ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
13 March 2022 04:31 by เบน ฟรีคิก
แฮตทริกต่ออายุ top 4 // ดิอาซ เดอะแบกตัวใหม่






แมนฯยูฯ 3-2 สเปอร์ส

คริสติอาโน่ โรนัลโด้ อาจจะเคยถูกมองว่าเป็นตัวดีเลย์ทำลายเกมทีมตัวเองแต่อย่างน้อยๆแฮทริคใส่ สเปอร์ส ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าหากสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยแข้งวัย 37 ปียังเป็นคนที่พึ่งพาได้มากกว่าใครทุกคน

ลูกเขี่ยสะกิดแอสซิสต์ของ เฟร็ด, บอลถวายพานของ เจดอน ซานโช่ และลูกเตะมุมโค้งเข้าหัวของ อเล็กซ์ เตลเลส ถ้าไม่ใช่ โรนัลโด้ คุณคิดว่าใครจะยืนถูกที่ถูกเวลาอีกล่ะครับ

นับตั้งแต่คริสต์มาสเป็นต้นมา โรนัลโด้ เพิ่งยิงไปแค่ 2 ลูกและเริ่มถูก ราล์ฟ รังนิค จับนั่งสำรองบ่อยขึ้นเนื่องจากแท็คติกส์เพรสซิ่งต้องใช้ผู้เล่นที่สดกว่าคนที่หย่อนๆ 40 ปี

อาจเนื่องด้วยการไร้ชื่อในศึกดาร์บี้ แมทช์ที่ถูก แมนฯซิตี้ สอนบอลเมื่อสัปดาห์ก่อนทำให้ โรนัลโด้ แกเหมือนอัดอั้นรอปล่อยของระบายอารมณ์ในวันนี้แบบเต็มๆ

หากมองกันดีๆรูปแบบการเล่นของทั้ง 2 ทีมในวันนี้เป็น “ปีศาจแดง” ที่เข้าลื่มมากกว่าเพราะการที่ “ไก่เดือยทอง” เป็นทีมชอบคุมโซนในแดนตัวเองส่งผลทำให้แบ็คโฟว์และแดนกลางไม่ต้องแบกรับความกดดันสามารถคอนโทรลบอลขึ้นมาได้อย่างสบายใจ

แต่ทีมเยือนที่เล่นแนวนี้เป็นอาชีพจนบุกไปโค่น แมนฯซิตี้ ถึง เอติฮัด กลับผิดฟอร์มไปไกลสุดกู่

แฮร์รี่ เคน ถูกตามเกาะแกะในขณะที่คู่หูอย่าง ซอน เฮือง มิน วินวอล์กแทบไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรนอกจากเร่งจังหวะแล้วลื่นล้มไปเอง

สเปอร์ส เองไม่ได้งัดของจากจังหวะสวนกลับตามที่ถนัดในเกมนี้เลย สาเหตุที่ตัวรุกเล่นกันไม่สมประกอบแล้วการที่ต้องตามหลังตลอดทำให้ “ปีศาจแดง” ลงไปรับต่ำจึงไม่มีพื้นที่เหลือ

ส่วนการขึ้นเกมจากริมเส้นที่พอจะเป็นช่องทางสุดท้ายที่เหลืออยู่ของเด็กๆ คอนเต้ ก็บอกได้คำเดียวว่า “เน่าหนอน” ไม่ได้ลุ้นซักลูกไม่ว่าใครจะหลุดไปครอสก็ตาม

Timing การยิงนำ 3 ครั้ง 3 หนของ ยูไนเต็ด ถือว่าลงล็อก หากช้ากว่านี้ สเปอร์ส อาจรีกรุ๊ปกลับคืนสู่เกมอาจทวงคืนยากกว่านี้แน่ (ลูก 2-1 ทวงคืนใน 3 นาที, 3-2 ได้หลังถูกตีเสมอ 9 นาที)

นอกจากเกมรุกที่สอบตกแล้วแนวรับของ “คลับไก่” หลวมโครกมา คิดจะคุมโซนแต่ยืนคุมห่าง พอจวนตัวกลายเป็นเข้าพรวด (ลูกสะกิดหลังของ เฟร็ด)

เซร์คิโอ เรกีลอน ทำในสิ่งที่แบ็คไม่ควรทำนั่นคือยืนต่ำกว่าเซนเตอร์ ท้ายที่สุดทำให้ เจดอน ซานโช่ ไม่ล้ำก่อนแอสซิสต์ให้ โรนัลโด้

สปอร์ตไลท์สมควรฉายไปที่แฮทริคฮีโร่อย่างหอกทีมชาติ โปรตุเกส แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้และผมชอบมากคือ เฟร็ด

