"นักเทนนิสคนไหนก็ตามที่ชนะยอโควิชได้ รับประกันได้เลย ว่าเขาคนนั้นจะไม่ต้องเสียเงินซื้อเบียร์ในประเทศออสเตรเลียอีกเลย" แมตต์ วอลช์ นักข่าวของ espn ทวีตข้อความนี้ไป และมีคนรีทวีตนับพันเลยทีเดียว
ไม่ใช่แค่นักข่าวคนนี้ แต่ชาวออสเตรเลียรุมด่าโนวัค ยอโควิชอย่างดุเดือด บางคนทวีตว่า "หากใครคิดว่า นายกฯ สกอตต์ มอร์ริสัน เป็นคนที่โดนเกลียดมากที่สุดในประเทศล่ะก็ อัพเดทข้อมูลใหม่ของคุณด้วย ยอโควิชแซงแล้ว!"
เรื่องนี้ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ เพราะนักเทนนิสที่ได้แชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่นมากที่สุดตลอดกาลคือ ยอโควิชนี่แหละ ที่จำนวน 9 ครั้ง ถ้าคิดตามคอมม่อนเซนส์เขาก็น่าจะเป็นคนที่แฟนๆ ท้องถิ่น รักหรือเปล่า
เหมือนกรณีของราฟาเอล นาดาล ก็เป็นขวัญใจคนฝรั่งเศสที่โรลังด์ การ์รอส หรือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ก็เป็นขวัญใจคนอังกฤษจากผลงานในวิมเบิลดัน
เกิดอะไรขึ้นกับยอโควิช ทำไมจากที่ควรจะเป็นฮีโร่ เขาโดนรุมเกลียด รุมด่า ได้ขนาดนั้น เราจะไปลำดับเหตุการณ์ด้วยกัน
ณ เวลานี้ ในวงการเทนนิส มีนักกีฬา 3 คน ที่ได้แชมป์แกรนด์แสลม 20 สมัยเท่ากัน ประกอบด้วย เฟเดอเรอร์, นาดาล และ ยอโควิช
(Note : แกรนด์แสลมของเทนนิส คือ 4 รายการใหญ่ ประกอบด้วย ออสเตรเลียน โอเพ่น, เฟรนช์ โอเพ่น, วิมเบิลดัน และ ยูเอส โอเพ่น)
คนที่มีโอกาสทำสถิติเป็น 21 ครั้ง มากที่สุดคือยอโควิช เพราะเขามีอายุน้อยที่สุดใน 3 คนนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยอโควิชอายุ 34 ปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่า สภาพร่างกายและฟอร์มของเขาจะดร็อปลงเมื่อไหร่ ถ้าหากปีนี้ ไม่สามารถคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้สักรายการเลย สถิติอาจจะหยุดอยู่ที่ 20 ครั้งไปตลอดก็ได้
ในบรรดา 4 แกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น เป็นรายการที่ยอโควิชมั่นใจที่สุด เขามาแข่งทีไรก็ผลงานดีเสมอ และปัจจุบันได้แชมป์รายการนี้มา 9 ครั้งแล้ว ถ้าหากได้แชมป์ในปี 2022 อีก ก็จะเป็นแชมป์ 10 สมัย
10 สมัยเป็นเลขสวย แถมยังได้สกอร์รวม 21 แกรนด์สแลมอีกต่างหาก อะไรจะเพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้น
ดังนั้น ยอโควิชจึงมี Passion ที่จะมาแข่งออสเตรเลียน โอเพ่น ในเดือนมกราคมปี 2022 อย่างมาก ทุกอย่างจะได้เป็นไปตามสคริปต์ที่วางไว้
