"ยูนิค-ซิโนไทย" ยื่นฟ้อง รฟท. เรียก 7,200 ล้านบาท แบบนี้มีกลิ่นไหม???
นายจิรัฏฐ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาในปลายปี 2563 เมื่อรัฐมนตรีถูกถามเรื่องกำหนดการเปิดสายสีแดง นายศักดิ์สยาม ระบุว่า ตอบไม่ได้จะเปิดได้เมื่อไร ต้องรีบเคลียร์ประเด็นค่างาน VO ให้ได้ก่อน
เพราะถ้าหาเงินมาจ่ายไม่ได้ก็จะโดนเอกชนฟ้อง และต้องเลื่อนวันเปิดสถานีออกไปอีก แต่หลังจากนั้นผ่านไปไม่กี่เดือน กระทรวงสาธารณสุข โดย
นายอนุทิน ก็เอาสถานีกลางบางซื่อไปใช้เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเสียอย่างนั้น คำถามต่อทั้ง
รมว.คมนาคม และรมว.สาธารณสุข ท่านไม่สนิทกันอย่างนั้นหรือ เหตุใดจึงไม่คุยกันให้รู้เรื่องก่อนว่า ถ้ายังไม่จ่ายเงินผู้รับเหมา จะเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อไม่ได้ เพราะอาจจะถูกฟ้องขึ้นมาได้ และที่สงสัยไปกว่านั้น คือ
ลูกชายและลูกสาวของ นายอนุทิน ไม่ได้คุยกันหรืออย่างไรว่า อย่ามาใช้สถานีกลางบางซื่อ เพราะลูกจะฟ้องแน่
นายจิรัฎฐ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นไม่กี่เดือนกิจการร่วมยูนิค-ซิโนไทย ก็ได้ยื่นฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการ เรียกค่าเสียหายจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นเงิน 7,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่างาน VO 4,500 ล้านบาท สำหรับงานค้างจ่ายค่ารีเทนชั่นรวมถึงดอกเบี้ย โดยคำฟ้องที่ใช้เป็นความชอบธรรมในการฟ้องครั้งนี้ ระบุว่า "การรถไฟแห่งประเทศไทยในฐานะจำเลย ได้ใช้ประโยชน์จากงานที่โจทก์ทำ โดยการนำสถานีกลางบางซื่อไปทำเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ"
"ช็อกไหมล่ะครับ ที่อื่นมีตั้งเยอะแยะทำไมต้องมาใช้ที่นี่ กระเบื้องที่นี่มันกันเชื้อหรืออย่างไร แต่พอผมได้เห็นคำฟ้องผมจึงได้ถึงบางอ้อ" นายจิรัฏฐ์ กล่าว
นายจิรัฏฐ์ กล่าวอีกว่า คดีนี้มองจากมุมไหนการรถไฟแห่งประเทศไทยก็แพ้ แต่การแพ้คดีนี่เองที่จะทำให้รัฐมีเงินไปจ่ายผู้รับเหมาทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาตั้งกรรมการมาสอบด้วย รอดตัวกันหมด รัฐมนตรีไม่ต้องเสี่ยงอนุมัติงานที่มีข้อน่าสังเกตมากเช่นนี้ ครม.ก็รอดเพราะไม่ต้องเสี่ยงอนุมัติ การรถไฟแห่งประเทศไทยก็ได้เงินไปจ่ายผู้รับเหมา โดยที่ไม่ต้องเอาเรื่องเข้า ครม. ส่วน ยูนิค-ซิโนไทย ก็รอดเพราะทวงเงินสำเร็จ แต่ที่แพ้คือประเทศชาติและประชาชน เพราะต้องเอาเงินของประชาชนไปเสีย
https://www.thairath.co.th/news/politic/2319861