บทความจาก Poprock on Field
https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=380175314115350&id=100063686523010
เป็นเพจที่ผมชอบมากๆ ตอนนี้ดีใจที่แอดกลับมาทำเพจครับ
เมื่อปี 2021 Mark Clattenburg ผู้ตัดสินที่แฟนพรีเมียร์ลีกคุ้นชื่อเป็นอย่างดีตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา
ออกหนังสือชีวประวัติตัวเองชื่อ Whistle Blower: My Autobiography by Mark Clattenburg
ด้วยฝีมือและชื่อเสียง ทำให้มาร์คได้ตัดสินเกมใหญ่ๆเสมอ และการได้ตัดสินเกมใหญ่ๆนี่เอง ที่ตามมาด้วยปัญหามากมาย วันนี้เราเอาตอนเปิดของหนังสือเล่มนี้มาให้อ่านกัน มาร์คใส่คณะกรรมการผู้ตัดสินฟุตบอลอังกฤษซะยับเลย 555555
เขาเล่าว่าหลังจากได้รับรางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยมของ FIFA ตอนปี 2017 เขาก็เริ่มคิดถึงการวางมือ การหาหนทางอาชีพใหม่ๆ เพราะเขารู้สึกว่าในวัย 42 ชีวิตประสบความสำเร็จมาหมดทุกเลเวลที่ต้องการแล้ว และรางวัลผู้ตัดสินยอดเยี่ยมแห่งปี ก็เป็นรางวัลใหญ่ที่น่าจะทำให้เขารู้สึกพอได้แล้ว
นอกจากนั้นแล้ว ตลอดระยะเวลาหลาย 10 ปีหลังที่อาชีพการงานรุ่งเรืองอย่างมาก ได้เลือกให้ตัดสินแมชสำคัญในพรีเมียร์ลีกตลอด ได้เป็นตัวแทนผู้ตัดสินอังกฤษในทัวนาเมนท์ใหญ่ๆ ต้องแลกมาด้วยชีวิตส่วนตัว และความหวาดระแวงที่ทั้งเขาและครอบครัวต้องเจอตลอด ลูกๆเจอล้อเลียนตอนไปโรงเรียน ตัวเขาและสมาชิกครอบครัวเจอจดหมายขู่ฆ่า บัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์คถูกรังควานตลอดเวลา นี่คือสิ่งที่เขาต้องแลก และต้องรับมือมาตลอด เขาจึงคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องไปจากที่นี่
ในตอนนั้นมีหลายแผนในหัว แต่สุดท้ายเขาก็คิดถึง Howard Webb ที่ใช้ชีวิตหลังลาออกจากการเป็นผู้ตัดสินในอังกฤษ ไปเป็นผู้บริหารระดับสูงของสมาคมผู้ตัดสินแห่งซาอุดิอาระเบีย และปัจจุบันกำลังวุ่นวายกับธุรกิจในอเมริกา ด้านฮาเวิร์ด เว็บบ์พอได้รับสายจากมาร์คก็ยินดีมาก เขากำลังหาคนมาช่วยที่ซาอุฯอยู่พอดี ทางฝั่งซาอุเลยนัดหมายให้พวกเขามาคุยกันเร็วมาก หลังจากคุยเรื่องข้อเสนอ ถ้าพูดกันแค่เรื่องตัวเงิน นี่เป็นดีลที่ไม่ต้องลังเล
ระหว่างเป็นผู้ตัดสินที่อังกฤษเขามีรายได้ 100,000 ปอนด์ต่อปี รวมโบนัสด้วยจะเป็น 130,000 ปอนด์ (5.7 ล้านบาท) แต่ถ้าเขารับงานที่ซาอุฯ ค่าตอบแทนต่อปีอยู่ที่ 525,000 ปอนด์ และ Tax Free (23 ล้านบาท) เขาทำงานที่ซาอุหนึ่งปีจะเท่ากับทำงายที่อังกฤษ 8 ปี มันเป็นเงินที่เปลี่ยนชีวิต และการันตีอนาคตครอบครัวของเขาได้เลย
แต่นั่นยังเป็นแค่แผนการ มาร์คต้องการเวลาคิดอีกหน่อย การต้องบอกลาในเวลาที่กำลังอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพนั้น ทำใจได้ยาก หลายคืนที่เขานอนคิดทบทวนถึงส่วนได้ส่วนเสียถ้าเขาไม่ได้ตัดสินพรีเมียร์แล้ว จะเสียอะไรบ้าง หลังจากคิดถึงหลายปีที่เหนื่อยยาก เขาก็เลือกที่จะลาออกจากการเป็นผู้ตัดสินที่อังกฤษ แล้วไปรับตำแหน่งที่ซาอุ งานของเขาคือการพัฒนาวงการฟุตบอลและผู้ตัดสินที่ซาอุฯ โดยในการทำงานเขาต้องใช้เวลา 3 สัปดาห์อยู่ซาอุ 1 สัปดาห์กลับบ้านที่อังกฤษ และยังสามารถรับงานตัดสินในเกมนานาชาติอื่นๆได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เขาคิดว่าดีมาก
