ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Sep 2020
ตอบ: 120
ที่อยู่: นนทบุรี
โพสเมื่อ: Tue Jan 25, 2022 11:33
[RE: “จุดโทษ” ระฆังช่วยชีวิต]
moke พิมพ์ว่า:
จุดโทษได้ไงโคตรโกง มันแตะบอลเสียไปแล้วไม่มีโอกาสยิงแล้วทำมาล้ม  


มันเหมือนคู่วูฟก่อนหน้านี่ครับ เตะบอลเสียไปแล้วแต่ได้จุดโทษ สำหรับผมทีแรกก็คิดว่าไม่ควรเป็นจุดโทษทั้ง2 นัด แต่ความจริงตามกฎคือจุดโทษครับ

ง่ายๆ ถ้าเราได้บอลอยู่ ไม่ว่าตรงไหน นักเตะ ฝ่ายรับ เดินไปเตะฝ่ายรุกคนที่ไม่ครองบอล ต่อให้ไอคนครองบอลจังหวะนั้นเตะออกหลังก็จุดโทษครับ งี้โกลเดินมาตบกองหน้าในเขตโทษเป่าฟาวแจกแดง แล้วไม่ให้ฟาวหรอ กฎคือได้ฟาวเป็นจุดโทษครับ ไม่เกี่ยวกับการเตะบอลเสีย คนละเรื่องกัน อันนี้คล้ายๆนอกเกมครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Sep 2020
ตอบ: 120
ที่อยู่: นนทบุรี
โพสเมื่อ: Tue Jan 25, 2022 11:36
[RE: “จุดโทษ” ระฆังช่วยชีวิต]
เบน ฟรีคิก พิมพ์ว่า:


ก่อนเข้าเนื้อหาต้องขอประทานอภัยที่แอบพักงานเขียนเมื่อวันเสาร์เนื่องจากนอนซมจากผลข้างเคียง “ไฟเซอร์” แต่ไม่พลาดช็อตเด็ดเป็นสักขีพยานจังหวะดราม่าทดเจ็บ 90+3 ที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด

เวสต์แฮม อาจชะล่าใจที่ช่วงท้ายเกมแลดูอยากบุกมาเอา 3 แต้มและเกือบทำสำเร็จหากลูกโขกของ โทมัส ซูเซ็ค ในนาที 87 เสียบเสาไกล

แต่ประเด็นคือ เดวิด มอยส์ เดิมพันเสี่ยงมากเพราะ ราล์ฟ รังนิค เทหมดหน้าตักด้วยการส่งตัวรุกลงมาเต็มโควต้า 3 ตัว (แถมถอด เฟร็ด ตัวรับออก)

รวมที่มีอยูุ่เดิมแล้ว แมนฯยูไนเต็ด ลุยแหลก 5 ตัวแบบตายเป็นตายในขณะที่ “ขุนค้อน” ใช้โควต้าเปลี่ยนไปแค่คนเดียวและดันเป็น ไรอัน เฟรเดริกส์ ตัวสำรองหนึ่งเดียวที่โหม่งผิดเหลี่ยมจนนำไปสู่การบุกชุดสุดท้ายของเจ้าถิ่น

ตรงนี้อยู่ที่ มอยส์ คนเดียวเนื่องจากแกคิดการใหญ่เพราะหากเป็นปีอื่นๆคิดว่าคงเปลี่ยนตัวฆ่าเวลาและทยอยส่งตัวรับ+ตัดเกมมาช่วยต้านอีกแรงแน่ๆ

จุดสำคัญดันมาอยู่ที่ประเด็น (เรื่องไม่เป็นเรื่อง) ตรงที่ว่า เอดิสัน คาวานี่ ล้ำหรือไม่ล้ำนี่แหละครับ

คือหลังจบเกมเราจะเห็นกันว่ามีภาพตีเส้นแล้วไม่ล้ำเป็นหลักฐานเพราะส่วนแขนมันไม่นับมาตั้งนานแล้วและเห็นมีการยกเหตุการณ์ ซาดิโอ มาเน่ ล้ำขอบแขนเสื้อในเกม ดาร์บี้ แมทช์ กับ เอฟเวอร์ตัน

หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าซีซั่นดังกล่าวมันเป็น VAR อัปยศครับ ล้ำหน้าในระดับ pixel คนเขารับกันไม่ได้จึงมีการเปลี่ยนกฏใหม่ให้เส้นหนาขึ้น ยืนเท่ากันจะขอบแขนจะเส้นใยมันไม่เอากันแล้ว

แต่ที่ดราม่าเพราะระหว่างเกม VAR ดันไม่ยอมตีเส้นขึ้นกราฟฟิคเหมือนที่เคยทำ จนแฟนบอล(ที่เสียเวลานั่งแช่งมาตั้งร่วม 1 ชม. 30 นาที ฮา)หยิบเอามาแตกประเด็นย่อยในโลกโซเชี่ยล ความซวยจึงตกมาอยู่ที่แฟนผีเต็มๆ