การมี เนมันย่า มาติช ยืนคอยตัดเกมด้านหลังทำให้แกสามารถเติมเกมรุกที่ถนัดกับตำแหน่ง box to box

การสะกิดเขี่ยแอสซิสต์ราวกับมีตาหลังว่าสวยแล้ว ลูกจัดดากในครึ่งหลังหรือการพลิกบอลตรงกลางเปลี่ยนเป็นเกมรุกเป็นอะไรที่คลาสสิคมาก

นึกภาพถ้าซัมเมอร์นี้ “ปีศาจแดง” มีตัวตัดเกมสดๆฉลาดๆซักตัวน่าจะช่วยยกระดับทีมได้ดีกว่านี้หลายเท่าแน่นอน

ในขณะที่ ซานโช่ เป็นคนที่เก็บบอลและเลี้ยงพาทัวร์ได้ดีซึ่งช่วยทำให้จังหวะดันมาช่วยของพี่ๆไม่ตีรถเปล่า การมองหา โรนัลโด้ คือสิ่งแรกที่น้องมันทำ ชวนให้ผมนึกถึง ดานี่ คาบาฆาล แบ็คขวา เรอัล มาดริด ที่มองหา โด้ และจัดแอสซิสต์ให้บ่อยๆ

อีกจุดที่ “ไก่” สู้ไม่ได้เลยคือสปีดบอลช้า ต่อบอลเนิบนาบเกินไปทำให้ อันโตนิโอ คอนเต้ สั่งให้ไล่บอลดุกว่าเดิมในครึ่งหลังซึ่งเราทุกคนเห็นตรงนี้ค่อนข้างชัดแต่ปัญหาคือการเร่งเกมของทีมเยือนในสกอร์เป็นรองมันทำให้บอลเสียเยอะ

ตัว support ยามเพื่อนได้บอลน้อยกว่าแนวรับ ยูไนเต็ด ทุกๆจุดทำให้ครึ่งหลังก่อนที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จะทำ OG. สเปอร์ส เพิ่งมีโอกาสไปหนเดียว (จาก ซน ในนาที 60)

สรุปแล้วโอกาสจะแจ้งของทีมเยือนมีนับครั้งได้ดังนั้นการบุกมายิงถึง 2 ลูกที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด ถือว่ามากเกินไปด้วยซ้ำ

ชัยชนะที่กลับขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ของ “ปีศาจแดง” สำคัญในหลายๆแง่มุมมาก นอกจากเป็นการกดไม่ให้ สเปอร์ส (ที่เตะน้อยกว่าถึง 2 นัด) หยุดไว้ที่ 45 แต้มแล้วพวกเขายังพอทำให้สถานการณ์โค่น อาร์เซนอล ยังพอมีหนทางต่อไป

“ปืนใหญ่” ตามตูดอยู่ 2 แต้มแต่เตะน้อยกว่า 4 เกมซึ่งไอ้ 4 เกมที่ว่านี้ผมเชื่อว่า ยูไนเต็ด อาจมองเหลือแค่ 2 ด้วยซ้ำเพราะลูกทีม มิเกล อาร์เตต้า ต้องเจอกับ ลิเวอร์พูล (กลางสัปดาห์) และทำศึกใหญ่ตัดแต้มแย่งที่ 4 กับ แมนฯยูฯ (เดือนหน้า)

การต้องตกมาอยู่สถานการณ์เสียเปรียบทีมอื่นมาจากการทำแต้มหล่นเรี่ยราดมาตลอดทาง ทำให้ 9 เกมที่เหลืออยู่นับจากนี้ของ แมนฯยูฯ เป็นการเคาท์ดาว์นที่บีบหัวใจโคตรๆครับ...



ไบรท์ตัน 0-2 ลิเวอร์พูล

ถ้าให้เลือกทีมนอก Top6 ที่ผมแหยงที่สุดชื่อของ ไบรท์ตัน มักแว่บขึ้นมาในหัวเสมอ ด้วยเหตุนี้การบุกมาเอาชนะในฟอร์มที่ฝรั่งมักพูดกันว่า finish in style จึงเป็นเกมหน่วงๆที่ผ่านไปได้อย่างสวยงาม

ก่อนเกมผมแอบเชื่อลึกๆว่าถ้า “หงส์แดง” ไม่ทำอะไรลักลั่นไปเองเกมนี้ไม่น่าแพ้เพราะ “นกนางนวล” แลดูมีปัญหากับการเล่นใน เอแม็กซ์ สเตเดี้ยม (ชนะแค่ 3 จาก 13 นัด)