แต่ปัญหาคือ ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชาชนหวั่นไหวกับการเข้ามาของคนต่างชาติมากที่สุด กล่าวคือ คนออสเตรเลียที่อายุเกิน 16 ปี ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสไปแล้วเกิน 90% เมื่อคนในประเทศตัวเองรับผิดชอบขนาดนี้แล้ว พวกเขาจึงไม่อยากให้คนต่างชาติเอาเชื้อจากที่อื่นเข้ามาแพร่ในออสเตรเลีย
ดังนั้นรัฐบาลจึงประกาศชัดเจนว่า คนต่างชาติที่จะเข้าประเทศได้ จำเป็นต้องฉีดวัคซีนมาแล้ว 2 เข็มเท่านั้น ต่อให้เป็นเซเลบริตี้โด่งดังจากไหนก็ไม่สน ทุกคนต้องมีมาตรฐานเหมือนกันหมด
สำหรับในการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่นก็เช่นกัน นักกีฬาทุกคนต้องฉีดวัคซีน 2 เข็มเท่านั้น ถึงจะร่วมแข่งได้ ยกเว้นก็แต่กรณีหนึ่งคือ หากนักกีฬา "ขอการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษด้วยเหตุผลทางการแพทย์" ก็จะมาร่วมการแข่งได้ โดยไม่ต้องฉีดวัคซีน
กล่าวคือนักกีฬาที่มีโรคแทรกซ้อนประจำตัว, มีอาการกลัวเข็มขั้นรุนแรง หรือกรณีอื่นใดที่หมอแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการฉีดยาอย่างเด็ดขาด
ถ้ามีคำยืนยันจากแพทย์ชัดเจน อันนี้จะได้รับการยกเว้น แต่ประเภทที่ไม่อยากฉีด เป็นสายแอนตี้วัคซีนแบบนี้ไม่ได้
ตามขั้นตอน นักกีฬาจะแจ้งเรื่องมาที่ผู้จัดการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่น ว่าขอสิทธิ์ยกเว้นทางการแพทย์ เพื่อไม่ต้องฉีดวัคซีน จากนั้นเมื่อผู้จัดการแข่งขันตอบตกลงแล้ว ก็จะส่งต่อไปให้รัฐบาลอีกทีเพื่อคอนเฟิร์มการอนุมัติเข้าเมืองต่อไป
เหตุการณ์ก็ผ่านไป นักกีฬาทั้งชายและหญิง ที่อยากมาแข่งขันออสเตรเลีย โอเพ่น ก็ลงทะเบียนกันได้ตามปกติ เพราะฉีดวัคซีนกันครบแล้ว แต่ปัญหาเกิดขึ้นกับนักกีฬาเพียงคนเดียว นั่นคือโนวัค ยอโควิช เพราะเขามีจุดยืนที่ชัดเจนมาก คือยังไงก็ไม่ฉีดวัคซีน
ยอโควิชเคยกล่าวว่า "ถ้าใครก็ตามบังคับให้ผมฉีดอะไรเข้าไปในร่างกาย ทั้งๆที่ผมไม่อยากฉีด นั่นเป็นสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้" กล่าวคือ เขาจะไม่ยอมโดนบังคับให้ฉีดวัคซีนเพื่อลงแข่งขันแน่ๆ
เมื่อยอโควิชมีความแน่วแน่แบบนั้น มันก็ขัดกับนโยบายของประเทศออสเตรเลีย ดังนั้นผู้คนก็เข้าใจว่า เขาคงจะถอนตัวจากทัวร์นาเมนต์ไป แล้วค่อยไปสร้างสถิติแชมป์แกรนด์สแลม 21 สมัย ในรายการอื่นๆ ที่ประเทศไม่ได้เข้มงวดเรื่องวัคซีนแทน
ก่อนแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่น ราวๆ 1 เดือน มีนักกีฬาจำนวน 26 คน แจ้งความจำนง กับผู้จัดเพื่อขอเข้ามาแข่งขันด้วย แม้จะไม่ได้ฉีดวัคซีนก็ตาม
