สมัยผมบวชเป็นพระก็คิดว่าหนักพอสมควรนะครับ

เดินออกไปรับตั้งแต่เช้ามืด หนักไม่หนักอยุ่ที่ว่ามีชาวบ้านใส่มาเยอะไหม

นอกจากหนัก บางทีก็ร้อนด้วย ข้าวสวยกับแกง

บาปมีจริงไหม คงมีแต่คนตายเท่านั้นที่ตอบได้ ยังไงก็ไม่ได้คำตอบจริงๆหรอกครับ

แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการสรุปว่าไม่มีจริงเพียงเพราะมันดูไร้สาระ ทั้งทีก็ไม่มีหลักฐานว่ามีจริง หรือไม่มีจริง

ลองนึกย้อนไปยุคหิน ถ้าเราตื่นมาออกมาล่าสัตว์แล้วเจอวัตถุอะไรไม่รู้สี่เหลี่ยมๆเคลื่อนที่เร็วเหมือนม้า เราคงคิดว่าเป็นพระเจ้า ทั้งทีมันคือรถ

เรื่องพวกนี้ก็เหมือนกันแหละครับ ส่วนตัวก็ไม่รู้มีจริงไหม แต่ถ้ามี มันก็คือวิทยาศาสตร์​ที่เร​ายังไปไม่ถึง

จริงๆแล้วหากลูกหนี้ตายไป ถ้าหนี้นั้นเป็นหนี้ส่วนตัว คนอื่นก็ไม่ต้องมาชำระนะครับ

ิอย่าหาถามเรื่องความเชื่อใน SS เลยครับ
ขนาดเรื่องผี ยังแอนตี้กันบาน (ก็คนไม่เคยเจอ ก็คงไม่เชื่อ)

เรื่องนี้คงไม่ต้องถกเยอะ บาปจะรู้ตอนได้รับ แล้วจะได้รับมั้ย ก็ไม่รู้อีก 5555

ไม่บาปมั้งครับ ถ้าตายแล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อน จ่ายค่าทำศพล่วงหน้า ไม่มีใครเป็นห่วงในโลกนี้

ฆ่าอะไร ก็คือผิดศีลข้อ 1 ทั้งนั้นครับ ชีวิตตัวเองก็เช่นกันครับ

ความตายเป็นเรื่องของคนเป็นครับ

มันคือกฏที่คนคิดมาเอง ทุกอย่างมันไม่ได้บรรยัติไตรยางค์ได้หมด เหมือนกรรไกรชนะกระดาษ กระดาษชนะค้อน แล้วค้อนจะแพ้กรรไกรใช่ไหมก็ไม่ ทำเรื่องเดียวกันต่างแค่ใครทำ ยัง อีกคนบาปอีกคนไม่บาปเลย

ต้องคิดว่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่มีโอกาสทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นนะ

แต่ถ้าตายแล้วจะมีโอกาสอีกมั้ยก็ไม่รู้เลย

สำหรับผมเชื่อในธรรมชาติ ไม่ได้เชื่อในศาสนา เพราะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น การเวียนว่ายตายเกิด ที่บอกว่าต้องทำบุญถึงได้กลับมาเกิดเป็นคน การเกิดเป็นคนยากถ้าทำไม่ดีอาจเกิดเป็นสัตว์ได้ ปรากฏว่าทุกวันนี้คนเพิ่มขึ้นๆ สัตว์น้อยลงๆ เพราะสิ่งที่คนทำทำให้สัตว์หายไป มันทำให้รู้สึกว่า เหตุผลมันไม่ไปด้วยกัน

หรือการเกิด ทำไมต้องมีกรอบอยู่แค่โลก ไม่ไปเกิดดาวดวงอื่น เพราะอะไร เพราะมนุษย์เป็นคนสร้างเรื่องเล่า สร้างความเชื่อกันมาทั้งหมด มันเลยไม่มีทำบุญมากๆ จะเกิดเป็นมนุษย์ต่างดาวในดาวที่เจริญๆ

แต่ศาสนา และความเชื่อตั้งแต่อดีตก็มีส่วนสำคัญในการทำให้สังคม ยึดถือความดี ไม่มีปัญหากัน เป็นเหมือนกฎของสังคมอย่างหนึ่ง ครับ

ทำอะไรก็ตามแล้วให้ใจเป็นสุข ไม่ทุกข์ใจภายหลัง เรียกว่า กุศล เป็นผลของบุญ
ทำอะไรก็ตามแม้จะมีความสุขเมื่อทำแต่ทุกข์ใจภายหลัง เรียกว่าอกุศล เป็นผลของบาป

จะฆ่าตัวตาย ถ้าความเป็นจริงตัวที่รับรู้ว่าเป็นเราเป็นเขา จบสิ้นแค่หลังหมดลมหายใจก็อย่าได้สนใจผลของบาปเลย

แต่ถ้าไตร่ตรองมาดีแล้วว่าตายแล้วไม่สูญ สิ่งต่างๆตั้งแต่แก่นของความคิดเราเป็นศูนย์กลาง ขยายออกมาจากร่างกาย ไปยังสุดขอบของจักรวาล
มันมีเหตุและปัจจัยให้เป็นไป การฆ่าตัวตายด้วยความคิดนี้ ย่อมไม่ใช่จุดจบของตัวที่รู้เช่นจิตที่คอยหาที่พักพิงตลอดเวลา แม้ในยามยึดกายนี้เป็นบ้านก็ยังเที่ยวแสวงหาที่พักใจ ถ้ากายแตกจิตใจนี้แหละก็จะหาที่พักพิงใหม่