ด้วยฟอร์มโดยรวมกำลังอยู่ในช่วงขาลงแพ้มา 4 นัดติดทำให้ ไบรท์ตัน ที่เจอ ลิเวอร์พูล 3 นัดหลังสุดไม่แพ้เลยจึงลงสนามด้วยความรู้สึกคะนองจนไล่กดอยู่เกือบๆข้างเดียวอยู่ราว 7 นาทีเศษๆ

แต่รูปเกมของ “รองฝูง” ที่ไม่ได้เปรียบมันมักมีจุดเปลี่ยนเสมอ อันนี้ต้องยกให้เขาเลยสำหรับ “เจ๊” โจเอล มาติ๊ป ที่การมีอยู่ในทีมทำให้ ลิเวอร์พูล ได้เปรียบคู่แข่งตรงที่แกเคยเล่นมิดฟิลด์สมัยอยู่กับ ชาลเก้ 04 พวกทักษะการพาบอลการแทงบอลมันไม่มีทางหายไปจากสัญชาตญาณ

การเป็นเซนเตอร์ที่จ่ายบอลดียิ่งได้เปรียบเพราะเป็นตำแหน่งสุดท้าย (รองจากประตู) ที่มองเห็นพิมพ์เขียวสนามโดยรวมทั้งหมด

กลาง ไบรท์ตัน ทำให้ มาติ๊ป มีเวลามองอยู่นานและ ดิอาซ สามารถวิ่งออกตัวได้แบบจังหวะพอดีกัน

ประเด็นดราม่าที่คนพูดถึงกันคือการรอดใบแดงของ โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตู ที่เจตนาดักเข่าและมือฟาดใส่ปีก โคลอมเบีย จนร่วงกลางอากาศ

ผมยกเอาเหตุผลพื้นๆเบสิกๆเลยคือที่ไม่ใบแดงเพราะลูกนี้มันเป็นประตู ทำให้ ไมค์ ดีน และทีมห้อง VAR จึงยกประโยชน์ปล่อยให้เป็นลูกต่อเนื่อง

กลับกันถ้าไม่เข้ายังไงต้องจุดโทษ+ใบแดงสถานเดียว ส่วนเจตนาทำร้ายคู่แข่งไหม เอาเป็นว่ามันคือสัญชาตญาณของนักเตะเมื่อหลุดตำแหน่งตัวเอง (ในทีนี้คือตัวสุดท้าย) จะคว้าจะชนอะไรได้มือไม้ขาไปหมด แต่ ซานเชซ จัดหนักบวกแรงเกินไปหน่อย

สิ่งสำคัญที่สุด ดิอาซ ของพวกเราเอ้ยของ ลิเวอร์พูล ไม่ concussion และสามารถอยู่ในสนามได้จนกระทั่งจบเกม

เพราะหลังจากนั้นเราได้เห็น Diaz Showboat และน่าจะเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมาจาก เอฟซี ปอร์โต้ ในวันเดดไลน์

ณ เวลานี้ ดิอาซ เป็นคนที่เลี้ยงบอลขึ้นหน้าได้ดุและหวังผลที่สุดในบรรดาตัวรุกที่ ลิเวอร์พูล มีไปเรียบร้อยแล้วครับล

แกเหมือนคน “หิวบอล” อยู่ตลอดเวลา การเลี้ยงจะกินตัวและกินแดนมากกว่า โม ซาลาห์ (ที่จะเน้นแตะเข้าซ้ายหนีออกข้าง) หรือ ซาดิโอ มาเน่ ที่ชอบพาทัวร์แล้วดีเลย์จังหวะตัวเองไปมา

ย้ายมายังไม่ถึง 2 เดือนแต่เหมือนอยู่มา 2 ปี ด้วยฟอร์มแบบนี้ยึดตัวจริงยาวๆไป ที่เดือดร้อนกลายเป็น ดิโอโก้ โชต้า ไปแล้ว

ครับ การเข้าฟอร์มของ ดิอาซ​ ถือว่ามาถูกเวลาเพราะตัวแบกอย่าง ซาลาห์ เห็นได้ชัดว่ากู่ไม่กลับจริงๆ

มันไม่น่าจะเป็นเรื่องอาการล้าแล้วนะ ผมมองว่าเกี่ยวกับสภาพจิตใจจากดราม่าเรื่องสัญญาใหม่ที่มีการแฉว่าล้มโต๊ะตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

นับตั้งแต่กลับมาจาก แอฟค่อน “โม” ยิง openplay ไปแค่ลูกเดียว (กับ นอริช) ที่เหลือ 3 ประตูเป็นจุดโทษและความวูบวาบมีส่วนร่วมกับเกมหายหลุดโลกไปเลย

