กว่าจะเป็น หลุยส์ ดิอาซ ในวันนี้
กว่าจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นของสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างลิเวอร์พูลได้
หนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจของเขา มันเป็นเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งที่มีความเพียรพยายามอย่างหนัก
ผลักดันตัวเองจากจุดที่ไม่มีอะไรเลย ก้าวมาจนถึงจุดนี้

เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 17 ปี เขามีน้ำหนักน้อยมาก เพราะดิอาซเกิดจากครอบครัวที่อยู่ในภูมิภาคที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศโคลอมเบีย เติบโตขึ้นมาใกล้กับนิคมเหมืองแร่ เขากินแพะเป็นอาหารแทบทุกมื้อ เขาไม่มีโทรทัศน์ และในตอนเย็นเขาจะฟังเรื่องเล่าจากคุณยายของเขาเท่านั้น

เขาเป็นลูกหลานของชนเผ่าวายูในลากัวฮิรา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่เหนือสุดของประเทศโคลัมเบีย เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกกีดกัน ถูกลืม และไม่ได้รับการช่วยเหลือมากที่สุดสำหรับประเทศนี้

เด็กหนุ่มวัยเพียง 17 ปี ที่มีน้ำหนักน้อยมาก กำลังเล่นอยู่ในสนามฝุ่นตลบในหมู่บ้านห่างไกลของเขา และแน่นอนเขาไม่ได้เป็นที่รู้จักของใครเลย เขามักที่จะเดินทางออกจากบ้านโดยใช้เวลานานพอสมควร เพื่อที่จะไปเล่นฟุตบอลในสนามที่เขาเล่นเป็นประจำ

มาวันหนึ่งโคลอมเบียกำลังมองหาทีมสำหรับการแข่งขัน Copa America of Indigenous People ในประเทศชิลี และครอบครัวของดิอาซก็ได้รับเลือกเพื่อทดสอบฝีเท้า ซึ่งในตอนนั้นเขาถูกมองว่าเป็นเด็กที่ดูผอมเกินไปที่จะเล่นฟุตบอลได้ แต่ในการทดสอบฝีเท้าตอนนั้นเขาสามารถสร้างความประทับใจได้อย่างมาก จนถูกเลือกติดทีมในที่สุด

และในการเดินทางไปเล่นที่ชิลี เขาสามารถสร้างความประทับใจได้อีกครั้ง และดึงดูดสายตาของ คาร์ลอส วัลเดอรามา ตำนานนักเตะทีมชาติโคลอมเบีย จากนั้นวัลเดอรามา ก็พาเขาไปที่สโมสรจูเนียร์ บาร์รันกีย่า เพื่อทดสอบฝีเท้า และแน่นอนพวกเขาประทับใจและชื่นชอบดิอาสมาก จึงทำการส่งตัวเขาไปยังสโมสร บาแรนคิลล่า ซึ่งเป็นสโมสรในเครือที่สองของพวกเขา

ตอนย้ายไปที่นั่นแรกๆ เขาถูกทักเรื่องน้ำหนักตัวที่น้อยเกินไป จากนั้นก็ได้มอบหมายภาระกิจแรกคือการออกกำลังกายและเพิ่มน้ำหนักให้ได้ โดยครั้งนี้เป็นการออกกำลังกายที่จริงจังตามหลักมาตรฐาน และเขาต้องกินอาหารที่ช่วยเพิ่มโปรตีนในทุกๆมื้อ จนในที่สุดเขาสามารถเพิ่มน้ำหนักได้มากกว่า 10 กิโลกรัมในเวลาไม่นาน และมีมวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

หลังจากนั้นเขาก็สร้างความประทับใจ และแสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่บาแรนคิลล่า จนในที่สุดปี 2017 เขาถูกดึงตัวกลับไปที่สโมสร จูเนียร์ บาร์รันกีย่าอีกครั้ง และจากนั้นในปี 2019 เขาก็ถูก เอฟซี ปอร์โต้ ดึงตัวไปร่วมทีมในราคา 7 ล้านยูโร โดยได้รับสัญญา 5 ปี และตลอดเวลาที่อยู่กับ ปอร์โต้ 2 ฤดูกาลครึ่ง เขาทำผลงานอย่างโดดเด่นมากมายจนก้าวขึ้นมาเป็นแข้งชื่อดังของยุโรป และสร้างชื่อในศึกโคปาอเมริกาครั้งล่าสุด โดยทำผลงานเป็นดาวซัลโว เคียงคู่กับยอดแข้งแห่งยุคอย่าง ลิโอเนล เมสซี่