แต่สิ่งที่ทำให้มาร์คลังเลคือ ฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซีย เขาได้รับคัดเลือกและเสนอชื่อ เป็นผู้ตัดสินอังกฤษเพียงคนเดียวในการแข่งขัน แต่ถ้าลาออกจากการตัดสินในพรีเมียร์ลีก ที่นั่งนี้อาจสั่นคลอนได้ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ด้วยการสับขาหลอก และการแทงข้างหลังของบางคนในสมาคมผู้ตัดสินอังกฤษ (Professional Game Match Officials Limited - PGMOL) มาร์คถูกถอดชื่อในนาทีสุดท้าย และ ปกติหากมีผู้ตัดสินลาออก เขาจะได้ตัดสินในสัญญาที่เหลือ หรืออีกราวๆ 10 เกม และเลือกเกมสุดท้ายที่จะตัดสินได้ แต่มาร์คไม่ได้มีโอกาสเหล่านั้นเลย ทันที่ที่เขามาแจ้งลาออกและบอกถึงงานใหม่กับสมาคมฯ มีการประชุมตึงเครียดทันที และมาร์คทราบผลทีหลังว่า เขาไม่มี 10 เกมที่เหลืออีกแล้ว เหลือแค่เกมเดียวเท่านั้น เพราะสมาคมต้องการให้เขาพ้นหน้าที่ทันที ซึ่งทำให้มาร์คผิดหวังและโกรธมาก
ภายหลังมาร์คมารู้ว่า มีการล็อบบี้กันมากมาย เพื่อให้เขาหลุดจากตัวแทนผู้ตัดสินในฟุตบอลโลก, หลุดจากทำเนียบฮอล ออฟ เฟมของผู้ตัดสินอังกฤษ และพ้นหน้าที่ทันที มาร์คบอกว่า นี่คือความอัปยศของพวกสมาคมอังกฤษ ที่ต้องการส่งสารว่า "แกเป็นใครถึงกล้าไปจากอังกฤษ"
(ประมาณว่า การที่มาร์คลาออกแล้วไปรับดีลจากซาอุเลยทันทีเป็นการฉีกหน้าสมาคม สมาคมเลยลงดาบอย่างแรง แต่มาร์คมองว่าไม่แฟร์กับเขาในการโดนถอดชื่อออกจาก Hall Of Fame รวมทั้งบอลโลก แค่เพราะเขาย้ายงานในช่วงใกล้หมดสัญญา เขายังไม่ทันได้เซ็นสัญญาเลยด้วยซ้ำ)
ซึ่งมาร์คบอกว่า เป็นความอัปยศของอังกฤษที่บอลโลก 2018 อังกฤษยอมไม่มีตัวแทนผู้ตัดสินดีกว่าส่งเขาไป (ไม่สามารถส่งคนอื่นแทนได้ จริงๆ อังกฤษจะส่ง มาร์ติน แอตกินสัน แต่แอตกินสันอายุเยอะเกิน)
โฮเวิร์ด เว็บบ์เลยแนะนำมาร์คว่า แรกๆก็งี้แหละ ทำใจยาก แต่พอเวลาผ่านไปจะคิดออกว่าตัดสินใจถูกแล้ว แต่มาร์คบอกว่า ไม่ เขาไม่ได้รู้สึกว่าทำใจยาก เขารู้สึกว่าช่างแม่งมันเถอะ เจอทำขนาดนี้แล้ว การเสียโอกาสในบอลโลก แต่ได้รู้ธาตุแท้คน และความสัมพันธ์ตลอดเวลาหลายปีเป็นแค่เรื่องงานสำหรับคนอื่น ก็ถือว่าคุ้มค่าดี
หลังการประกาศลาออก มาร์คได้รับข้อเสนอมากมาย เพราะเขาไม่เคยออกมาพูด หรือ ออกมาให้สัมภาษณ์จริงจังเกี่ยวกับตัวเองมาก่อนเลย พอคนรู้ว่าเขาลาออกแล้ว จึงมีคนชวนเขาไปร่วมงานมากมาย นอกจากตำแหน่งในสมาคมฟุตบอลที่ซาอุ เขายังรับงานพิเศษที่สถานี BT1 เป็นนักวิเคราะห์เกมคู่กับรอยคีน ซึ่งเป็นแค่งานชั่วคราว แต่เขาประทับใจมากๆ รอยคีนเป็นมิตรกับเขามากๆ มาร์คเล่าว่า ชีวิตหลังออกจากการเป็นผู้ตัดสินที่อังกฤษ มีแต่โอกาสดีๆรอเขาอยู่ หลายคนบอกว่าเขาโง่ ที่ยอมทิ้งโอกาสในจุดสูงสุดของอาชีพในอังกฤษ แต่เขาจะบอกว่า ไม่ เขาเลือกหนทางที่ดีที่สุดให้กับครอบครัวแล้วต่างหาก
