ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status:

: 0 ใบ

: 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 9326
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jan 06, 2022 19:27
[RE: ไคซัดเปิดหัว! "สิงห์" สอยไก่ 2-0 บาวคัพยกแรก]
คำอธิบาย ครึ่งแรกของเกมนี้ ที่ง่ายที่สุด คือ
เกมรุกถูกทำลาย เลยเสียสมดุลไปทั้งหมด
มันจะคล้ายๆเกมที่อินเตอร์เจอยูเว่ของปิร์โล่ เมื่อปลายฤดูกาลก่อน
ครึ่งแรก เป็นแบบนี้เป๊ะๆเลย
วงจร มันจะเป็นแบบนี้
1) สเปอร์ได้บอล จากหน้าโกล์ตัวเอง พยายามบุก
2) โดนไล่บีบจน การต่อบอลจากข้างหลัง ทำได้ลำบากมาก บางครั้งจ่ายเสียเอง > เสียบอล ต้องมาตั้งรับ
3) ถ้าไม่เสียเอง บอลจะไหลจากหลังไปกลาง แล้วไปต่อไว ไวเกินไป
4) ตรงแถวๆแนวกลางนี่แหละที่จะโดนรุมทึ้ง > เสียบอล ต้องมาตั้งรับ
5) ถ้าพยายามฝืน จ่ายให้หน้าเลย หน้าจะโดดเดี่ยวเกินไป หลายครั้งต้องพามาเอง และมักจะไม่รอด > เสียบอล ต้องมาตั้งรับ
6) ระยะระหว่างหน้ากับวิงแบ๊คและกลาง มีเยอะ หน้าถูกบีบให้เล่นไว พอรีบเล่นไว บอลพุ่งเข้าแนวดิ่งเร็วเกินไป ตัวรุกก็จะโดดเดี่ยว
7) ถ้าเล่นไวขึ้น บางครั้งจะพลาด ไม่ว่าจะเป็นในตำแหน่งไหนก็ตาม > เสียบอล ต้องมาตั้งรับ
8) ตำแหน่งที่เสียบอล ค่อนข้าง ไม่เป็นใจและไม่เป็นประโยชน์ ในการเล่นเคาเตอร์เพรสซิ่ง คือ หลายครั้งเสียบอลกลางทาง ทำให้จะรุกก็ไม่สุด รับก็ไม่แน่น วิ่งขึ้นวิ่งลง เหนื่อยมาก เหนื่อยเยอะ แต่ไม่ได้ยิง แถมโดนเขายิงเรื่อยๆ
9) ปกติ เกมแบบนี้ มันยังพอเอาตัวรอดได้ แต่ต้องไม่เสียง่าย ไม่เสียไว ต้องยื้อๆไว้ได้
วันนี้ แจกเองไป 2 แจกไวด้วย อะไรๆเลยยิ่งแย่ไปหมด อีกฝั่ง ก็ไม่รู้จะรีบบุกให้เสียบอลทำไม นวดจนมีช่องแล้วปล่อยบอลดีกว่า ไม่เสี่ยง แถมได้ครองเกม
คือ ถ้าวันนี้ จงใจมารับ แบบรับหนึบๆเลย เกมมันจะเป็นอีกแบบ จะไม่พยายามโถมสู้ ไม่เคลื่อนที่สู้ อาจจะยืนลึกกว่านี้ เหนียวๆไว้ก่อน เกมมันจะไม่เละเทะเท่านี้ อย่างน้อยก็ไม่โดนยิงเยอะ
แต่จริงๆมันก็พูดยากว่า วันนี้ จริงๆก็อยากมารับเยอะหน่อยหรือเปล่า ก็เพราะดันไปเสียไวนี่แหละ
พอเสียแล้วจะเอาคืน มันก็ต้องพยายามรุก ก็เลยเข้าสู่วงจรเช่นนั้น (พยายามบุก>เสียบอล>โดนยิง)
ครึ่งหลัง เลยเปลี่ยนการเคลื่อนที่ ทั้งๆที่ก็โดนบีบเหมือนเดิม เขาไม่ได้ผ่อนอะไรหรอก แต่ความต่างคือ สเปอร์ มีตัวเล่นร่วมกัน เพิ่มขึ้น
เหตุการณ์ตัวอย่าง เช่น
จากครึ่งแรก
มูร่าได้บอล (ตัวรุกตัวที่ 1) เคน (ตัวที่ 2) เลือกเองว่า จะวิ่งขึ้นเข้าช่องหรือวิ่งถอยมารับบอล ส่วนซอน (ตัวที่ 3) พยายามวิ่งเข้าแนวดิ่ง เล่นกับช่อง
แต่เพราะบอลจากหลังที่ไม่ดี ไม่มีคุณภาพ ไวเกินไป ขาดการสนับสนุนจนด้านหน้าโดดเดี่ยว สิ่งที่สเปอร์เจอ ก็คือ ถ้าเคน ถอยมารับบอล เขาก็ตามมาไล่บีบ ไล่อัดเคนด้วย แต่ถ้าเคนวิ่งเข้าแนวดิ่ง เขาก็ตามเคนไปคนนึง แล้วก็มารุมอัดมูร่า ส่วนซอน ยังไงก็มีคนตามอยู่แล้ว
