สงครามรัสเซียในมุมมองคนรัสเซีย
เห็นหลายๆท่านถกประเด็นกันเรื่องสงครามยูเครนในครั้งนี้ ผมเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์บ้างครับ
รูปต่อไปนี้จะเป็นบทสนทนาระหว่างผมกับอาจารย์สมัยที่ผมไปเรียนชื่อยูเลีย โดยที่อาจารย์กับแม่เป็นรัสเซียแต่มีเชื้อสายยูเครนครับ
เริ่มต้นผมก็ทักทายอ.ไปก่อน บอกว่าได้ดูข่าวแล้วสถานการณ์เลวร้ายมาก แกเลยบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี แกกับแม่โทรหาญาติที่อยู่ยูเครนทุกวัน ญาติแกบอกว่าอย่าเชื่อในสิ่งที่สื่อเสนอออกมามากนัก แหล่งข่าวมีคำหลอกลวงมากเกินไป เมืองที่ญาติแกอยู่นั้นยังไม่เห็นทหารหรือการต่อสู้เลย
อ่าว ผมก็งงล่ะสิ ยังไง เลยถาม แกไปว่าญาติแกอยู่เคียฟรึเปล่า
ระหว่างนั้นเลยบอกแกไปว่าข่าวจากทั้งฝั่งยูเครนและรัสเซียเชื่อถือไม่ค่อยได้ (มันมีความจริงอยู่นะครับเรื่องบาดเจ็บล้มตาย แต่ในที่นี้ผมหมายถึงเจตนาที่สื่อออกมาจากสื่อต่างๆ)
ระหว่างนี้แกก็บอกว่าไม่มีการยิงเกิดขึ้น แต่มีบังเกอร์ทหารมาตั้งอยู่ในเมือง ร้านค้ายังเปิดตามปกติ ญาติแกยังเดินไปซื้อของอยู่เลย ผมเลยบอกว่ายังดีที่ญาติแกยังไม่เป็นอะไร ยังไม่ถึงขนาดร้ายแรงตามที่ข่าวแสดงออกมา แกก็บอกว่ามันน่ากลัวสิ นี่มันคือสงครามนะ และมันน่ากลัวอยู่แล้ว
คราวนี้แกก็ตอบผมว่าญาติแกอยู่ที่ อัคตึยรก้า (อัคทีรก้า), ซูมึย (ซูมี), คาร์โคฟ (คาร์คีฟ), ดนีโปร และลโวฟ (ลวีฟ) ซึ่งในเมืองไม่มีการยิงเกิดขึ้นตามที่กล่าวอ้าง แกจะเชื่อเฉพาะญาติแกเท่านั้นและจะไม่เชื่อสื่ออื่นเลย แกต่อต้านสงครามและช็อคมากตอนที่รัสเซียประกาศสงคราม
ระหว่างนี้ผมก็บอกแกว่ารู้สึกเฟซมันหน่วงๆ ไม่เร็วเหมือนก่อน
แกก็บอกว่าแกเพิ่งคุยกับญาติเมื่อวันที่ 23 นี้เอง แล้วก็มีการประกาศสงครามเลย ทีนี้แชทเฟซมันหน่วงๆแกก็เลยเพิ่งตอบว่าก็ไม่มีญาติอยู่ที่เคียฟ เลยไม่สามารถระบุได้แน่ๆว่าที่เคียฟเกิดอะไรขึ้นบ้าง และหวังว่าจะคิดได้กันและหาทางเจรจากัน
ระหว่างนี้ผมก็พิมพ์ไปว่าตอนนี้ที่โน่นเขาไม่ใส่หน้ากากกันแล้วเหรอ เห็นตอนที่มีการประท้วงก็ไม่ใส่กันตั้งเยอะ ผมก็บอกไปอีกว่าตอนนี้รู้สึกว่าพิมพ์รัสเซียช้าลง ไม่ได้พูดรัสเซียมาหลายเดือนแล้ว และเห็นด้วยว่าควรหาทางออกและเจรจากัน
พอแกบอกว่าไม่มีญาติที่เคียฟผมเลยบอกว่าเห็นในข่าว สภาราด้า (รัฐสภายูเครน) ได้แจกอาวุธกับว้อดก้าให้เอาไปทำโมโลตอฟกันแล้ว ทีนี้แกเลยบอกว่าเพื่อความกระจ่าง แกก็แจกแจงให้ฟังว่า
มามา (แม่แก ซึ่งผมก็เรียกแกว่าแม่เหมือนกัน) เกิดที่อัคตึรก้าในยูเครนนะ พวกยูเครนทั้งเขียนและพูดกันว่าตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้มีการปะทะเกิดขึ้น แกก็บอกเนี่ยแกแนบรูปไปให้ดูเลยว่าสื่อออกมาว่าอย่างไร แต่พี่ชายแกกับลุงที่อยู่ที่ยูเครนบอกว่าไม่มีเลย ไม่มีทั้งรัสเซียและยูเครนทั้งนั้น มีบังเกอร์ทหารยูเครนในเมืองก็จริง แต่ไม่มีใครไปทำอะไรพวกเขา ทหารยูเครนก็แค่นั่งอยู่ในนั้นเฉยๆ
