สังเกคว่าไม่ใช่แค่เรื่อง Monthly Listeners นะ (อันนั้นปัจจัยเรื่องเพลงใหม่ๆอาจจะมีผลเยอะหน่อย)

แต่แม้แต่เพลงเก่าๆเอง เทียบใน 5 วงนี้ ยอดสตรีมเพลงของวงแคลชก็ยังดูด้อยกว่าวงอื่นค่อนข้างชัดเจน

เอาจริงๆสู้เพลงเก่าๆวงกะลายังไม่ได้เลย เพื่อนๆคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากอะไร ลองวิเคราะห์กันดูหน่อย



ปล. คนยังฟัง บอดี้slim กันอยู่บานเลยแฮะ เซ็งๆๆๆๆๆๆ

ช่วงเวลาที่วงหยุดไป มันเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวเรื่องเทคโนโลยี ทำให้กลุ่มแฟนเพลงไม่ขยายเติบโตขึ้นตามเวลาเหมือนอย่างวงอื่นๆ

ตอนแคลชบูมที่สุดเป็นช่วงเวลาที่ คนใช้เวลากับทีวี วิทยุ หนังสือ ซีดี เป็นสื่อหลัก การโฆษณาก็จะผ่านช่องทางนั้น
พอแคลชเลือกที่จะหยุด ณ เวลานั้น ก็เท่ากับผลงานหายไปจากหน้าสื่อ อย่างสิ้นเชิง คนที่ยังรู้จักผลงานก็เป็นคนเก่าๆหน้าเก่าๆ หรือ คนจากช่วงเวลานั้นเท่านั้น ซึ่งแฟนเพลงกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ขยายขึ้นมีแต่คงตัวและลดลง

พอเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน จากโทรทัศน์ วิทยุ เป็น วิดีโอสตรีมมิ่ง (Youtube/Facebook)
วงอื่นๆก็ได้ทำการตลาดผ่านสื่อพวกนี้มาเรื่อยๆ กลุ่มคนที่เป็นแฟนเพลงรุ่นใหม่ๆหรือคนใหม่ๆเลยที่เริ่มต้นมาด้วยสื่อพวกนี้ ก็จะได้รู้จักวงอย่าง โปเตโต้/บิ๊กแอส/ซีล ผ่านสื่อทางนี้ ทำให้ได้รู้ว่าวงเหล่านี้ยังทำงานอยู่

ผิดกับแคลชที่หายไปเลย ไม่ได้ทำตรงนี้ ซึ่งมันทำให้แฟนเพลงรุ่นใหม่ๆไม่สนใจที่จะติดตาม คนเก่าหาย คนใหม่ไม่เพิ่ม เพราะแม้จะได้ยินเพลงอยู่เรื่อยแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่า อยากรู้จักวงแต่อย่างใด ทำให้ฐานแฟนไม่เติบโต เพลงเก่าๆคนใหม่ๆก็ไมไ่ด้สนใจฟังมากเท่าไร่ เพราะไม่รู้จักวงนั่นแหละ ต้องทำเพลงใหม่ๆโปรโมตเยอะๆถึงจะกลับมาเป็นกระแสได้อีก

ยอดฟังเพลงก็ลดลงๆเป็นเรื่องปรกติ

แล้วเพลงของแคลช ไม่ใช่เพลงที่สามารถฟังได้แบบไม่คิดอะไร ทั้งดนตรี ทั้งเสียงร้อง เนื้อเพลง การร้อง
พอเป็นเพลงหวาน ก็หวานเลี่ยนๆ เศร้า ก็เศร้า แบบลิเก ร็อค ก็เดือดไป

มันเหมือนเป็นเพลงตัวแทนของคนในช่วงๆนั้นมากกว่าที่จะเป็นเพลงที่ฟังได้ข้ามยุคข้ามสมัยด้วย

คาดว่า 4 วงแรก ยังคงมีผลงาน มีการโปรโมต PR อยู่บ่อยๆครับ เลยผ่านหูคนรุ่นใหม่ๆด้วย

แต่วงพวกนี้ส่วนใหญ่มีแต่คนยุคเก่าๆฟังแล้ว ยุคนี้มันวนๆอยู่แค่ Tilly, Three Man

ชอบวงแคลชสุดละ เพลงช้าแม่งอย่างถึง

หลังๆ มาฟังแต่ป็อป อินดี้

น้อยกว่าบอดี้ บิ๊กแอสพอะข้าใจนะ แต่น้อยกว่าซีลนี่ผมแปลกใจละ
แสดงว่าเด็กสมัยนี้ไม่รู้จักแคลชแล้วละ