ครึ่งหลัง
พอมูร่า (ตัวรุกตัวที่1) ได้บอล หลายครั้งที่เคน (ตัวที่ 2) จะถอยลงมาใกล้ๆ เพื่อรับบอลทันที ซึ่งตัวที่ 1 เลือกเองได้ว่า จะแปะสั้นๆ หรือจะเลี้ยงไปเอง โดยที่ซอน ตัวที่ 3 วิ่งไลน์สูง ยังคอยเล่นกับช่องเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเข้ามาคือ เอนดอม (ตัวที่4) ที่มักจะเป็นตัววิ่งไลน์ เพิ่มมาอีกคน ทำให้กลางหรือหลังเชลซี ต้องวิ่งตามไปโดยช่วยไม่ได้ เป็นการเปิดพื้นที่ให้ตัวที่ 1+2 ได้เล่นบอลง่ายขึ้น
พอแก้ตรงนี้ได้ บอลของสเปอร์ก็ไหลจากกลางไปหน้า ได้ราบรื่นขึ้น กลางกับแบ๊คเติมมาทัน แดนหน้าไม่โดดเดี่ยว ความต่อเนื่องในเกมบุกก็มากขึ้น ทำให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย ดูตอบโต้ได้บ้าง
แต่นัดนี้กับนัดก่อน พอเปลี่ยนมาเล่นแผนแบบครึ่งหลัง (4-2-3-1) เราจะเห็นอย่างนึงเลยว่า แบ๊คอย่างเดวิส จะยืนลึกมาก ต่ำมาก
แล้วบอลมันโถมขวาเยอะ พอบอลย้ายแกนมาซ้ายปุ๊ป กว่าเดวิสจะเติมขึ้นมา คู่แข่งก็เทมาปิดช่องหมดแล้ว การย้ายแกนเลยไม่มีประโยชน์เลย
ฟอร์มรายบุคคล ต้องดอกจันทน์ไว้ 3 คน คือ
- เอเมอร์สัน ได้บอลเยอะ ได้บุกเยอะ แต่ไม่ค่อยมีคุณภาพ จะเร็วก็ไม่เร็วจริง แข็งแกร่งก็ยังไม่แข็งแกร่งจริง จะเทคนิคก็ไม่จัดจริง เปิดหรือเลี้ยง แบบเกือบจะดี
แล้วหลายครั้งที่จังหวะบอลมันกำลังลื่นๆ เพื่อนจ่ายให้วิ่ง ให้เข้าช่อง ก็ดันไปหน่วงจังหวะลง บางครั้ง ถึงกับหยุดบอล เพื่อดวล 1-1 ทั้งๆที่ แตะแล้ววิ่งต่อหรือปิดเข้ามาเลย ไม่ว่าจะเปิดแบบไหน อาจได้ลุ้นกว่าก็ได้
นี่ไปหยุดเล่น เพื่อสับขาๆคลึงๆกับอลอนโซ่ อล่อนโซ่ต้องขอบคุณเลย ที่ไม่เล่นแบบวิ่งๆพุ่งๆกระชากๆเข้ามา เอเมอร์สันเล่นแบบวันนี้ เข้าทางอลอนโซ่ชัดๆ
- ฮอยเบิร์ก ไม่คิดว่าเพราะล้าหรือเหนื่อย อะไรพวกนั้นหรอก เขาเป็นคนที่เกมรุกทื่อ เล่นรุกไม่เนียน อยู่แล้ว วันนี้ เจอทีมระดับทอป แผลในเกมรุกเลยชัดเจนมาก
เป็นคนที่ ถ้าทีมสามารถยกระดับไปได้มากกว่านี้ อาจต้องมาคิดเกี่ยวกับสถานะของเขาใหม่เลย
- ซอน ก็ยังไม่ดีเหมือนเดิม โอเคแหละ บางจังหวะเป็นตัววิ่งเข้าช่อง เลยได้บอลน้อย ก็ไม่ว่ากัน แต่บางจังหวะที่บอลมันบุกทางซ้าย เขาน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้นะ ตำแหน่งยืนแปลกๆ แล้วบอลก็ยังพันแข้งพันขา เหมือนเดิม
โดเฮอร์ตี้ ไม่พูดถึงละกัน ไม่หวังอะไรแล้ว ส่วนทังกันก้า ที่เป็นสาเหตุของทั้ง 2 ลูก นี่ก็ต้องทำใจ เพราะดาวรุ่งก็คือดาวรุ่ง
คนที่ผิดคาด คือ ซานเชส ช่วยได้เยอะมาก เป็นไดเออร์ต้องมาเจอลูกากู ก็อาจจะเหนื่อยกว่านี้
แก้ไขล่าสุดโดย Contingency เมื่อ Thu Jan 06, 2022 19:29, ทั้งหมด 1 ครั้ง