อาการ “ล้า” แค่ลูกวิ่งมายิงแบบซ้อมยังแปหลุนๆหลุดกรอบคงไม่น่าใช่ คาดว่าต่อให้ยิงจุดโทษในเกมนี้ได้แต่ข้างในไม่สงบฟอร์มแกว่งยาวเหมือนเดิมชัวร์ครับ

โดยส่วนตัวผมเข้าใจ “บัง” ที่กำลังจะอายุ 30 ในเดือนมิถุนายนจึงต้องการทิ้งทวนสัญญาราคาแพงหนสุดท้ายในอาชีพค้าแข้ง

แต่ก็ต้องไม่ลืมเช่นกันว่า ซาลาห์ มาถึงจุดนี้ได้เพราะการผลักดันซึ่งกันและกันของสโมสรและตัวนักเตะ สัญญาที่ “หงส์แดง” ยื่นมาให้ก็ทะลุเพดานแพงสุดเต็มกลืนแล้ว

ความสำเร็จของสโมสร เยอร์เก้น คล็อปป์ ป้อนมาให้เรื่อยๆซึ่ง match ambition ของตัวแกครบถ้วน (ผิดกับสตาร์ในอดีตที่ย้ายเพราะสโมสรขาดแชมป์)

จากประสบการณ์เท่าที่เห็นมา หากการเจรจาต่อสัญญาใหม่เลยเถิดลากมาถึงปีสุดท้ายผมไม่เคยเห็นใครต่อซักคนเลยนะ ยิ่งยุคนี้ย้ายฟรีไปกดค่าเหนื่อยแพงๆกับทีมใหม่ทำให้ผู้เล่นมีแต้มต่อมหาศาลมาก

จุดพลิกผันเดียวที่ผมพอจะมองเห็น (แต่อาจริบหรี่) คือ ซาลาห์ ต้องใช้หัวใจต่อสัญญาครับ เอเยนต์ก็แค่ลูกจ้างและผมมองพฤติกรรมแล้วเอเยนต์คนนี้สายปั่นหัวแข็งเอาเรื่องเลย

แต่ท้ายที่สุดการอาลัยอาวรของพวกเรามันจะมีจุดที่ต้องเดินหน้าเสมอ ตัวใหม่หมุนเวียนมาทดแทนตัวเก่า เป็นแบบนี้มาตลอด

ครับกลับมาที่เกมนี้กันต่อ แฟน “หงส์” หลายคนอาจเป็นกังวลกันพอสมควรเพราะก่อนเตะหนึ่งวันมีข่าวว่า เวอร์กิล ฟาน ไดจค์ ติดโควิด ดังนั้นการเห็นไลน์อัพครั้งแรกรู้สึกโล่งมาก จะขาดใครในแดนหน้าหรือตรงกลางก็ขาดไปแต่ถ้าไม่มี VvD แนวรับไม่เหมือนเดิมจริงๆ

ไบรท์ตัน หลังเสียประตูลูกแรก (พยายามยกระดับตัวเองในช่วงต้นเกมแต่ละครึ่ง) ที่เหลือถูกทีมเยือนควบคุมเอาไว้ได้เกือบหมด

การเก็บบอลแดนกลางเริ่มทำไม่ค่อยได้และถูกบีบให้ต้องโยนยาวซึ่ง มาติ๊ป กับพี่ยักษ์เก็บกิน

วิงแบ็ค 2 ข้าง ไทริก แลมป์ตี้ย์ และ มาร์ค คูคูเรญ่า ต้องพะวงเกมรับกับการรับมือ ดิอาซ (ฝั่งซ้าย) และ ซาลาห์, TAA และ เฮนเดอร์สัน ที่ฝั่งขวา

การยืดหยุ่นในการทดแทนตำแหน่งของ ลิเวอร์พูล ที่บางครั้ง ดิอาซ ก็โล้ตามบอลมายืนในเขตโทษก่อนที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน จะเติมเกมรุกขึ้นมา

ถามว่าทำไมทีมเยือนใช้ตัวนอกพื้นที่เติมรุกได้แต่ ไบรท์ตัน ทำไม่ได้ คำตอบคือุคุณภาพในตัว cover ทั้งคู่เซนเตอร์ มาติ๊ป/ ฟาน ไดคจ์ หรือ ฟาบินโญ่/เฮนโด้ ที่พยายามตัดเกมและคอยอุดรูอยู่ตลอดซึ่งเจัาถิ่นไม่ multi-function ขนาดนั้น

