ผมโคตรแปลกใจในหลายๆคำตอบเลยนะ อย่างเช่นที่บอกว่า สึกออกมาแล้วก็อยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ลองเที่ยวบ้าง กินดื่มบ้าง

คือการบวชมานานไม่ได้ทำให้เข้าใจชีวิตหรือหลักการดำเนินชีวิตที่ถูกที่ควรเลยเหรอ

เทียบกับแพทที่ออกมาจากคุก การพูดจา การวางตัว คือดูแล้วมันคือคนที่ถูกการขัดเกลาจิตใจมาแล้ว มันผ่านการคิด ไตร่ตรอง

ว่าออกมาจากคุกแล้วจะใช้ชีวิตแบบไหน แต่อีกท่านออกมา ไปท้าชกคนอื่นงี้ การพูดการจากลายเป็นคนละคนเลย

จะผิดไหมครับ ถ้าผมจะบอกว่า ก็อ่านหนังสือ หนังสือธรรมะ ก็มีเยอะแยะ ไม่ก็ ดูเว็ปไซต์ แล้วเอามาสอนคนอื่น ซึ่งใครๆก็ทำได้ แต่ที่พระทำจนได้ดี เพราะมีคนกราบไว้ และเชื่อฟัง แค่นั้น ลองเอาลุงบ้าๆที่นั้น มาอ่านให้ฟังก็ไม่มีคนเชื่อ

พระภิกษุก็เหมือนครูครับ แต่ละคนก็มีหลักการที่ต่างกันไป จะนำสิ่งที่ได้จากที่ฝึกมา (จากพระพุทธเจ้า) สอนนักเรียนอย่างไร บางคนก็ไปหลงกับสายอื่นที่ไม่ใช่ทางสายเอก แต่ตัวเองแต่งชุดเครื่องแบบพระสงฆ์อยู่ แก่นแท้คือพระธรรม หลักการปฏิบัติให้พ้นจากทุกข์ ที่สุดของศาสนาพุทธมันอยู่เหนือความว่างเปล่าครับ ซึ่งแน่นอนเราๆท่านๆไม่เคยได้สัมผัสแน่นอนครับ

นิสัยแกเป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยเป็นพระแล้วล่ะครับ แต่พอเป็นพระแล้วจะทำอะไรก็ได้ไม่เต็มที่
และแกรู้ตัวว่าแกยังละกิเลสไม่ได้ แกเลยสึกออกมาไงครับ

ต่างจากกรณีแพทอยุ่แล้วครับ แพทเค้าเคยใช้ชีวิตวันรุ่นมาแล้ว หลงในแสงสีเสียงมาแล้ว พออยุ่ในคุกเลือกวันที่จะออกมาไม่ได้ทำอะไรตามอำเภอใจแทบไม่ได้ เลยต้องสำรวม

ของสมปอง อยู่วัดตั้งแต่เด็ก ไม่เคยหลงในแสงสีเสียงที่อโคจร สมปองแกออกมาก็เป็นคนธรรมดา
แต่บางคนนี่ก็ยังยึดติดว่าแกจะต้องทำตัวเหมือนพระอยู่ได้

แต่ประเด็นคือแกเป็นพระนักเทศน์ สอนคนเยอะแยะไงครับ ถ้าแกเป็นแค่พระธรรมดาทั่วไป ยังพอเข้าใจได้

เค้าสอนการใช้ชีวิตตามหลักพุทธศาสนาครับ มันก็ make sense นะ

พระที่ละได้หมดทุกอย่างคือพระอรหันต์อ่ะครับ จะสอนคนมาเยอะมาน้อยก็ไม่เกี่ยวหรอก

แล้วสมปองแกไม่ใช่อรหันต์ สึกออกมาหลงในกิเลส ผมว่าไม่แปลกนะ เพียงแต่คนจ้องจับผิดนั่นล่ะ

น่าแปลกใจเรื่องคนนับถือแกมากกว่า จะบอกว่าเป็นพระนักเทศน์แต่เวลาเทศน์จริงๆก็เล่นมุก 70-80% เลยนะเหมือนดูทอร์คโชว์มากกว่า ถ้าใครสายธรรมะจริงๆควรไปหาหนทางอื่นอ่ะเอาจริงๆ แต่ถ้าใครชอบแบบเอนเตอร์เทนฟังจบแล้วก็จบไปก็มาฟังกันได้

จริงครับ สไตร์แกพูดเก่ง ยิ่งมุขโบ๊ะบ๊ะ คือไม่ใช่แนวพระที่เคร่งศีลอะไรอยู่แล้ว

แต่พอสึกแล้วทำไมคนถึงคาดหวังให้แกยึดแนวทางสำรวมแบบพระอยู่ ผมก็สงสัย

ปกติ ยิ่งอยุ่วัดดัง วัดใหญ่มีงานทุกวัน เค้ามานิมนต์ไม่ไปไม่ได้ด้วย ยิ่งสวดได้นี่สบาย พอสึกต้องถามว่าได้เงินเท่าไหร่เลย

เห็นข่าวนึงที่วัดบึงกาฬบอกไม่มีการเอาไฟฟ้า ประปาเข้าวัด ไม่รับเงินบริจาคเรี่ยไร(จนกว่าจะมีการสร้างอะไรสักอย่างถึงจะขอที) เป็นวัดป่า เพราะการนำเอาไฟฟ้าเข้ามาเหมือนนำกิเลสเข้ามาด้วย แล้วต้องหาเงินมาจ่ายมันอีก ประปาก็เช่นกัน พระหาบน้ำมาใช้เองได้ เพราะมีกันแค่ไม่กี่รูป

การที่นำเอาสิ่งเหล่านี้เข้าวัด อินเตอร์เนท เงินบริจาคต่างๆ ผมมองว่ามันคือการนำกิเลสเข้าวัด ทั้งๆที่พระควรห่างไกลจากมันให้มากที่สุด กรณีทิดทั้ง 2 คนผมว่ามันก็มีที่มาจากตรงนี้ด้วยนะ แล้วเพื่อนผมบอกทิดเนี่ยเวลาจะนิมนต์มาบรรยายต้องนิมนต์มาทั้งคณะ ต้องมีหลายหมื่นเกือบแสนเหมือนกัน

คนที่ผมรู้จัก3คน ที่เกาะกับผ้าเหลือง 1คนเพื่อนมัธยม หนีมาบวชตั้งแต่16
ไปเจอแรกๆก็ช๊อต เพราะไม่คิดว่าความเป็นพระในอุดมคติจะเป็นแบบนี้ ดูดบุหรี่ พระเณรก็เล่นวินนิ่งตี1ตี2
มันเอาเงินไปหมดกับการเล่นของขลัง พอดีอยู่ต่างจังหวัด เลยต้องนอนที่ห้องมัน กุมารทั้งห้อง
พระเครื่องไม่ค่อยเล่น เน้นแต่พวกเล่นของ หาเอาในเนต

อีก2คนนี้คือหนีตาย คนนึงบังเอิญได้คิวมาสวด คุยกันได้แค่อ้อมๆมันไม่ตอบลึก แค่แนวๆหาทางออกไม่ได้
แต่อีกคนอันนี้หนัก และพีคสุด จากหนีหนี้คนอื่นตามทวง ปิดเฟสหนี
หายไป9เดือน โผล่มาอีกที เปิดเฟส บวชเป็นพระ มีเงินในบัญชี6หลัก แถมถอยรถโชว์ให้ดูอีก