เครก ทิลลี่ ผู้อำนวยการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่น ระบุว่า ในจำนวน 26 คน มีคนที่ได้รับอนุมัติ "น้อยมาก" แต่ในจำนวนที่น้อยมากๆ นั้น คนที่ได้รับการอนุมัติคือโนวัค ยอโควิช
เมื่อผู้จัดตอบตกลงแล้ว ทำให้ยอโควิชโพสต์รูปในอินสตาแกรมทันที แล้วเขียนแคปชั่นว่า "วันนี้ผมจะบินไป Down Under เพราะผมได้รับอนุญาตให้ยกเว้นการฉีดวัคซีนได้แล้ว ลุยเลย 2022!" โดยคำว่า Down Under หมายถึงประเทศออสเตรเลียนั่นเอง
นั่นล่ะ ทำให้ผู้คนทั่วไปแสดงความโกรธแค้นทันที ทั้งผู้จัดการแข่งขันและตัวยอโควิช
พวกเขาโกรธผู้จัดการแข่งที่มี Special Treatment หรือ ปฏิบัติต่อยอโควิชเป็นกรณีพิเศษ โดยเจมี่ เมอร์เรย์ นักเทนนิสชาวสหราชอาณาจักรกล่าวว่า "ถ้าผมไม่ได้ฉีดวัคซีน ผมคงไม่ได้การยกเว้นเป็นกรณีพิเศษหรอก แต่ยอโควิชก็ทำได้เยี่ยมนะ ที่ได้รับอนุมัติให้ร่วมแข่งขันได้"
หรือ เชน แอนเดอร์สัน นักข่าวกีฬาชาวออสเตรเลีย ทวีตข้อความว่า "การตัดสินใจของผู้จัดเหมือนถุยน้ำลายใส่หน้าคนออสเตรเลีย"
สำหรับเหตุผลที่ผู้จัดอนุมัติ ก็มีการวิเคราะห์กันว่า ยอโควิช คือแม่เหล็กอันดับหนึ่งของวงการเทนนิส การเข้าร่วมแข่งขันของเขา จะนำมาซึ่งรายได้จากการเข้าชม และสปอนเซอร์จำนวนมาก
และถ้าหากยอโควิช จะกลายเป็นนักกีฬาที่ทำแกรนด์แสลมได้มากที่สุดตลอดกาล เหตุการณ์นั้นก็ควรจะเกิดขึ้นที่ออสเตรเลียน โอเพ่น สิ จริงไหม
แล้วอีกอย่างในเมื่อยอโควิช มีเอกสารยืนยันจากแพทย์ ว่าร่างกายไม่พร้อม ว่ากันแฟร์ๆ มันก็เป็นไปตามกฎนะ
โกรธผู้จัดก็ส่วนหนึ่ง แต่กระแสสังคม จะโหมหนักไปที่ยอโควิชมากกว่า ว่านักกีฬาเบอร์ 1 ของโลก คนที่ร่างกายแข็งแรงดุจหินผา ปีที่แล้วได้แชมป์แกรนด์สแลมไป 3 รายการ ถามหน่อยว่า คุณมีโรคแทรกซ้อนอะไรหรอ ทุกคนรู้แต่แรกว่า ยอโควิชไม่ฉีด เพราะไม่อยากฉีด แต่เอามุก "ข้อยกเว้นทางการแพทย์" มาอ้างในเรื่องนี้ มันสมควรหรือไม่
เควิน บาร์ทเลตต์ นักกีฬาออสเตรเลียน รูลส์ ทวีตว่า "โนวัค ยอโควิช เป็นนักเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขาได้แชมป์ 20 แกรนด์แสลม ทำเงินได้พันล้านดอลลาร์ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้เลยว่าเขามีโรคแทรกซ้อน เหลือเชื่อมาก"
จอน ราล์ฟ นักข่าวจากเฮรัลด์ ซัน ทวีตว่า "ประชาชนทั่วไป ถ้ารู้ว่ามีความเสี่ยง ต้องไปตรวจ PCR และรอผล 6 วัน ระหว่างนั้นก็ต้องกักตัว แม้จะฉีดวัคซีนแล้ว แต่กรณีของโนวัคเขาได้เข้าประเทศด้วยข้อยกเว้นทางการแพทย์ และลงแข่งได้เลย มันน่าตลกสิ้นดี"
ชาวเน็ตรายหนึ่งทวีตว่า "แม้แต่เด็กเก็บบอลยังต้องฉีดวัคซีน แต่คนที่ลงเล่นเทนนิสกลับไม่ยอมฉีด นี่เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้จริงๆ"