ตอนท้ายแกตอบผมว่าแกเองก็ไม่ต้องการสงครามนะครับ ซึ่งผมเองก็ไม่ต้องการ
ทีนี้แกสาธยายเลยว่าแกมีเลือดยูเครนยังไง แกบอกว่าคุณตาเป็นคนยูเครน คุณยายเป็นชาวคอสแซคจากคูบัน ส่วนฝั่งพ่อคุณปู่เป็นรัสเซียจากอัลไต คุณย่าเป็นชาวโปแลนด์ หลังจากแกเล่าแกก็ย้ำว่า ความสัมพันธ์ทางเครือญาติมันเป็นแบบนี้แล้วจะสู้กันได้ยังไง
ทีนี้แกคงเพิ่งเห็นข้อความผมว่าเฟซมันหน่วง แกเลยบอกหน่วงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เทเลแกรมแชทได้ปกติ (ซึ่งตอนแรกผมเทเลแกรมไปหาแกก่อน แต่แกไม่ตอบ มาตอบเฟซแทน งง)
ผมบอกแกไปก่อนหน้าว่าทุกคนต่อต้านสงครามครั้งนี้ มีแต่ไอ้พวกบ้าที่เห็นด้วย แกบอกใช่ เพราะงี้แกถึงรู้สึกละอายกับการตัดสินใจของรัสเซียในครั้งนี้
แกเล่าให้ฟังอีกว่าเมื่อวานแม่แกโทรหาญาติรายคน ร้องไห้และกล่าวขอโทษครอบครัวที่อยู่ที่ยูเครน ซึ่งแกบอกว่าคนรัสเซียเกือบจะทุกครอบครัวต่างก็มีความสัมพันธ์กับผู้คนในยูเครนทั้งนั้น
ผมบอกแกไปว่าที่ไทยก็มีพวกที่สนับสนุนสงครามเหมือนกัน ซึ่งผมละอายมาก แกก็บอกว่าที่โน่นก็มี เสียใจด้วย ส่วนข้อความถัดมาแกตอบเรื่องคนใส่หน้ากากว่าเมื่อก่อนมันไม่ใส่ยังไง ตอนนี้มันก็ไม่ใส่นั่นแหละ ส่วนแกกับแม่น่ะใส่นะ แต่ติดโควิด 2 ครั้งละ
แกตอบที่ผมบอกว่ามีการแจกจ่ายอาวุธให้พลเมืองยูเครนแล้วว่าเป็นข่าวร้าย จะต้องมีการสูญเสียเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย พวกนักการเมืองต้องการที่จะเห็นเลือดมากกว่านี้
อันนี้ผมพิมพ์ยาวนะครับ บอกแกไปว่าไม่รู้จะว่ายังไงดี วันนี้ผมก็คุยกับแฟนว่าถ้าผมเป็นปูตินก็อาจจะต้องตัดสินใจอย่างนี้เหมือนกัน
หลังจากโซเวียตล่ม อเมริกาและตะวันตกก็ไม่ได้มองว่ารัสเซียเป็นเพื่อนบ้านหรือเป็นพาร์ทเนอร์กัน นาโต้ยังคงขยายอิทธิพลเข้ามาเรื่อยๆแม้ว่ากลุ่มสนธิสัญญาวอร์ซอว์จะล่มสลายไปแล้ว มีการติดตั้งฐานขีปนาวุธในกลุ่มประเทศเหล่านั้นเพื่อต่อต้านรัสเซีย ซึ่งผมก็คิดในใจว่า เพื่อ? ผมไปอยู่รัสเซียมาเกือบ 5 ปี ตอนนี้รัสเซียก็คือรัสเซีย ไม่ใช่โซเวียตแล้ว ทำไมประเทศเหล่านั้นถึงไม่เลือกที่จะผูกสัมพันธ์กับรัสเซียในฐานะมิตรประเทศ ถ้ามีใครซักคนเอาปืนมาจ่อหน้าบ้าน ผมก็คงไม่ทนเหมือนกัน นาโต้กับอเมริกาไม่ได้ใช้เวลาที่ผ่านไปในการกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซียให้ดีขึ้นเลย แต่กลับกระทำการยั่วยุแทน
ผมย้ำไปอีกครั้งว่า