น่าเสียดายที่ประเด็นดังกล่าวมาบดบังความดีความชอบของ “เดอะ โปรเฟสเซอร์” หลังประตูชัยเป็นการประสานงานของ “3 สำรอง” ที่ เร้ด อาร์มี่ ไม่ได้สัมผัสกับ “เฟอร์กี้ไทม์” มานานแล้ว

กลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบันในเกมวันอาทิตย์เมื่อ ลิเวอร์พูล อาศัยความผิดพลาดของ แมนฯซิตี้ บีบช่องว่างลดลงมา(อีกนิด) เป็น 9 แต้มและมีเกมในมือที่จะเปลี่ยนเป็น 6 แต้ม

ครับชัยชนะเหนือ คริสตัล พาเลซ 3-1 ที่กลายเป็นว่า “หงส์แดง” โชคดีที่ช่วงท็อปฟอร์มใน 45 นาทีแรกยิงตุนมาได้ 2 ลูกในขณะที่ครึ่งหลัง “เดอะ อีเกิลส์” ต้องเจอโกล์ระดับโลกอย่าง อลิสซอน ทำให้ 5 จังหวะเน้นๆกลายเป็นประตูตีไข่แตกลูกเดียว

เป็นความแตกต่างที่ทำให้ลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เหนือกว่าไปตรงนี้

การที่ทั้ง 2 ทีมเสียนักเตะไปรับใช้ชาติในศึก แอฟค่อน เป็น พาเลซ ที่ส่งผลกระทบมากกว่าเพราะปกติแล้ว วิลเฟร็ด ซาฮา จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้แท็คติกส์รับและสวนมันจุดติด

กล่าวคือทุกครั้งที่เจ้าถิ่นพยายามจะเป็นฝ่ายบุกกลับ “ซาฮา” จะเป็นตัวเก็บบอลเพื่อรอให้เพื่อน (ที่ลงไปรับ) ทยอยกันขึ้นมาหรือเซ็ตเกมรวมถึงเรียกฟาว์ลกินแดน

แต่พอไม่มี ซาฮา คนเดียวนี่จบเลยครับ แรกๆผมเห็นว่า ปาทริค วิเอร่า มีแย้บๆให้ลูกทีมเพรสสูงอยู่พักนึงแต่ “หงส์แดง” เจอ อาร์เซนอล ที่เข้มข้นกว่านี้เยอะจึงไม่มีปัญหา

พอหน้าวิ่งไล่แล้วบอลยังถูกเอาออกมาพวกกลางกับหลังจึงโอเวอร์โหลด สุดท้ายก็ต้องลงมารับในแดนตัวเองตามถนัดเหมือนเดิม

การรับและปล่อยให้ “หงส์แดง” ขึงบอลเข้าใส่เป็นวิธีที่ถ้าไม่จำเป็นไม่มีใครอยากรับแบบนี้แต่ พาเลซ ไม่มีทางเลือกและแทบไม่มีเวลาตั้งเกมเนื่องจากโดนทีมเยือนเพรสไล่คืนทันทีที่เสียบอล

แต่ต้องไม่ลืมว่า ลิเวอร์พูล บดกับ “ปืนใหญ่” ใน คาราบาว คัพ เมื่อวันพฤหัสมาอย่างหนัก พละกำลังถูกใช้ไปในครึ่งแรกค่อนข้างเยอะจนเกมหลวมในช่วงครึ่งหลังแบบชัดเจน

พาเลซ เปลี่ยนรูปแบบมาเน้นบอล direct มากขึ้นหรือจะพูดว่าเล่นแบบนี้เป็นหลักซึ่งประตูตีไข่แตก 2-1 ก็มาจากลูกลักษณะนี้ แดนกลางดันไปสูงทำให้ลูกเก็บตกจากการที่ โจเอล มาติ๊ป โหม่งเคลียร์จึงเข้าทางเจ้าถิ่น

ที่เหลือก็ตามที่เราเห็นเลยครับเป็น “อลิสซอนโชว์” ที่รับบท “เดอะ แบก” ไม่ต่างจาก ดาบิด เด เกอา ที่เป็นทุกอย่างให้ แมนฯยูไนเต็ด เมื่อถึงเวลาเจียนอยู่เจียนไป

ความโชคดีอีกอย่างของ “หงส์แดง” คือช่วงที่ พาเลซ กำลังบดหนักๆจนกระทั่ง 5 นาทีสุดท้ายมาได้จุดโทษช่วยชีวิต (ก่อน VAR เช็กอยู่ร่วม 4 นาที)

จากการที่ได้ดูภาพช้าที่ฉายนับไม่ถ้วนผมหัวเราะในลำคอแถมเชื่อว่า เควิน เฟรนด์ ไม่ให้แน่ๆ

