สงสัยมานานแล้วครับว่าสถิติ Final third pass หรือจ่ายบอลในพื้นที่สุดท้าย หรือในเขต final third ของคู่แข่งเนี่ย มันสำคัญยังไงครับ เห็นนักเตะบางคนจ่ายบอลในพื้นที่สุดท้ายเยอะมาก แต่สถิติ Key pass กลับนิดเดียว แล้วที่เหลือคือแปะไปแปะมาในแดนคู่แข่งเหรอครับ ทั้งที่ตรงนั้นควรจะเป็นที่จ่ายบอลสุดท้ายหรือรองสุดท้ายแล้วไม่ใช่เหรอ

ไม่มีหรอกผมว่า เหมือน key pass นั้นแหละ มันไม่ได้บงบอกชัดเจนขนาดนั้น

น่าจะเป็นสถิติจ่ายบอล “เข้าไป” ในพื้นที่สุดท้ายมากกว่าครับ ส่วนมากจะเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก

สามารถลำเลียงบอลเข้าไปพื้นที่สุดท้ายได้ และส่งบอลเพื่อเข้าทำการลุ้นทำประตูได้

แน่นอนว่า ยิ่งลำเลียงบอลเข้าใกล้พื้นที่ประตูได้มาก โอกาสทำประตูได้ก็มากเช่นกัน

ส่วนเปิดแม่นไม่แม่นก็อีกเรื่องนึงแหละครับ

ถ้าบุกไปแถวนั้นน้อย แล้วเปอร์เซ็นต์ต่ำไปด้วย ก็เท่ากับแทบไม่ได้มีโอกาสทำประตูน่ะแหละครับ

ถ้าให้นึกภาพออกชัดๆตอนนี้ก็คงเป็น อดาม่า ตราโอเล่ แหละครับ

เลี้ยงไปได้ดี แต่สุดท้ายไม่มีลุ้นเลย ทั้งยิงทั้งส่ง

ผมว่าไอ้สถิติแบบนี้มันไม่ค่อยมีผลอะไรเท่าไหร่อะครับ คือมันเป็นตัวชี้บ่งไม่ได้เลยว่านักเตะคนนั้นๆจะเวิคหรือไม่เวิค

อย่างที่ท่านข้างบนบอก เพราะมันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของนักเตะ แต่อาจจะมีผลกับการเลือกหาแผน

หานักเตะที่เล่นเข้าแผนมั้ง.. แต่ก็อีกอะ บางคนโง่ในจังหวะสุดท้ายทำทีมเสียบอลโดนสวยเยอะแยะ บางคนได้

บอลไม่กี่ทีเปลี่ยนโอกาสฯลฯ

นึกภาพปืนสมัยแผนตัว U ที่ส่งบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายไม่ได้ก็วนไปมาตั้งกันใหม่อะครับ กับตอนนี้ที่มีสถิติ final third ดีขึ้นก็คือทะลวง ส่งบอลเข้าจุดสำคัญได้มากขึ้น ราวๆนั้น


ส่วน key pass ก็ตรงๆนะ การจ่ายนั้นอาจจะไม่ใช่แอสซิสต์ แต่เป็นจุดสำคัญ เช่น สมมติโอเดการ์ดจ่ายไปตรงเขตโทษด้านขวา แล้วซาก้าตบมาให้แรมเดลส์วิ่งมายิงประตูได้ คนได้แอสซิสต์คือซาก้าแหละครับ แต่คนที่จ่ายให้ซาก้าหลุดไปสร้างจังหวะสำคัญนี้คือโอเดการ์ด

มันบ่งบอกว่า นักเตะคนนั้นส่งบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายบ่อยแค่ไหน

มันต่างจาก keypass ที่บางครั้งไม่เกี่ยวข้องกับจังหวะทำประตู อาทิ กองกลางแทงทะลุช่องไปให้แบ็คหลุดเข้าไปเปิดบอล นับว่าเป็น keypass ได้

แน่นอน final third pass มันปนกับ keypass ได้

แต่ final third pass ใช้บอกรายละเอียดเพิ่มว่า keypass จังหวะนี้คือการส่งบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย ไม่ใช่ keypass ทั่วๆไป

