่ยวชาญเรื่องวิสัยทัศน์ ก็มาทำงานกับโรงงานผลิตเสื้อของเราเพื่อดูว่าเสื้อของเราสีไหนจะโดดเด่นมากที่สุด เรื่องนี้มันค่อนข้างมีวิทยาศาสตร์อยู่เบื้องหลังมากกว่า "เจ้านายไม่ชอบเสื้อตัวนี้ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงแพ้"
อลัน พาร์ดิว : เราแพ้เพราะน็อตติ้งฮิลล์ คาร์นิวาล
ตอนที่ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ของอลัน พาร์ดิว แพ้ เชลซี 0-2 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อปี 2012 มันโดนโบ้ยว่าเป็นความผิดของเทศกาลคาร์นิวาลของน็อตติ้ง ฮิลล์
พาร์ดิว บอกว่า "วันนี้มันค่อนข้างไม่ยุติธรรมกับเราเลย เราไม่สามารถย้ายเกมไปเตะวันอาทิตย์ได้เพราะน็อตติ้ลฮิลล์ คาร์นิวาล"
ทั้งนี้ น็อตติ้งฮิลล์ คาร์นิวัล เป็นเทศกาลประจำปีของชาวแคริบเบี้ยนที่จัดขึ้นในถนนแถบน็อตติ้ง ฮิลล์ เคนชิงตัน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยจะกันในช่วงเดือน ส.ค. (วันหยุดธนาคารซึ่งเป็นวันจันทร์ และวันอาทิตย์ก่อนหน้านั้น รวม 2 วัน
ไม่เท่านั้น กุนซือคนดัง ยังเคยโทษอีกว่าหญ้าของสนามนั้นยาวเกินไประหว่างการลงสนามพบ กลาสโกว เรนเจอร์ส ช่วงปรีซีซั่น
ขณะที่ เขาเคยบ่นเรื่องการซื้อขายนักเตะตอนซัมเมอร์ที่แสนเงียบฉี่ว่าเป็นเพราะ โอลิมปิก เกมส์ ทำให้ดึงดูดความสนใจไปจนหมด
โมฮาเหม็ด อัล ฟาเยด : ย้ายรูปปั้น ร่วงไปดิ
อดีตเจ้าของทีมฟูแล่ม เป็นเพื่อนซี้ของไมเคิ่ล แจ็คสัน ตำนานซุปตาร์เพลงป๊อปผู้ล่วงลับ
เขาชื่นชอบ คิง ออฟ ป๊อป เป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งแจ็คสัน ก็เคยมาละเลงเงินมากมายในห้างแฮร์ร็อดส์ของมหาเศรษฐีอียิปต์ ทั้งคู่สนิทสนามกันจนถึงขนาดเอารูปปั้นของป๊อปสตาร์มาตั้งไว้หน้าสนามคราเวน ค็อตเทจ
อย่างไรก็ดี ตอนที่ขายสโมสรให้ ชาฮิด ข่าน เมื่อปี 2013 เจ้าสัวเชื้อสายปากีสถาน กลับเอารูปปั้นอันโด่งดังย้ายออกจากสนามไป ซึ่งเวลาต่อมา สโมสรก็ตกชั้นไปในท้ายที่สุด
อัล ฟาเยด บ่นพึมพำตอนเปิดตัวรูปปั้นที่พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติในแมนเชสเตอร์ว่า "รูปปั้นนี้มีของ เราเอาโชคดีออกจากสโมสรไป ตอนนี้เราต้องรับกรรม"
"ตอนที่ข่าน ขอให้ผมย้ายรูปปั้นออกไป ผมบอกว่า "เอ็งบ้าเรอะ" นี่คือรูปปั้นที่แสนวิเศษ ซึ่งแฟน ๆ ต้องร้องหาแน่ ๆ แต่ตอนนี้เขาต้องรับกรรมเพราะสโมสรตกชั้นไปเรียบร้อย"
"เขาโทรมาหาผมเพราะอยากได้รูปปั้นไมเคิ่ลคืนไป ผมบอกเขาไปว่า "ไม่มีทางโว้ย!!!"
แบร์รี่ ฟราย : แพ้เยอะนักเยี่ยวใส่แม่ม
แม้เป็นคนที่ยิ้มแย้มเสมอ แต่เราก็ไม่เคยคิดว่า แบร์รี่ ฟราย เป็นพวกสายมู หรือเชื่อในเรื่องของเวทมนต์ของขลังอะไร
แต่เพื่อหยุดยั้งการปราชัยแบบลากยาวสมัยคุมเบอร์มิงแฮม ซิตี้ เมื่อปี 1994 ผู้จัดการทีมที่หาคนเข้าใจยาก ตัดสินใจแก้อาถรรพ์รดหญ้าในสนาม...ด้วยเยี่ยวของตัวเอง
"เราไม่ชนะใครมานาน 3 เดือน...เราพยายามแล้วพยายามเล่า ผมก็เลยเยี่ยวใส่ทั้ง 4 มุมแม่มเลย หากมันยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกระยะ ผมคงเดินเยี่ยวไปทั่วสนามแน่ๆ"
"มันได้ผลหรือเปล่า? เอาล่ะ เราเริ่มที่จะชนะบ้างแล้ว ผมคิดว่ามันได้ผล แต่จากนั้นพวกเขาแม่มดันไล่ผมออกเฉย บางทีมันอาจไม่ได้ผลก็ได้นะ"
วลาดิสลาฟ วาสชุค : กบร้องทั้งคืนนอนไม่หลับเลยจ้า
สเปน เป็นโคตรทีมตอนเตะฟุตบอลโลกปี 2006 แล้วก็เคยไล่ถล่มยูเครน แพ้ยับเละเทะ 4-0 ระหว่างการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม
แต่วาสชุค กองหลังของยูเครน มีข้อแก้ตัวที่น่าอัศจรรย์ใจให้กับความปราชัยของทีมในครั้งนั้น
ต้นเหตุของความพ่ายแพ้มาจากเสียงรบกวนของสัตว์ป่ารอบ ๆ โรงแรมของพวกเขา ทำให้นอนไม่หลับกันไปทั้งคืนก่อนหน้าที่จะลงสนามแข่งขัน
"เพราะกบมันร้องเสียงดัง ทำให้เราแทบนอนไม่หลับกันเลย" วาสชุค กล่าวหลังจากจบเกม
"เราทุกคนเห็นด้วยว่าเราควรไปหาหนังสติ๊กเพื่อออกไปล่าพวกกบนั่นกัน"
แก้ไขล่าสุดโดย ZONG'TEEN เมื่อ Fri Apr 15, 2022 22:26, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
My Locker