จะฝักใฝ่ฝ่ายไหนก็ตาม ตัวรู้เรารู้ดี ว่าเราทุกข์ใจหรือสุขใจ ที่ได้กระทำลงไป จะจากกายสังขารนี้ด้วยความทุกข์หรือสุขด้วยวิธีการใดก็ตาม แค่เพียงวางใจให้ถูก หากว่าเราเดิมพันพลาดก็จะได้ไม่เสียใจภายหลัง

คิดว่าเหมือน gamefaqs คับ โลกหลังความตายคือ what if ไม่มีก็ xoxo ไม่ได้ไม่เสีย ถ้าขึ้นมาแล้ว run ต่อแบบ loop นรก ก็บันเทิงสิคับ
บาป บุญ ไม่ใช่เรื่องใครคิดใครกำหนด แต่ผมว่ามันรู้ด้วย common sense มนุษย์อ่ะ น่าทำการทดลองเรื่องนี้ แบบเรื่องเมาคลีลูกหมาป่า ถ้ามนุษย์ไปอยู่กับสัตว์ โดนเลี้ยงดูจากสัตว์เพียวๆ ไม่เจอคน ไม่ได้รับการปลูกฝัง concept เรื่องต่างๆเลย เมาคลีคงไม่รู้เรื่องบาปบุญก็ได้ แต่สัตว์พิเศษอย่างนึง มันน่าจะมีอารมณ์เรื่องเศร้าโศก เสียใจ ดีใจ เจ็บปวด ยิ่งโดยเฉพาะสัตว์ชั้นสูงพวก mammal concept เรื่องบาปบุญคงทอนให้อยู่ในเรื่องง่ายๆได้ บาป = ความทุกข์ บุญ = ความรู้สึกสุข หรือจริงๆแล้ว บาป บุญ อาจเปนเรื่องที่คิดขึ้นมาเองของมนุษย์ก็ได้ 555
ฆ่าตัวตาย บาปไม่บาป คงบาปแหละถ้าทำแล้วมานึกเสียใจทีหลัง แบบ what if เฮ้ย เราฆ่าตัวตายไปนี่ แต่มันมี conciousness เกิดขึ้นต่อ ได้ไง??? ก็มาทุกข์ต่อ ต้องมาทำ loopเดิมซ้ำ ไม่น่าฆ่าตัวตายเลย ยังไงตอนคิดฆ่าตัวตาย มันก็เวลาชั่วพริบตาอ่ะ

ไม่บาปหรอกครับ การตายคือการดับทุกข์นั่นแหละ ตายก็จบสมองไม่รับรู้จบ

คนสมัยก่อนผูก perception เข้ากับเรื่องวิญญาณ แล้วตั้งกุศโลบายเพื่อปกครองคนแบบง่ายๆ ขึ้นมา
1. นรกไม่มีจริง ถ้าบอกให้เชื่อ แล้วอ้างว่าก็มันพิสูจน์ไม่ได้ อาจจะมีจริงก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ณ ตอนนี้ที่คุณรับรู้ได้คือมันไม่มีอย่างแน่นอน
2. ชาติหน้า ชาตินี้อะไรไม่ได้มีจริง พันปีก่อน ประชากร มีแค่ร้อยล้านคน ตอนนี้มีจะหมื่นล้าน วิญญาณมัน reuse หรือออกลูกหลานวิญญาณได้ไหมละ แล้วอนาคตคนน้อยลง ตายหมดโลก วิญญาญจะต้องเข้าคิวรอมาเกิดหรอ
3. เมื่อสมองเราหยุดทำงาน ความคิดก็หยุด การรับรู้ก็หยุด คุณจะไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วครับ

ผมเคยผ่านจุดเกือบตาย + จิตใจตกต่ำถึงขั้นฆ่าตัวตายมาก่อน

คนที่คิดจะฆ่าตัวตาย ต้องเจออะไรมาหนักมากๆ เพราะมันค่อนข้างฝืนธรรมชาติของสัตว์สายพันธุ์มนุษย์
เพราะธรรมชาติสร้างมาให้เราขยายพันธุ์มากกว่า แต่คนเราเมื่อถึงที่สุดมันก็จะเลือกตายดีกว่าอยู่
เลิกดิ้นรนเพื่อมีชีวิต

แก่นมนุษย์ก็มีแค่นี่ ที่เหลือคือจักรขนาดใหญ่ ที่เราเกิดมาเพื่อปั่นมันไปเรื่อยๆ

บาปหนักมากครับ การฆ่าตัวตาย 1 ชาติ

ในทางพระพุทธศาสนา จะต้องเกิดมาฆ่าตัวตาย ซ้ำอีก 500 ชาติครับ

แต่ผมแนะนำให้นั่งสมาธิ ฝึกจิตดูครับ

โลกที่เราอยู่นี้ มันก้อแค่สมมติเท่านั้น ไม่ได้มีสาระอะไรหรอกครับ

เราไปยึดมั่น ถือมั่นกันเอง

ส่วนตัวก็ไม่ได้เชื่อเรื่องบาปนะ แต่สงสารพ่อแม่ แค่นั้น
ไม่มีพ่อแม่ผมก็น่าจะจมทุกไปมากกว่านี้