"ผมเกลียดสงครามและปูติน" มันคืออาชญากรรมและบาปมหันต์ แต่อเมริกากับยุโรปอื่นๆก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นกับยูเครนด้วย ในทวิตเตอร์พูดกันแค่ด้านเดียว ไม่มีใครกล่าวถึงเลยว่าในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประเทศตะวันตกเหล่านั้นทำอะไรกับรัสเซียบ้าง พูดกันแต่ว่ารัสเซียเป็นอาชญากร แต่ไม่พูดถึงในสิ่งที่อเมริกาและประเทศเหล่านั้นทำเลย และผมหวังว่าสงครามอันไร้ประโยชน์นี้จะสิ้นสุดลงโดยไว ไม่ให้เกิดการสูญเสียและความทุกข์ทรมานขึ้นอีก
แกก็บอกว่าถูกต้อง เรา (หมายถึงคนรัสเซีย) ก็ไม่ชอบความสัมพันธ์แบบนี้ เราต่างก็เป็นไอ้ขี้เมาในแบบที่เคยเป็นนั่นแหละ (หมายถึงชินในสิ่งเดิมๆ)
แล้วแกก็เล่าให้ฟังว่าตอนนั้นแกไปนั่งในร้านอาหารแห่งนึงในปารีส แกไปกับหลานอายุ 12 ขวบ บริกรเข้ามาถามว่าจะรับอะไรดีครับ คุณมาจากรัสเซียใช่มั้ย แล้วก็รีบเปิดเมนูไปหน้าว้อดก้าทันที อ.ผมเห็นแกก็บอกแกไม่ดื่ม บริกรบอกว่าไม่ใช่สำหรับคุณครับ ให้กับหนุ่มน้อยคนนี้ ซึ่งหลานแกอายุแค่ 12 แกบอกว่ามันเป็นการดูหมิ่นกันอย่างมาก (บริบทนี้คือแกจะบอกว่าคนยุโรปก็ดูถูกรัสเซียว่าเป็นไอ้พวกขี้เมา)
ผมเลยบอกว่าผลมันเลยเป็นแบบนี้ไง ผมเชื่อว่าหลังจากความขัดแย้งนี้จบลง มโนทัศน์ของคนก็จะยังไม่เปลี่ยน แม้ว่าจะมีคนรัสเซียมากมายที่ต่อต้านสงครามครั้งนี้และไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผู้นำ แต่มโนทัศน์ที่เกิดขึ้นส่ารัสเซียเป็นแบบไหนเป็นอย่างไรมันก็คงไม่เปลี่ยนภายใน 2-3 วันแน่นอน
แต่อย่างน้อยผมก็จำได้ว่ารัสเซียเป็นประเทศที่สวยงามนะ และมีคนรัสเซียดีๆอีกมากมาย ทั้งอ.และแม่แก
แกเลยบอกขอบคุณมาก รู้สึกดีมากที่มีพวกเธอ (หมายถึงผมกับแฟน) ผมเลยบอกว่าตลอดไป แต่ตอนนี้ขอตัวไปนอนก่อน ง่วงแล้ว ฝากทั้งทายแม่ด้วยนะ
ผมไม่รู้ว่าทุกท่านจะอ่านจบมั้ยนะครับ แต่ที่ผมจะบอกก็คือ เราทุกคนล้วนต่อต้านสงครามครั้งนี้ คนรัสเซียเองก็รู้สึกเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น สงครามที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ต่างจากการที่ญาติพี่น้องฆ่าฟันกันเอง เป็นสงครามที่เกิดขึ้นโดยคนส่วนใหญ่ไม่ได้ร้องขอ
แน่นอนว่าปูตินจะถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรสงคราม แต่เราต้องไม่ลืมสาเหตุด้วย แน่นอนว่าเราต้องยืนหยัดในหลักการว่ารัสเซียนั้นผิดและละเมิดอธิปไตยของประเทศอื่น แต่ในขณะเดียวกันประเทศอื่นๆที่ในพาความสัมพันธ์ที่มีต่อรัสเซียมาถึงจุดนี้ก็ต้องช่วยกันรับผิดชอบ ยูเครนต้องกลายเป็นสนามรบและผู้คนบาดเจ็บล้มตาย ในขณะที่สื่อฝั่งพระเอกชี้ไปที่ผู้ร้ายแบบหล่อๆ เราต้องยืนยันครับว่าเราไม่สนับสนุนสงคราม ประณามผู้ก่อสงครามครั้งนี้ แต่ในขณะเดียวกัน นาโต้ก็ต้องลดบทบาทและถูกยุบไปพร้อมๆกับการฟื้นความสัมพันธ์กับรัสเซียขึ้นมาใหม่ด้วย ให้โลกนี้ปราศจากสงครามครับ