จริงๆน้ำอัดลมที่ไม่มีน้ำตาล เป็นคำพูดที่ทำให้เราเข้าใจผิดครับ

น้ำอัดลมไม่ทีน้ำตาล แต่มีสารให้ความหวานอื่นๆ ที่ร่างกายย่อยสลายเป็นพลังงานไม่ได้เท่านั้นเองครับ

ส่วนมีประโยชน์หรือโทษอะไร อันนี้แล้วเเต่สารให้ความหวานแต่ละตัวเลยครับ

ขนาด น้ำดำสีน้ำเงินกับน้ำดำสีแดงยังใช้สารให้ความหวานคนละตัวเลยครับ

พ่อผมเป็นเบาหวาน หมอบอกกินได้นะครับ แต่ไม่กินจะดีกว่า เพราะกินแล้วจะทำให้ยิ่งอยากของหวานเข้าไปอีกถ้าคุมตัวเองได้ก็คงจะโอเคละครับ

ส่วนตัวผมไม่แตะเลยพวกนี้ ไม่ใช่กลัวอันตรายนะ แต่เพราะรสชาติแย่มาก ถ้ากลัวเบาหวานก็แค่ไม่กินหวาน

ผมว่ากินได้ แต่ควรกินแต่พอดี

อาทิตย์ครั้งสองครั้งก็พอ

ถ้าไหวก็อาทิตย์ละครั้ง สองอาทิตย์ครั้ง

กินให้หายอยากก็พอครับ

ผมกินจนไม่ชินกับรสชาติแบบใส่น้ำตาลแล้วครับ

ข้อเสียของน้ำอัดลมทั้งแบบมีหรือไม่มีน้ำตาลคือทำให้เป็นคนติดหวานคร้บ

แบบมีน้ำตาลกินแล้วเหนียวปากเหนียวคอ ไม่เห็นจะอร่อย

กินมาหลายปีแล้ว กินบ้างหยุดบ้าง ไม่ได้กินทุกวัน แต่ก็กินติดกันเป็นเดือนๆ ก็มี
ปลอดภัยระดับนึงครับ แต่สารมันเพิ่งเข้าสู่อุตสาหกรรมได้ไม่นาน
ยังไม่มีงานวิจัยที่วิจัยถึงผลกระทบระยะยาว ส่วนระยะสั้นๆ ก็ยังมีน้อย

ไอที่น่ากลัวเห็นชัดๆ ฝุ่น PM2.5 ปิ้งย่างเตาถ่าน
พวกนี้สารก่อมะเร็งแบบงานวิจัยโต้งๆ เต็มไปหมด
คนยังไม่กลัวเลยฮะ

ขอให้ขัอมูลเพิ่มเติม
สารให้ความหวานแทนน้ำตาล
กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ไม่ต่างจากน้ำตาล
ซึ่งจะไปมีผลต่อความหิว และระบบการเผาผลาญพลังงานครับ
มีข้อมูลจากเพจคุณหมอต่างๆที่เป็นสายสุขภาพ
คนที่ต้องการลดน้ำหนัก ไม่แนะนำให้ทานครับ
สารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่แนะนำ
สำหรับสายสุขภาพ และไม่กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน มี 4 อย่าง
- หญ้าหวาน
- หล่อฮั้งก๊วย
- Inulin
- Erythritol

ยังไงก็ยังมีโซเดียม

กินเยอะๆความดันขึ้น โรคไต

สำหรับผมมันทดแทนน้ำตาลได้นะครับ เวลาอยากกินโค้ก กินโค้กซีโร่ ผมก็ไม่ได้รู้สึกต่างจากกินน้ำตาลจริง ไม่ติดด้วย

พบกันครึ่งทางสิครับ กินสลับกับสูตรปกติ บาลานซ์ความเสี่ยง

จริงที่สุด หนืดและเลี่ยนไปหมด แบบไม่มีน้ำตาลตอบโจทย์กว่ามากๆ ส่วนตัวที่กินนี่ไม่ได้เกี่ยวกับความอยากหวานอะไรเลย

โซเดียมไม่ได้เยอะขนาดนั้น แค่1-5%ที่ร่างกายควรได้รับต่อวันเอง

หลักๆคือกินยังไงก็ได้ แต่อย่าให้ร่างกายรู้สึกเสพติดอะ

ไม่เคยมีใครบอกว่ามันปลอดภัย

มันแค่ขายความไม่มี น้ำตาล ซึ่งก็ถูกต้องตามนั้น