ผมก็แทบไม่ฟังวงร็อครุ่นนี้ละครับ นานๆที แต่ลองไปดูกระแสใน streaming ดูซักหน่อย

แปลกใจที่คนฟังวงแคลชแค่ครึ่งเดียวของวงซีล ส่วนอีก 3 วงไม่ต้องพูดถึง

มันเพราะแต่โหยหวน ไม่เหมาะกับฟังซ้่ำๆ คหสต

ง่ายๆเลยเพลงไม่โดนเท่าวงอื่น​ มีโรคประจำตัวเท่านั้นที่พอจะวัดกะเขาได้

สไตล์การร้องมันดูแปลกๆ สำหรับยุคนี้อะครับ ไม่รู้ผมคิดไปเองไหม

ขณะที่วงอื่นๆ มันฟังได้เรื่อยๆ

เพลงฟังสบายๆ ที่ดังๆ ไม่ค่อยมี เพลงดังๆส่วนใหญ่จะช้าซึ้ง เพลงเร็วก็หนักใส่สุดไป เพลงที่ฟังสบายๆในทุกๆวันไม่ค่อยมี

เพราะความรักทำให้คนตายอด จ่ะ อิอิ

Sillyfool เท่าไหร่ฮะ

243k ครับ

https://open.spotify.com/artist/2xjp1njSsecnNhjgKZ35Ok

ช่วงเวลาที่วงหยุดไป มันเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวเรื่องเทคโนโลยี ทำให้กลุ่มแฟนเพลงไม่ขยายเติบโตขึ้นตามเวลาเหมือนอย่างวงอื่นๆ

ตอนแคลชบูมที่สุดเป็นช่วงเวลาที่ คนใช้เวลากับทีวี วิทยุ หนังสือ ซีดี เป็นสื่อหลัก การโฆษณาก็จะผ่านช่องทางนั้น
พอแคลชเลือกที่จะหยุด ณ เวลานั้น ก็เท่ากับผลงานหายไปจากหน้าสื่อ อย่างสิ้นเชิง คนที่ยังรู้จักผลงานก็เป็นคนเก่าๆหน้าเก่าๆ หรือ คนจากช่วงเวลานั้นเท่านั้น ซึ่งแฟนเพลงกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ขยายขึ้นมีแต่คงตัวและลดลง

พอเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน จากโทรทัศน์ วิทยุ เป็น วิดีโอสตรีมมิ่ง (Youtube/Facebook)
วงอื่นๆก็ได้ทำการตลาดผ่านสื่อพวกนี้มาเรื่อยๆ กลุ่มคนที่เป็นแฟนเพลงรุ่นใหม่ๆหรือคนใหม่ๆเลยที่เริ่มต้นมาด้วยสื่อพวกนี้ ก็จะได้รู้จักวงอย่าง โปเตโต้/บิ๊กแอส/ซีล ผ่านสื่อทางนี้ ทำให้ได้รู้ว่าวงเหล่านี้ยังทำงานอยู่

ผิดกับแคลชที่หายไปเลย ไม่ได้ทำตรงนี้ ซึ่งมันทำให้แฟนเพลงรุ่นใหม่ๆไม่สนใจที่จะติดตาม คนเก่าหาย คนใหม่ไม่เพิ่ม เพราะแม้จะได้ยินเพลงอยู่เรื่อยแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่า อยากรู้จักวงแต่อย่างใด ทำให้ฐานแฟนไม่เติบโต เพลงเก่าๆคนใหม่ๆก็ไมไ่ด้สนใจฟังมากเท่าไร่ เพราะไม่รู้จักวงนั่นแหละ ต้องทำเพลงใหม่ๆโปรโมตเยอะๆถึงจะกลับมาเป็นกระแสได้อีก

ยอดฟังเพลงก็ลดลงๆเป็นเรื่องปรกติ

แล้วเพลงของแคลช ไม่ใช่เพลงที่สามารถฟังได้แบบไม่คิดอะไร ทั้งดนตรี ทั้งเสียงร้อง เนื้อเพลง การร้อง
พอเป็นเพลงหวาน ก็หวานเลี่ยนๆ เศร้า ก็เศร้า แบบลิเก ร็อค ก็เดือดไป

มันเหมือนเป็นเพลงตัวแทนของคนในช่วงๆนั้นมากกว่าที่จะเป็นเพลงที่ฟังได้ข้ามยุคข้ามสมัยด้วย

ผมละแปลก พออายุใกล้เลข 30 จากฟัง rock ไม่ฟังละ มาฟังนักร้องเสียงใสๆ แทน น้องเบล serious bacon ink. พวกนี้ 555