การเสียโควต้าเปลี่ยนตัวหลัง อดัม ลัลลาน่า สำรองเล่นไป 5 นาทีเจ็บต้องออกทันทีทำให้ พ็อตเตอร์ ต้องเก็บโควต้าเอาไว้อีกแค่ตัวเดียว

การถูก “หงส์แดง” กินกลืนไปเรื่อยๆทำให้ ไบรท์ตัน หัวเสียในทุกเรื่องๆไม่ว่าจะร้องเอาลูกฟาว์ลหยุมหยิม การเล่นนอกเกมของ เนอัล โมเปย์ ที่นิสัยเกเรเป็นทุนเดิม ฯลฯ

ครับสีสันของ พรีเมียร์ลีก ถูกยืดอายุต่อไปอีกระยะนึงเพราะการบีบเข้ามาเหลือ 3 แต้ม (อีกรอบ) ทำให้ แมนฯซิตี้ ต้องว้าวุ่นใจไปอย่างน้อยๆ 2 วันหลังมีเกมมันเดย์ไนท์กับ คริสตัล พาเลซ

แม้เคยต้องผิดหวังกับ เอฟเวอร์ตัน ที่โดนยิงท้ายเกมเมื่อปลายเดือนที่แล้วแต่เชื่อว่าแฟน “หงส์” ไม่มีเข็ดพร้อมอดนอนเพื่อสวมวิญญาณเป็นชาวลอนดอนเนอร์ตาม “แช่ง” อีกซักครั้งครับ...


สถิติ สถิติ สถิติ

คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ทำแฮทริคใน พรีเมียร์ลีก ได้เป็นหนที่ 2 โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2008 พบ นิวคาสเซิ่ล และ 2 แฮทริคนี้ห่างกันนานถึง 14 ปีกับอีก 59 วัน เป็นการทำแฮทริคหน 2 ที่ใช้เวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ไปเรียบร้อยแล้ว

โรนัลโด้ (37 ปี 35 วัน) ยิงแฮทริคที่ 49 ในอาชีพการค้าแข้งในระดับสโมสรและเป็นนักเตะอายุมากที่สุดลำดับที่ 2 ใน พรีเมียร์ลีก ที่ยิงแฮทริค ตามหลัง เท็ดดี้ เชอริ่งแฮม ที่เคยทำไว้เมื่อปี 2003 (37 ปี 146 วัน)

“ปีศาจแดง” เอาชนะในบ้านไปแล้ว 400 เกมใน พรีเมียร์ลีก กลายเป็นทีมแรกที่แตะเลขนี้โดย 23 เกมในนั้นมาจากการโค่น สเปอร์ส ที่เป็นทีมที่พวกเขาชนะในบ้านมากกว่าทีมไหนๆอีกแล้ว

สเปอร์ส แพ้ 5 จาก 8 เกมหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก (ชนะ 3) เป็นตัวเลขที่ดูไม่ดีเลยเพราะก่อนหน้านี้แพ้ไป 5 เช่นกันแต่เล่นไปมากถึง 20 เกม (ชนะ 12 เสมอ 3)

มีเพียง สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด (212 ประตู - ยิง 120/แอสซิสต์ 92) คนเดียวเท่านั้นที่มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงมากกว่า โม ซาลาห์ (158 ประตู - 115/43) และตอนนี้ทำสถิติทาบ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เรียบร้อยแล้ว

อดัม ลัลลาน่า ถูกบันทึกสถิติที่ไม่ค่อยดีเอาไว้หลังเป็นนักเตะคนแรกร่วมกับ คีน กิลเลสพี ที่ถูกส่งลงสนามและถูกเปลี่ยนตัวออกใน พรีเมียร์ลีก ถึง 4 เกมแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย เบน ฟรีคิก เมื่อ Sun Mar 13, 2022 22:25, ทั้งหมด 4 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 07 Feb 2006
ตอบ: 20164
ที่อยู่: Theater of Dreams
โพสเมื่อ: Sun Mar 13, 2022 23:14
[RE: แฮตทริกต่ออายุ top 4 // ดิอาซ เดอะแบกตัวใหม่]
แปลกดีทำไมไม่มีคนเม้น
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: I am the RED & I hate Scousers
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Feb 2021
ตอบ: 3458
ที่อยู่: ที่เฉอะแฉะน้ำขัง
โพสเมื่อ: Mon Mar 14, 2022 00:11
[RE: แฮตทริกต่ออายุ top 4 // ดิอาซ เดอะแบกตัวใหม่]
แม็คกรวยกลัวสเปอร์สจะโดนด่ามากกว่านี้ เลยจัดให้ 1 คอนเทนต์งามๆ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel