ถ้าประเพณีแบบดั้งเดิมของชาวบ้าน ในภาคอีสาน
การแห่นาค จะมีแค่ขบวนแห่ของญาติๆ และก็คณะกลองยาวมาบรรเลง ชาวบ้านก็จะฟ้อนรำ ตามประสา เฮฮากันไปเบาๆ
ซึ่งถ้าถามว่าทำไมภาคอีสานบวชนาคต้องมีดนตรี จริงๆวิถีชีวิตของคนอีสานล้วนเกี่ยวข้องกับดนตรีแทบทั้งสิ้น อย่างการลงแขกเกี่ยวข้าว ลงแขกเสร็จ ก็จะมีการบรรเลงดนตรี เป่าแคน ดีดพิณ เฮฺฮา เอาเหล้าต้มเหล้าไหที่ทำไว้มาแบ่งกันกิน รวมถึงเซ่นไหว้ผี บรรพบุรุษด้วย เอาง่ายๆคือคนอีสานมักม่วน
ส่วนปัจจุบัน เปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนจากกลองยาว เป็นรถแห่ ลำโพงเสียงดัง เหล้าต้มเหล้าไห เปลี่ยนเป็น เบียร์ เหล้าขาว ค่านิยมของวัยรุ่นในยุคนี้คือเน้นเต้นให้กวนตีนเข้าว่าต่างจากยุคก่อนที่เน้นการฟ้อนรำแบบสวยงาม

ผมก็คนเหนือแถวบ้านจะแห่เข้าวัดแบบไม่มีรำวง แต่พอนาคเข้าวัดเสร็จพ่อแม่นาคจะเลี้ยงที่บ้านแค่นั้นครับ(แล้วแต่บุคคล) ไม่เคยเห็นรำหน้าวัดแบบนี้เหมือนกัน 555555

งานบวชผม ไม่มีอะไรเลย ไม่มีดนตรี ไม่มีรถแห่ เดินวนรอบโบสถ์แล้วก็ทำพิธี (บวชในกทม.)
ตอนนั้นพึ่งเรียนจบเลยอยากบวชให้พ่อแม่ (พ่อแม่ไม่ได้ร้องขอด้วย)

พอบวชได้3ปี พ่อแม่เปลี่ยนศาสนาไปเป็นคริสเตียน
พ่อถามว่า ตอนนั้นมึงจะบวชให้กูทำไม55555

แต่อย่างว่าของแบบนี้นานาจิตตัง ผมคนธรรมดาไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร คิดว่าบวชเพื่อศึกษาโลกธรรมะเฉยๆ

ผมคนใต้ งานบวชนี่คือจัดเต็มจัดหนักโคตรเปลืองเงินเลย


ผมยังไม่บวชเพราะโควิด

แต่ตั้งใจไว้ว่างานบวชผมจะจัดแบบธรรมดาๆ ไม่อยากให้มีฆ่าสัตว์เพื่อมาใช้เลี้ยงแขก ไม่มีสุรา ห้ามเล่นการพนัน

คัดคนที่มางาน นี่คือที่ผมตั้งใจนะ


แต่รู้ดีว่าพ่อแม่ คงอยากมีแขกมาเยอะ เลี้ยงนั้นนี้จัดเต็ม ได้แต่เฮ้อในใจถ้าโควิดดีขึ้นแล้วต้องบวช

ตอนนี้ผมย้ายมาตั้งรกรากที่เหนือแล้วนะ ก็สงสัยเหมือนท่านเลย

แต่อีกมุมนึง ผมก็อดสงสัยเรื่องงานปอยเหมือนกันนะ แห่ซะจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
อีกงานก็พวกงานเลี้ยงของญาติพี่น้องตอนรับปริญญา คือ จัดซะแบบเอิกเกริกมากก

งานปอยถ้าทางนอกๆเมืองนี่จริงจังกันมาก ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเหมือนกัน แต่ปอยของทางเหนือถือเป็นงานใหญ่เหมือนกันนะ ส่วนเลี้ยงปริญญาผมก็พึ่งเคยมาเห็นเหมือนกัน บางบ้านจัดเป็นงานฉลองเรียนจบเลย ขึ้นป้ายด้วย 555