คำถามที่มาร์คต้องตอบเป็นประจำว่า มีเหตุการณ์พิเศษอะไรไหม ที่ทำให้เขาคิดว่าจะเลิกเป็นผู้ตัดสินแล้ว เขาบอกว่ามีหลายครั้ง แต่ครั้งล่าสุดที่ทำให้เขาคิดจะลาออกอย่างจริงจัง (และนำมาสู่การลาออกจริงๆในภายหลัง) คือเกมที่เขาตัดสินในนัด แมนยู พบ สโตก ตอนมกรา 2017
หลังจบเกม เขาเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัว และ โจเซ่ มูริณโญ่ผู้จัดการทีมของยูไนเต็ดตามเข้ามา
ตอนกำลังก้มถอดรองเท้าเขาเลยพูดว่า
'พอใจแล้วสินะ คราวนี้คุณก็โทษผมไม่ได้แล้วนะที่คุณเสมอ'
'ไม่ ผมโทษคุณได้' เขาตอบ
มาร์คเริ่มหงุดหงิด มูเริ่มสาธยายว่า ผู้เล่นสโตกทำแฮนด์บอลในเขตโทษและผมตัดสินพลาด เขาพูดไม่หยุด จนมาร์คต้องขัด
'พูดอะไรของคุณ ผมตัดสินได้ถูกต้องแล้ว ผมรู้ดีว่าผมทำอะไร' แต่เขาก็เถียงกลับว่า เขาดูวิดิโอแล้วและมาร์คตัดสินผิด และบ่นไม่หยุด มาร์คบอกว่าเขาอดทนมามากพอแล้ว เลยระเบิดอารมณ์ออกไป
'ออกไป!!! ออกไปจากห้องแต่งตัวผมเดี๋ยวนี้!!!' มูริณโย่ตัวแข็งทื่อ เขาคงไม่เคยเห็นมาร์คหยาบคายขนาดนี้
'แล้วจะบอกให้นะ ถ้าผลออกมามาว่าผมตัดสินผิด ผมจะลาออกให้เลยพรุ่งนี้ ไม่ทงไม่ทำแม่งละ ผมเบื่อกับเรื่องห่าเหวนี่เต็มทนแล้ว!'
มาร์คบอกว่า ระหว่างขับรถกลับบ้าน เขาคิดถึงแต่สิ่งที่มูริณโย่พูดซ้ำๆ หรือเขาจะตัดสินผิดจริงๆ มันวนเวียนอยู่ในหัว เขาไปรอดูช็อตนั้นอีกครั้งในรายการ Match Of The Day และผลคือ เขาตัดสินได้ถูกแล้ว มาร์คได้แต่คิดว่า แล้วมูริณโย่จะมาแกล้งหลอกเขาทำห่าอะไร ทำไปเพื่ออะไร?'
หลังจากคืนนั้น มาร์คตัดสินใจว่า เขาพอแล้วกับเรื่องบ้าๆพวกนี้ที่ไม่จบไม่สิ้น มาร์คเลยคิดถึง ฮาเวิร์ด เว็บบ์ขึ้นมา เผื่อเขาอาจมีลู่ทางอะไรบ้าง แล้วก็เป็นแบบที่เล่าไป คือ ที่สุดเขาก็ลาออกจากการเป็นผู้ตัดสิน และมีชีวิตใหม่ ที่ดูจะมีอนาคตสดใสมาก
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การได้เป็นผู้ตัดสินในอังกฤษ เป็นใบเบิกทางสู่ชื่อเสียง และความพริวิเลจอีกหลายอย่าง ที่ผู้ตัดสินจากลีกอื่นๆ อาจทำไม่ได้เท่านี้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาในชีวิตที่ต้องจ่ายอย่างสาหัสเลยทีเดียว
[/fb-post]
ท่อนที่เถียงกับจ่ามู เอาเป็นภาษาอังกฤษ ผมไปหามาครับ
United manager Jose Mourinho came in. I was just taking my boots off.
Marc : ‘You must be happy this time,’ I said. ‘You can’t blame me for that draw, can you?’
Jose : 'I can,' he said.
He started going on about a handball in the penalty area by Stoke defender Ryan Shawcross.
Marc : ‘What you on about?’ I said. ‘I got that right, I know I did.’
‘Jose : No. I’ve seen the video. You were wrong.’
He was going on and on. Shut up man, will you?
I picked up my boot and launched it against the wall next to him.
Marc : F***ing get out of my dressing room. Get out!’
Mourinho froze. I lost it with him. I did not give a s*** any more.