แล้วถ้าปีกล่ะครับ มีปีกที่สถิตินี้เยอะๆบ้างมั้ย

มันน่าจะต้องดูควบคู่กันครับ อย่าง final third เยอะแต่ไม่เป็น key เลย มันก็เท่ากับเปิดบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายไปส่งๆไม่ได้มีความแม่นยำอะไร แต่ถ้าใกล้เคียงกันนั่นคือนักเตะคนนั้นน่าจะเป็นคนที่เปิดบอลดี วิชั่นเยี่ยม สร้างโอกาสทำประตูได้เยอะ

สถิติอะไรก็แล้วแต่ ถ้าดูแค่ตัวเดียวเพียวๆไม่สามารถจะบอกความน่าจะเป็นอะไรที่ชัดเจนได้ครับ

key pass คือ จ่ายจังหวะหลุดสวยๆ
final third pass ก็คือ จ่ายเข้าพื้นที่ส่วนสุดท้าย แต่ไม่ใช่จังหวะสุดท้าย ในพื้นที่นั้นมันยังมีกองหลังฝั่งตรงข้ามอีก
ต้องลองแบ่ง สนาม เป็น สามส่วนอ่ะ final third มันก็ยังไม่ได้ใกล้เคียงโกลนาดนั้น

ดูสถิติเป็นแค่ตัวประกอบก็พอ ดูรูปแบบการเล่นของนักเตะดีกว่า

สำคัญสิ ยกตัวอย่างนักเตะในตำแหน่งนี้ top โลกก็พวก ปิร์โล่ โมดริช คนที่คุมเกมเก่งๆ แล้วหาโอกาสสร้างเกมรุก

ไม่จำเป็นต้องเป็นคนแอสซิสต์ แต่สร้างจังหวะเกมรุกอันนำไปสู่ได้ประตู

ลองไม่มีพวกนี้ดิก็เป็นได้แค่แปะบอลไปมา

มันเป็นตัวจำแนกทางสถิตินั่นแหละ

ส่งบอลกี่ครั้ง แม่นยำกี่% บางที่ เขานับการครองบอลเป็นนาทีก็มี
เขาจะไปดูต่ออีกว่า แล้วการส่งบอล ครองบอลที่ว่า เกิดขึ้นตรงไหนของสนาม
มันจะบ่งชี้ว่า ทีมนั้นๆ ครองบอลบริเวณไหนเยอะ และอาจแยกไปอีกว่าแกนซ้าย แกนกลาง แกนขวา

final third pass ก็เหมือนตัดสนามเป็น 3 ส่วน แดน 1 หน้าประตูตัวเอง / ลากมาแดน 2 แถวๆ กลางสนาม / แล้วก็แดน 3
แล้วมันยาวประมาณไหน สนามฟุตบอลแนวยาว = 110 หลา (ใช้ค่ากลางๆ) = แต่ละแดน จะเท่ากับ 30-35 หลา
กับคำถามที่ว่า ทำไม key pass น้อย final third pass เยอะ จึงตอบง่ายมาก
เพราะถ้าเราลองนึกภาพตาม จังหวะการจ่ายบอลแถวๆ 20-30 หน้ากรอบประตูคู่แข่ง มันจะเป็นการเล่นได้เสียไม่กี่ครั้งหรอก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการแปะไป วนมาเป็นหลัก มีเลี้ยงจี้ หลอกยิง หลอกเปิด แล้วแต่จังหวะ ถ้าโซนคู่แข่งแตก หรือเพื่อนวิ่งเข้าช่องได้พอดี ก็จะมีการจ่ายบอล key
จะมาก น้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่่ระบบทีม ความสามารถเฉพาะตัว ของทั้ง 2 ฝั่งด้วย

หรือบางที บอล key มันไม่ได้หมายถึงโอกาสยิงประตูเสมอไป
เพราะอะไร เพราะบางทีการจ่ายทั่วไป แล้วเพื่อนเอาไปสร้างจังหวะสวยต่อเอง มันก็ไม่น่าจะถูกนับเป็น key
เช่น กลางแปะบอลให้ปีกแบบง่ายๆเลยนะ จ่ายสั้นธรรมดาๆ 2-3 หลา แค่นั้นแหละ
แต่ปีกโคตรเก่ง พาบอลไปเอง เลี้ยงหลบเองได้ 2 คน แล้วยิงเอง
จังหวะแบบนี้ กลางคนที่จ่ายให้ปีก ก็ไม่น่าจะได้สถิติอะไร นอกจากการจ่ายบอลสำเร็จในแดน 3

และจะยิ่งเห็นภาพรวมยิ่งขึ้น ถ้าเอาไปเปรียบเทียบว่า แล้วคู่แข่งหละ การส่งบอลอยู่ตรงไหน มันพอจะทำให้เห็นอะไรมากขึ้น

เช่น
ครองบอลแต่ในแดนตัวเองเยอะ อาจจะเพราะบุกไม่ขึ้นหรือป่าว
หรืออยู่ตรงกลางเยอะ คือ โดนไล่เพรสหนักตรงกลางหรือป่าว เลยเข้าพื้นที่สุดท้ายไม่ได้
บางที สถิติสวย แต่บอลไม่ขึ้นหน้า อะไรงี้

แต่คือ มันบอกภาพรวมของทีม ของเกมไม่ได้ทั้งหมดหรอก เหมือนที่สถิติครองบอล ไม่ได้บอกทุกอย่าง (แต่นั่นแหละ แฟนบอลยุคหลังจะชอบให้ทีมตัวเอง ได้ครองบอลเยอะๆไว้ก่อน)

เช่น บางที เล่นเกมรุกแบบเน้นเร้าฤา เน้นดึงจังหวะ ในแดนกลาง สมมุติต่อบอลตรงกลางกัน 20 ครั้ง
พอคู่แข่งเผลอปุํบ ก็จ่ายคีย์พาส ทะลุมาเลยตั้งแต่หลังหรือกลาง จนบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย เป็นจังหวะหลุดสวยๆ
แล้วก็เล่นในพื้่นที่สุดท้าย อีก 5 ครั้ง
สุดท้าย จบเพลย์ จบเทิร์นด้วยการได้ยิง หรือ โดนสกัด

เนี่ยพอดูสถิติ จะกลายเป็นว่า เพลย์นี้ เทิรน์นี้ จ่ายบอลทั้งหมด 25 ครั้ง ซึ่งถ้าคิดเป็น %
เท่ากับว่า การบุกครั้งนี้ เล่นในแดน 2 ถึง 80% แต่เล่นในพื้นที่สุดท้ายแค่ 20%

แต่นั่นแหละ แล้วยังไงอะ ถ้ามันจบด้วยการได้ยิง / ได้ประตูเหมือนกัน คือ มันไม่ได้หมายตวามว่า ครองบอลในแดน 3 เยอะ แล้วจะดีแน่ๆ เสมอไป



ฉะนั้น ก็กลับไปที่ประโยคแรก
คือ มันบ่งชี้ว่า นัดนั้นๆ ทีมนั้นๆ เล่นบอลในบริเวณไหนเยอะ




---

เพิ่มเติม เข้าใจว่า นับแบบปกติอะแหละ
ไม่ใช่ว่า นับแค่จังหวะที่ส่งเข้าไปนะ แต่นับการส่งทุกอย่างที่เล่นในแดนสาม
คือ ถ้าแบ๊คไปอยู่แดนสาม แล้วจ่ายบอลตรงนั้น ก็นับเป็นเป็นจ่ายบอลแดนสามเหมือนกัน
ถ้าเป็นแบบนี้ มันจะไม่เกี่ยวอะไรกับคีย์พาส นะ

มันเป็นสถิติ 'ประกอบ' การตัดสินใจร่วมกับสถิติอื่นครับ

การเก็บสถิติ นับวันยิ่งละเอียดขึ้น ทำให้ได้ข้อมูลแม่นยำขึ้น

อย่างไอสถิติ Tackle นี่ก็ไม่มีประโยชน์
แต่ควรเก็บไหม ก็ควร
เพราะพอมันนำไปพิจารณากับรูปเกม การครองบอล บลาๆ ก็พอจะมีประโยชน์ขึ้นมา

น่าจะจ่ายให้คนได้ assist มั้งไม่รู้สิ เห็นมีคำว่า final 55+



ถ้าใช่นี่ก็สำคัญนะ วิ่งๆหน้ากรอบ คนนี้จ่ายออกข้าง คนได้ assist ตัดเข้ามา อีกคนยิง

คนที่จ่ายออกข้างก่อนคนได้ assist นี้บางคนทำจังหวะมาดีพอสมควรเลย ถ้าไม่มีสถิติให้เครดิตคงน่าเสียดาย