ถ้าผมจำไม่ผิด “พี่ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตกองหน้าทีมชาติไทยเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าการลงเล่นในครึ่งหลังโดยที่รู้ว่าทีมตัวเองนำ 2 ลูกเป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลย

เฉกเช่นเดียวกับ ลิเวอร์พูล ที่ตุนมาเกมแรก 2-0 ถ้าเราตัดโอกาสจะๆ 3 หนของ โจเอล มาติ๊ป (1 คาน) และ โม ซาลาห์ (2 เสา) รวมๆแล้ว “หงส์แดง” ถ้าไม่จะแจ้งจะไม่ลองเสี่ยงในพื้นที่สุดท้ายเหมือนเกมปกติทั่วไป

แรง “ผลักดัน” ที่จะยิงเพิ่มมันน้อยกว่าการลงมาเล่นเอาชัวร์หรือภาษาบ้านๆคือไม่ได้ก็ต้องไม่เสียและอาจต้องมองๆหาจังหวะเปิด safe mode ที่ต้องลงเตะ 4 นัดใน 9 วันด้วย

ตรงกันข้ามกับ อินเตอร์ มิลาน ที่โจทย์วันนี้ยังเหมือนเกมแรกและถูกตั้งธงมาตั้งแต่อยู่ อิตาลี แล้วคือจะเป็นจะตายอย่างไรลูกแรกต้องมาก่อน (แต่ก็ต้องไม่เสียไวเช่นกัน)

เรื่องโชคดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้คือไม่ถูกทดสอบสภาพจิตใจหลังโดน เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ยิงประตูขึ้นนำเพราะชั่วพริบตาอีก 2 นาทีต่อมาเหลือ 10 ตัวหลัง อเล็กซิส ซานเชส โดนไล่ออก

พูดได้ว่าอดีตแข้ง อาร์เซนอล และ แมนฯยูฯ เป็นคนกล่าวไมค์ปิดงานทั้งๆที่ยังเหลือเวลาหรรษาอีกเกือบ 30 นาที

ด้วยตัวที่น้อยกว่าทำให้ “งูใหญ่” ไม่สามารถยกพลขึ้นมาเพรสได้แบบเก่าและจำยอมต้องเลือกเล่นตั้งรับในแดนตัวเองเพื่อหาจังหวะยิงประตูสำคัญจากเคาเตอร์แทน

“เล็กซี๊ด” โชคร้าย (ในจังหวะนี้) ที่ถูกไล่ออกเพราะจากภาพช้าแกพยายามสไลด์เล่นบอลแต่ด้วยโมเมนตั้มกลายเป็นตามน้ำเปิดปุ่มใส่ ฟาบินโญ่

ภาพจำในครึ่งแรกที่วางสูงใส่ ติอาโก้ ยังติดตาผู้ตัดสินทำให้แกไม่มีทางเลือกกับจังหวะนี้ (จริงๆให้แดงตั้งแต่ครึ่งแรกยังได้ด้วยซ้ำ)

ตามกฏ VAR หากเป็น 2 เหลืองจะไม่มีการเช็ก (ถ้าผู้ตัดสินเดินไปดูอาจรอด) แต่ถ้าใบแดงตรงๆถึงสามารถใช้เทคโนโลยีตรงนี้ได้

ครับในเมื่อ “หงส์แดง” ไม่สามารถจบสกอร์จากโอกาสจะแจ้งถึง 2 หนก่อนมาถูกลงโทษจากความผิดพลาดครั้งแรกและครั้งเดียวของ มาติ๊ป ส่งผลทำให้ลูกทีม เยอร์เก้น คล็อปป์ เสียสถิติชนะรวด 7 นัดในเวที UCL ในซีซั่นนี้แบบไม่ควรเลยจริงๆ

ในขณะที่ลูกยิงผีจับยัดของ เลาตาโร่ ที่ในความสวยงามนั้นส่วนหนึ่งมาจากการถูกบีบให้ต้องรีบตัดสินใจเพราะมีอยู่ตัวเดียวและเบื้องหน้าคือ เวอร์จิล ฟาน ไดคจ์ ที่เป็นตัวเร่งให้คุณไม่คิดอยากจะไปตอแวมากไปกว่ายิง

จากความพ่ายแพ้ครั้งนี้แม้จะยังผ่านเข้ารอบ 8 ทีม UCL ตามเป้าแต่นอกจากแฟนบอลแอบเซ็งและหงุดหงิดแล้ว

ต้องดูว่าจะส่งผลในเรื่องของความมั่นใจในการจบสกอร์ของบรรดาตัวรุกมากน้อยแค่ไหนเพราะบอกตรงๆว่าตอนนี้ หลุยส์ ดิอาซ ต้องมาคอยแบกตัวอื่นหลังลงมาแป๊บเดียววูบวาบทันตาเห็น

ถ้าไม่มีลูกบล็อกสุดมหัศจรรย์ของ อาร์ตูโร่ วิดัล ในช่วงทดเจ็บ ดิอาซ ไม่พ้นได้ชื่อเป็นฮีโร่ทั้งๆที่อยู่ในสนามไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ

ซาลาห์ ยังคงไม่ไปไหนอยู่ในร่างเก่า ฝืนเล่นฝืนยิง ลูกหลุดเดี่ยวตอนนี้ไม่เหลือความมั่นใจแล้วตั้งแต่เกมพบ เวสต์แฮม จนกระทั่งกับ อินเตอร์

ไฮท์ไลท์และประเด็นในเกมนี้หลักๆน่าจะมีเท่านี้จริงๆครับและผมพยายามนึกๆมองหา positive จากความพ่ายแพ้คาบ้านของ ลิเวอร์พูล จนมาได้ข้อสรุปที่ว่า

“หงส์แดง” โชคดีที่เกมนี้ไม่ใช่ พรีเมียร์ลีก และก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่แนวรับจะช่วยเก็บคลีนชีทได้ตลอดรอดฝั่งเช่นกัน...

สถิติ สถิติ สถิติ

ลิเวอร์พูล เข้ารอบ 8 ทีม UCL เป็นหนที่ 4 ใน 5 ซีซั่นหลังสุดโดยพลาดครั้งเดียวในปี 2019-20 (ร่วงรอบ 16 ทีม)

ชัยชนะ 7-1 ของ บาเยิร์น มิวนิคนับเป็นการยิง 7+ ใน UCL เป็นครั้งที่ 7 แล้ว มากกว่าทีมอื่นๆในรายการนี้ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กดแฮทริคภายใน 23 นาที เป็นการยิง 3 เม็ดที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ UCL (นับเฉพาะที่ออกสตาร์ตตัวจริง) โดยยึดที่ 1 มาจาก มาร์โก้ ซิโมเน่ ที่ทำไว้ 24 นาทีในเกมที่ เอซี มิลาน พบ โรเซนบอร์ก เมื่อปี 1996

โทษ คล็อปนะ สามตัวหน้า ควรมีใครโดนเปลี่ยน ตั้งแต่ นาที ที่ 60 แล้ว เพราะหน้า เก็บบอล ไม่ได้ เหมือนเตะใส่กำแพง แทนที่จะเอา ดิอาส ลงมา ครองบอล หาจังหวะ ฉาบฉวย โม วันนี้ไปไม่ได้ เจอ รุมสอง รุมสามก็ยังฝืนจะไป พอไปได้ ก็ไม่มีตัววมารองบอล ตรงกลาง

งงครับ เอาตรงๆ ถ้าหลัง หรือกลางเก๋าๆ มีใบเหลืองติดตัวเขาไม่สไลกันนะครับ เขาจะสไลแค่กวาดบอลออกข้าง หรือตัดบอลแบบธรรมดากัน อันนี้ไล่บอลกำลังครึก แล้วสไรพุ่งตรงไป ถ้าตามปกติ เขาแจกเหลืองกันได้ครับ จังหวะ 50-50 เล่นบอล หรือป่าวไม่สน คุณเล่นสไลพุ่งชน กระทบ โดนร่างกายหน่อยก็ถือว่าฟาวอันตรายครับ ไม่งั้นก็เล่นวินนิ่งกด O รัวๆกันแล้ว สไลบอล ผมแทบไม่เคยเห็นซาร่าสไลบอลนะ แบบพุ่งเข้าใส่ แล้วพวกมีเหลือง จังหวะแบบนี้ทำกันก็เจอไล่ประจำ

และอีก1 เหตุผล ครึ่งแรกคุณเข้าบอล เหลืองแก่ๆ ไปแล้ว ยังเข้าแบบนี้อีก ถ้าเพิ่งทีแรกก็ถือว่าไม่เหลืองได้ แบบนี้ผมว่าเหลืองได้นะ เข้าฟาวมาทั้งเกมหลายที เล่นหนักตลอด

ผมว่าคล็อปไม่ได้จะมาเอาชนะ​ แต่เน้นความเข้าใจในการไล่บอล​ สามคนเลยได้อยู่นะ

กลางเราครองบอลนานไปครับ กลางอินเตอร์เบิ้ลจังหวะเดียวตลอด เพรสกันไม่จน

แต่เข้าใจได้นะ ต้องโรเตชั่นบ้าง สองกลางลงมาวิ่งได้ดีเลย

การขึ้นบอลทางกราบไปซาล่าห์เป็นจุดแข็งก็จริง แต่เปนดาบสองคมด้วย นัดเสียประตูให้เชลซี ก็ทรงนี้รูดิเกอรดักเก็บซาล่าหได้ บอลวิ่งผ่าน อารโนลดที่ลอยสูงมาหน้ากรอบโดยเร็ว ถ้าไม่ตัดฟาวลวิ่งถอย ก็โดนล่อเป้า