ส่วนอีกคนระบุว่า "ถ้าคุณรวยและมีชื่อเสียงมากพอ กฎและข้อบังคับต่างๆ จะเอนเอียงไปให้คุณเสมอ ออสเตรเลียน โอเพ่น และรัฐบาลออสเตรเลีย พวกแกมันหน้าไม่อาย
อย่างไรก็ตาม มีคนซัพพอร์ทยอโควิชเหมือนกัน มีข้อความหนึ่งทวีตว่า "ก็แพทย์ยืนยันว่าอย่างนั้น แล้วเราเป็นใคร ทำไมถึงจะไม่เชื่อกระบวนการวิทยาศาสตร์"
ถ้าให้แอดมินยกเคส Study ที่ใกล้เคียงกัน ก็เหมือนกรณีของณเดชณ์ คูกิมิยะ กับการเกณฑ์ทหารจำได้ไหมครับ
ตอนนั้นณเดชณ์ ระบุว่าตัวเองเป็นโรคหอบหืด แล้วเอาใบรับรองการแพทย์ไปยืนยันเพื่อขอละเว้นการเกณฑ์ทหาร ซึ่งตามกฎระเบียบแล้ว คนเป็นโรคหอบหืด ก็จะสามารถละเว้นได้จริงๆ แต่ในช่วงนั้น สังคมก็วิจารณ์กันแหลก โดยไม่สนหลักฐานทางการแพทย์หรอก โดยโลกออนไลน์ก็แซวกันว่าณเดชณ์ แข็งแรงจะตาย จะเอาหอบหืดมาอ้างอะไรกัน
เคสของณเดชณ์ ก็พอจะเทียบกับยอโควิชได้ ในแง่ว่ามีหลักฐานทางการแพทย์เหมือนกัน แต่สังคมจะสนใจหรือเปล่าก็อีกเรื่อง ก็ภาพลักษณ์ของยอโควิชเป็นนักกีฬาที่แข็งแรงซะขนาดนั้น
ผมไม่ได้ Judge ว่าถูกหรือผิดนะครับ แต่ยกตัวอย่างให้ฟังว่า บางทีเหตุผลทางการแพทย์ กับความรู้สึกทางสังคม มันก็สวนทางกันได้นะ
สำหรับขั้นตอนต่อไป ยอโควิชจะบินมาออสเตรเลียโดยไม่ต้องกักตัว และสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสสังคมที่รุนแรง ทำให้สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียระบุว่า รัฐบาลจะมีการตรวจสอบหลักฐานทางการแพทย์อีกรอบหนึ่งว่าน่าเชื่อถือได้จริงๆ ใช่ไหม
สกอตต์ มอร์ริสันกล่าวว่า "ถ้าหลักฐานไม่แข็งแรงพอ เขาก็จะไม่ได้รับการปฏิบัติต่างจากคนอื่น และต้องบินกลับบ้านทันทีด้วยเครื่องบินเที่ยวถัดไป ที่นี่ ไม่มีกฎพิเศษสำหรับโนวัค ยอโควิช"
ออสเตรเลียน โอเพ่น จะเริ่มแข่งขัน วันที่ 17 มกราคมนี้ ซึ่งก็ยังไม่คอนเฟิร์มว่ายอโควิชจะเข้าร่วมการแข่งขันได้จริงๆ หรือไม่ แต่ถ้าหลักฐานทางการแพทย์นั้นหนักแน่นพอ เขาก็ควรจะได้ร่วมลงแข่งอย่างไม่มีปัญหา เพราะแพทย์ที่รับรองให้ยอโควิชก็มีจรรยาบรรณของตัวเองเป็นเดิมพันเหมือนกัน
ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งที่การันตีได้ก็คือ ถ้ายอโควิชได้ลงแข่ง กองเชียร์ชาวออสเตรเลียจะไม่ซัพพอร์ทเขาในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยแฟนๆ กลุ่มหนึ่ง ได้รวมตัวกันเตรียมโห่เขาทันทีที่ลงคอร์ตด้วย ตามจองล้างจองผลาญกันทุกรอบแน่นอน
Djokovic against Australians ศึกยอโควิชปะทะคนทั้งประเทศ กำลังจะระเบิดขึ้นแล้ว
Credit: วิเคราะห์บอลจริงจัง