จนถึงวันที่ชีวิตของดิอาสได้เปลี่ยนอีกครั้งนึง เมื่อเขากำลังจะย้ายมาเล่นให้กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่อีกหนึ่งสโมสรของยุโรปอย่างลิเวอร์พูล นับเป็นการเดินทางของนักเตะชาวเขาจากเผ่าวายูที่น่ามหัศจรรย์มากๆ ที่ดิอาสพาตัวเองก้าวมาถึงจุดนี้ได้



ปล. อ่านแล้วก็ชื่นใจคับ ทีมเราชอบนักเตะแบบนี้ แบบที่มาจากดินเลย ไม่ติดหรู มุ่งมั่นที่จะเล่นฟุตบอล
สังเกตุหลายตัวที่บอสซื้อมาก็แนวๆนี้ทั้งนั้น ปูมหลังชีวิตของซาร่า มาเน่ ก็ไม่หนีจากดิอาสเท่าไหร่

ใช่ๆ น่าคิดนะ ช่วงหลังๆ จะซื้อใคร ย้อนไปดูถึงประวัติตอนเด็กเลยมั้ย 5555

เพิ่งอ่านอันนี้ของเพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง ประวัติไม้เขียวนี่ครอบครัวอย่างดีเลยนะ ชนะรางวัลเด็กน่ารักประจำเมืองด้วย

พอโตขึ้นเข้าด้านมืดซะงั้น โอ๊ยย

ชอบนะเด็กสู้ชีวิต แบบฟีโน่สมัยก่อนก็ลำบาก ยิ่งกว่านั้นคือมีใจอยากมาเล่นกับลิเวอร์พูล อันนี้เรื่องสำคัญ

คนที่ได้รับโอกาสทุกอย่างจนเคยตัว จะไม่มีวันเข้าใจคนที่ด้อยโอกาสและต้องพยามมากว่าเป็นสิบๆเท่า กว่าจะโงหัวขึ้นมาประสบความสำเร็จได้

วินัยมันเลยต่างกันมาก แค่จุดเริ่มต้นก็โคตรจะต่างกันละ

โรเบิร์ตสันก็ไม่แพ้กันนะครับ ตอนเป็นนักบอลอาชีพใหม่ ๆ ยังต้องทำงานเสริมเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ กับ ขายตั๋วที่สนามฮัมป์เดนปาร์ค ด้วยนะครับ

พังเพราะคุมอารมณ์ไม่ได้จริงๆ เสียดายน้อง ชอบมาก ยิงค๊มคม

ดิอาซมาจากเมืองที่ชาวเมืองทำงานในเหมืองถ่านหินแลกเงิน คนในเมืองนี้ทั้งจนและทั้งสุขภาพแย่จากสารพิษในเหมือง คือเขามาจากจุดที่ต่ำมากๆ

ที่เจ๋งคือไม่เคยอยู่อคาเดมี่ทีมใดด้วย ไต่เต้ามาด้วยฝีเท้าล้วนๆ

นักบอลในทีมคล๊อปนี่ขออย่างเดียวเลยคือวินัยดีและไม่เหลิงไปกับสารพัดสิ่งที่โถมเข้าใส่เมื่อคุณเป็นซุปเปอสตาร์ การที่เค้าเป็นเด็กอายุ17แล้วต่อยอดร่างกายตัวเองมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าวินัยกับใจน่าจะได้อยู่ ผมหวังว่าเค้าจะไม่ต่างจากฟีร์มิโน่นะ

คือก่อนซื้อแต่ละคนนี่สืบประวัติมาหมดแล้วสินะ แถมต้องประวัติมาแนวๆนี้ด้วยนะลองไปดูแต่ละคนในทีมตอนนี้คือมาแนวนี้กันเกือบหมดเลย