อันนี้เทียบจากมาตรฐานของผู้ตัดสินที่ผมสัมผัสได้ว่าแกเป่าหลายๆช็อตในเกมนี้คล้ายๆมุมมองของ “นักฟุตบอลเก่า” ไม่ว่าจะเป็นการที่นักเตะโดนนิดหน่อยล้มหลังรู้ตัวว่ากำลังจนมุม (แต่ผู้ตัดสินให้เล่นต่อ)

การถูกเบียดถูกแซะนิดหน่อยแต่แข้งเจ้าถิ่นล้มง่ายแกก็ปล่อยให้เล่นต่อ เรียกว่าจะมาล้มเพื่อยุติปัญหาให้เกมหยุดค่อนข้างยาก (จนแฟนเจ้าถิ่นโห่อยู่ช่วงนึง)

ดังนั้นลูกจุดโทษมันแปลกๆตรงที่ว่าความพยายามกระดกบอลของ ดิโอโก้ โชต้า เกิด “วืด” จนเสียหลักเซไปหา บิเซนเต้ กูเอต้า (ถือโอกาสนี้บิดตัวเพื่อให้การชนดูเข้าเนื้อกว่านี้) และเป็นมุมอับที่บอลกำลังจะออกแล้ว

ผมถึงบอกว่าถ้า เฟรนด์ ตัดสินตามมาตรฐานตัวเองในวันนี้มันจะไม่เป็นจุดโทษแน่นอนแต่ผมแอบคิดว่าแกกำลังหาจุดที่จะตอบกับตัวเอง (หรือสังคมในภายหลัง) ว่ามันไม่เป็นจุดโทษเพราะอะไร?

เพราะ โชต้า เกี่ยวบอลวืด? มันก็ไม่ใช่ จึงกลายเป็นคราวเคราะห์ของ “เดอะ อีเกิ้ลส์” และโชคดีของ ลิเวอร์พูล

ถ้าไม่มีลูก 3 มาคั่นช่วยชีวิต เวลาที่เหลือทดเจ็บ +6 คงไม่มีใครตอบได้ว่า อลิสซอน จะหมดโควต้าเซฟไปแล้วหรือยัง

ครับ เป็นการส่งท้ายเดือนมกราคม “อันตราย” ของ ลิเวอร์พูล ที่ดีเกินเป้าเพราะนับตั้งแต่เสมอ เชลซี 2-2 ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายที่มี ซาดิโอ มาเน่, โม ซาลาห์ และ นาบิล เกอต้า ก็เก็บชัย 4 จาก 5 นัดและเหมือนทำบุญมาเยอะที่มีโปรแกรม พรีเมียร์ แค่ 2 โดยคู่แข่งไม่หนักเลยทั้ง เบรนท์ฟอร์ด และ พาเลซ

แม้การตามทีมระดับ แมนฯซิตี้ 9 แต้ม (กับ 1 เกมในมือ) ยังเข้าข่ายภาระกิจที่เกือบๆจะอิมพอสซิเบิ้ล

แต่จะให้บอกว่าเออมึงเอาแชมป์ไปเถอะ กูยอมแล้วมันก็ไม่ได้ สำหรับ match day 22 ในทางทฤษฏียังเหลือเฟืออีกตั้ง 16 เกม ขอแค่อย่างเดียวครับ

ขอ...อย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอแม้จะร้องไห้ ขอบคุณครับ
 


เราไม่ได้มองว่าทำบอลเสียไปแล้ว ถือว่าไม่ฟาวครับ ง่ายๆ คุณเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษไปละ เปิดเสีย แต่กองหลังวิ่งตามมา มาเตะข้างหลัง ยังย้อนไปให้ฟาวครับ มันคือการนอกเกม อันนี้ก็คือเตะไม่โดนบอลของ โซต้า แล้วโกล เบรคไม่อยู่ชนหลังจากบอลออกไปแล้ว ก็ฟาว นอกเกมครับ ไม่เกี่ยวกับการเล่น เกี่ยวกับการเราทำฟาวคนอื่นที่ไม่ครองบอลในเขตโทษครับ กฎการทำฟาวคนไม่ครองบอลครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: (^_^)b
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Mar 2007
ตอบ: 6342
ที่อยู่: โลก
โพสเมื่อ: Tue Jan 25, 2022 13:10
[RE]“จุดโทษ” ระฆังช่วยชีวิต
ดีหมด เสียอย่างเดียวท่อนสุดท้าย ทำให้นึกถึงไอ้ตู่
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
^_____^ ให้สิ่งใด ก็ได้สิ่งนั้น

ก่อนที่จะลงมือทำอะไร-เราควรรู้ว่าจะจบมันอย่างไร

“แผนอยู่ที่คน ผลอยู่ที่ฟ้า มิอาจบังคับ” ขงเบ้ง

เ อ า ที่ ส บ า ย ใ จ เ ล ย (แต่อย่าให้คนอื่นเดือดร้อน)

ถ้า "ได้ยิน" จะ "ลืม"
ถ้า "เห็น" จะ "จำ"
ถ้า "ทำ" จะ "เข้าใจ"
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel