BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 4425
ที่อยู่: เมืองเหนือ
โพสเมื่อ: Tue Jan 04, 2022 13:15
[RE: รีวิว ประสบการณ์รับราชการมา 10 ปี จาก 2 หน่วยงาน]
งานราชการนี่จะสุขหรือทุกข์ขึ้นกับหัวหน้าเหมือนที่หลายคนว่าจริงๆครับ

ถ้าหัวหน้าดีก็แฮปปี้ ถ้าหัวหน้าเห้ก็ซวยไป

บางที่หัวหน้าเอาเอกสารเกี่ยวกับงบมาให้เซ็น ถ้าเซ็นแล้วมีปัญหาเราซวย หัวหน้าลอยตัว จะไม่เซ็นก็ไม่ได้อีก
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 28 Dec 2017
ตอบ: 7834
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jan 04, 2022 13:15
ถูกแบนแล้ว
[RE: รีวิว ประสบการณ์รับราชการมา 10 ปี จาก 2 หน่วยงาน]
gazebosky พิมพ์ว่า:
10 ปีเช่นกันครับ รับราชการตอนอายุเยอะแล้ว ผ่านมา 2 หน่วยงานในกระทรวงเดียวกัน (ไม่นับสมัยเป็นลูกจ้าง)

รับราชการด้วยวุฒิ ป.โท แรกบรรจุ 15,300 บาท (ผ่านไปตอนนี้เพิ่ม 2 เท่ากว่าๆ แล้ว)

หน่วยงานแรก..กรมที่จะถูกก่นด่าทุกฤดูหนาวของประเทศ เสือกระดาษแบบกระดาษจริงๆ กรมนี้ ดร. เยอะมาก และมีปัญหาสมองไหลแบบสุดๆ คนเก่งอยู่ไม่ได้นาน คนดักดานก็อยู่กันไป ทำงานแบบ 8 ชม. ต่อวัน ชิลๆ ไป งานที่รับผิดชอบก็คืองานโครงการ? (ราชการชอบของบโครงการมาทำงานประจำ อันนี้คืองงงมาก)ประมาณ 2 โครงการต่อคน ที่เหลือก็งานราษฎร์ทั้งหลาย รู้สึกว่าทำงานน้อยไป(ฮา) เลยขอย้าย ก็ประจวบเหมาะพอดี แต่ผมก็เสียดายความก้าวหน้าของที่นี่ ถามรุ่นพี่ก็พบว่าคนทำงานมักไม่เจริญก้าวหน้าตามสูตร สรุปทำงานชิลๆ ไม่มีอะไรในชีวิตเลย รอลุ้นว่าจะไปได้ถึงไหนมากกว่า

หน่วยงานสอง..ฉายาลูกเมียน้อยและมือปืนรับจ้างประจำกรม เป็นหน่วยงานที่ควรมีศักยภาพสูง แต่ดันมีบุคลากรส่วนใหญ่ที่ห่วยแตก แถมปัญหาเรื่องบุคลากรระดับกาก มีแต่เรื่อง ที่นี่ก็ทำงานชิลเช่นกัน นั่งโต๊ะ 75 ออกฟิลด์ 25 ยังดีกว่ากรมอยู่ แต่อย่างที่บอกศักยภาพหน่วยงานกระจอก ลูกเมียน้อบ ทำดีไม่เคยได้หน้า ทำไม่ดีก็ลืมๆ ไป ผมเองก็มีปัญหาที่หน่วยงานนี้มาก (ที่เคยตั้งมู้) คนที่ไฟลุกโชนแบบผมถึงขั้นงง สรุป ทำงานกระจอก บุคลากรห่วย อนาคตความก้าวหน้าไม่มี ทั้งๆ ที่หน่วยงานสร้างสรรค์งานได้มาก เจอนักวิ่งนักปาดสู้เขาไม่ได้

ตอนนี้ผมออกมา(ชั่วคราว) หวังว่าจะไปอยู่กรมวิชาการ ที่ทำงานมีคุณค่ากับชีวิตมากกว่านี้ สิ่งแวดล้อมดีๆ หน่อย คงหายากกับ "ราชการ"  


กรมวิชาการแบบที่ผมเคยอยู่นี่ดีมากครับ การเมืองจะน้อย
แต่กรมปัจจุบันการเมืองยุ่งเยอะ ปัญหาก็มากตาม
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 7633
ที่อยู่: Stamford Bridge
โพสเมื่อ: Tue Jan 04, 2022 13:16
ถูกแบนแล้ว
[RE: รีวิว ประสบการณ์รับราชการมา 10 ปี จาก 2 หน่วยงาน]
greencheer99 พิมพ์ว่า:
N'Square พิมพ์ว่า:
ข้าราชการลำบากต้น เหนื่อยกลาง สบายตอนปลาย
ถ้าใครอยู่ต่างจังหวัด การเป็นข้าราชการ มีเงินเดือนประจำเดือนละ15000+นี่คือสบายมากแล้ว
แต่ถ้าอยู่ในเมือง คนกรุง 15000 ไม่พอยาไส้แน่นอน
แต่ส่วนตัวผมเคยเห็นจากครอบครัว ทำงานเอกชน เงินเดือนสูงจริง แต่พอเริ่มแก่ เจ็บป่วย ทำงานไม่ได้เหมือนเก่า เอกชนจะมองหาคนใหม่ เด็กรุ่นใหม่มาแทน ยามเจ็บป่วยก็ต้องดูแลตัวเอง ถ้าไม่มีคอนเน็คชั่นหรือเนื้อหอมมีหลายบริษัทอยากดึงตัวไปทำวานด้วย ช่วงปลายเอกชนคุณลำบากแน่ถ้าโดนให้ออกหรือลดบทบาท ส่วนราชการนั้นความมั่นคงคือข้อดีสุด จะน้ำท่วม เศรษฐกิจแย่ มีม็อบ มีโควิด ก็ยังมีกินมาใช้ไม่ขาดรายได้ ไม่อดตายแน่อะเอาง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้รวยเวอร์ ยกเว้นจะทำอะไรเทาๆมืดๆ แต่ก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเหมือนกัน เนื้องานก็แล้วแต่ที่ เจอแบบไม่ประสาทแดร๊กก็ดีไป แล้วจริงๆถ้าใต่เต้าได้ระดับสูงๆ ข้าราชการบางที่ เอกชนเค้าจะเชิญไปนั่งที่ปรึกษาหรือบอร์ดอีก ตรงนี้ก็ได้เงินเพิ่มหลักแสน แบบถูกกฎหมายด้วยครับ  


เอาจริงๆแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีนะครับ

เอกชนเค้าหาคนรุ่นใหม่เข้าเพื่อจะพัฒนาองค์กร

แต่รัฐบาลก็ ใช้คนเก่า ไม่พัฒนา เข้าไปเจอแต่ป้าๆลุงๆ หัวแข็งๆ

ไม่รับเทคโนโลยีใหม่ๆ ชั้นทำแบบนี้มา 30 ปี ชั้นก็จะทำอยู่แบบนี้

ใครๆเค้าก็ทำกัน มีการวางอำนาจ ชั้นอยู่มา 30 ปีแล้ว แกพึ่งเข้ามาใหม่  

เอกชนมีความคล่องตัวกว่าครับ ประสิทธิภาพสูงกว่าภาครัฐใครๆก็รู้ แต่ผมพูดในแง่ของการปกป้อง "คนในองค์กร" ซึ่งผมมองว่าภาครัฐทำได้ดีกว่า ในขณะที่ภาคเอกชนนั้นเค้าพร้อมจะเขี่ยคุณทุกเมื่อครับ นึกสภาพคุณอายุ50แล้วตกงานนะ ส่วนการไม่รับเทคโนโลยีใหม่ๆ ผมว่าภาครัฐทำนะครับแต่อาจจะทำในอัตราที่ช้ากว่าเอกชน คุณบอกว่า 30 ปีทำยังไงก็ทำยังงั้น ผมว่าไม่ใช่นะ ตอนนี้ภาครัฐใช้ระบบดิจิตัล การเก็บข้อมูลก็พัฒนาขึ้น ถ้าคุณบอกว่าภาครัฐไม่รับเทคโนโลยี ผมถามว่าแล้วนโยบายอย่างคนละครึ่งที่ใช้งานผ่านระบบธนาคารออนไลน์ก็ไม่เกิดขึ้นหรอก อีกอย่างการทำงานคนรุ่นใหม่จำเป็นแน่นอนครับ แต่คนที่มีประสบการณ์ก็จำเป็นเช่นกันครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status: Indie
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Nov 2014
ตอบ: 261
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jan 04, 2022 14:14
[RE: รีวิว ประสบการณ์รับราชการมา 10 ปี จาก 2 หน่วยงาน]
งั้นผมขอรีวิวงานราชการแบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบ้างครับ
ผมเพิ่งได้บรรจุเมื่อต้นปี 61 จนถึงปัจจุบันผมก็บรรจุมาเกือบ 4 ปีแล้ว

ที่แรกได้บรรจุ อปท.ใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความที่พื้นฐานผมจบนิเทศ แต่ได้บรรจุในตำแหน่งนักทรัพยากรบุคคล ดังนั้นเหมือนผมเริ่มนับ 0 ตั้งแต่แรก เริ่มตั้งแต่ร่างหนังสือส่ง คำสั่ง อะไรแบบนั้นเลยครับ และ อปท.แห่งนี้แม่งทำงานกันโคตรจริงจัง งานประกวดงานประเมินงานล่ารางวัลเอาหมด ผมเข้างานไม่เคยเกิน 7.30 แล้วเลิกงานไม่เคยเร็วกว่า 17.30 เพราะในเวลางานเนี่ย แม่งต้องออกไปทำงานจิตอาสา นัดประชุมกันตั้งแต่เช้าถึง 16.00 ได้นั่งโต๊ะทำงานจริงๆแม่งก็เกือบ 16.30 แล้วอ่ะครับ แต่ตอนนั้นคิดอย่างเดียวเลยว่าเราเป็นคนไม่มีความรู้ด้านนี้ ดังนั้นเราต้องเต็มที่ ทุ่มเท ไฟในการทำงานลุกโชตช่วงชัชวาลมากในปีแรก ส่วนปีที่สองหมดไฟครับ มันเหนื่อยมาก เริ่มนึกถึงคำพูดของญาติที่รับราชการอยู่ อปท. เหมือนกันเลยว่าให้เลือกดีๆ ที่ที่งานหนักชิบหายแต่เงินเดือนก็เท่ากับที่งานน้อยนะ ในปีที่สองก็ไม่ต่างจากปีแรก แต่เริ่มรู้ข้อเสียของตัวเอง เริ่มพัฒนางาน เริ่มมีข้อเสนอแนะ เริ่มวางแผนความก้าวหน้าให้ตนเองและคนในองค์กร ออกไปสร้างคอนเน็กชั่นกับหน่วยงานอื่นบ้าง จนเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานครับ (อันนี้พูดได้เต็มปาก เพราะตอนไปขอย้ายกลับภูมิลำเนา ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานบ่นว่าไม่อยากให้ไปเพราะผมทำงานดีครับ)

ณ ปัจจุบันผมย้ายกลับมาทำงานที่ภูมิลำเนาของตัวเอง จาก อปท.ที่มีบุคลากร 150+ คน มาทำที่บุคลากรประมาณ 50 คน เช้าชามเย็นชาม ไม่มีงานนอก งานไม่รีบเร่ง คุณภาพของงานขอให้ได้ตามมาตรฐานของราชการก็พอ (ซึ่งแค่ไม่ผิดระเบียบเป็นอั้นใช้ได้) ผมก็ยังคงติดนิสัยเดิมอยู่ครับ คือ เต็มที่ พยายามนำเสนออะไรใหม่ๆ ให้ผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงาน เช่น โครงการฝึกอบรมหัวข้อที่มีประโยชน์หน่อย ทำแผนความก้าวหน้าให้ทุกตำแหน่ง ถึงขนาดจัดติวข้อสอบ ก.พ. ให้พนักงานจ้าง ผมก็ทำครับ สนุกดี จนเมื่อปลายปี 64 ผู้บริหารเรียกคุยครับว่าปีงบ 65 จะให้ผมได้ 2 ขั้นนะ ซึ่งผมดีใจนะครับ เราก็ไม่ได้ฝืนตัวเองอะไร แต่งานที่เราทำมันโดดเด้งออกมาจากคนอื่นๆ และโชคดีที่ผู้ใหญ่เขาเห็นคุณค่า

สรุป งานราชการของผมมันก็สนุกดีนะครับ เงินเดือนก็ตามสภาพที่รู้กัน อยู่องค์กรดีก็ดี ถ้าองค์กรไม่ดี เพื่อนร่วมงานห่วย อันนี้เหนื่อยครับ จบการรีวิว
8
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
Prince Devitt
ออนไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Aug 2009
ตอบ: 5481
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jan 04, 2022 14:34
[RE: รีวิว ประสบการณ์รับราชการมา 10 ปี จาก 2 หน่วยงาน]
Nesky พิมพ์ว่า:
พ่อเพื่อนผมเป็นราชการหลายคนนะ ตอนนี้เกษียนแล้วบอกเลยว่าสบายตอนแก่ทุกคน ได้บำเน็จ 35k-60k ชิลๆ

ครุเก่าผม C ไม่สูงมากเปป็นแค่ระดับหัวหน้าฝ่ายวิชา ได้บำเน็จก็ 40k ต่อเดือนละ ทุกวันนี้แก่แบบชิลๆเลย (แต่ตอนยังเป็นครูลำบากครับ เป็นหนี้เป็นสิน 10 กว่าล้าน ล้มละลาย ต้องเอาทรัพย์ไปเป็นชื่อเมีย)

แต่ถ้าลูกหลานเป็นราชการ แล้วพ่อแม่มีเงินแถมรัฐยังเลี้ยงดู ผมบอกเลยว่า ชิลลลลลล เช้าชามเย็นชามโคตรๆ แค่อาจจะเบื่อทำตามระเบียบการแค่นั้นแหละ

อยู่ที่เราเลือกอะนะ

ใครอยากสบายตอนแก่ แต่ไม่อยากอยุ่ในระบบที่เก่า ป้าแก่ๆ ลองหาทางไปรัฐวิสาหกิจดูครับ งานหนัก ใช้ความรู้ แล้วก็สบายตอนแก่เหมือนกัน

ผมทำงานเอกชน แฟนผมทำรัฐวิสาหกิจ ก็ถือว่าสร้างสมดุลดี ตอนแก่เราจะได้ไปเกาะมัน  


รัฐวิสาหกิจไม่มีบำนาญนะครับ แค่เงินเดือนเยอะเกือบเท่าเอกชนเฉยๆ เหมือนเอาบำนาญมาใช้ก่อน

ยังไงก็ต้องมีวินัยการใช้เงินพอสมควร
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอล ดิวิชั่น 1
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 4649
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jan 04, 2022 14:48
[RE: รีวิว ประสบการณ์รับราชการมา 10 ปี จาก 2 หน่วยงาน]
ผมเคยทำงานบริษัทเอกชนเบอร์ต้นๆ ของประเทศก่อนจะออกมาเป็นนายตัวเอง มีงานที่ต้องติดต่อราชการหลายหน่วยงาน มุมมองที่ผมมีต่อข้าราชการ คือ

คิดว่าตัวเองเก่งทั้งๆ ที่ส่วนมากโง่เหมือนอยู่ในกะลา (ดูลุงเป็นตัวอย่างข้าราชการที่โง่แบบ extreme) ชอบอ้างระเบียบที่ล้าสมัยไม่ทันโลกทำให้เรื่องติดขัดยุ่งยากไปหมด และเรียกเงินใต้โต๊ะหน้าด้านๆ เหมือนเจ้าหนี้ทวงเงินลูกหนี้ ข้าราชการที่ผมเจอส่วนใหญ่คือโจรปล้นประชาชนที่ใช้ระเบียบเป็นอาวุธ เป็นอุปสรรคของธุรกิจ และเป็นภาระของประเทศชาติ

ตอนเข้ารับราชการใหม่ๆ ผมเชื่อว่าคนพวกนี้ทุกคนเป็นคนดี แต่วัฒนธรรมองค์กรมันกลืนกินจนนิสัยเปลี่ยนไปหมด ผมอยากให้ลดจำนวนข้าราชการลงเหลือสัก 30% เอา IT มาใช้ให้มากขึ้น และเพิ่มเงินเดือนไปเลย 3 เท่า ค่าธรรมเนียมเรียกเก็บไปเลยแพงๆ แต่ต้องทำงานเร็ว สะดวก จะประหยัดต้นทุนให้เอกชนแบบผมได้มากเลย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


AVB Flooring พื้น SPC นำเข้า ราคาขายส่ง
ออนไลน์
นักบอลถ้วย ข.
Status: It's Complicated
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Feb 2014
ตอบ: 3766
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jan 04, 2022 16:11
[RE: รีวิว ประสบการณ์รับราชการมา 10 ปี จาก 2 หน่วยงาน]
N'Square พิมพ์ว่า:
greencheer99 พิมพ์ว่า:
N'Square พิมพ์ว่า:
ข้าราชการลำบากต้น เหนื่อยกลาง สบายตอนปลาย
ถ้าใครอยู่ต่างจังหวัด การเป็นข้าราชการ มีเงินเดือนประจำเดือนละ15000+นี่คือสบายมากแล้ว
แต่ถ้าอยู่ในเมือง คนกรุง 15000 ไม่พอยาไส้แน่นอน
แต่ส่วนตัวผมเคยเห็นจากครอบครัว ทำงานเอกชน เงินเดือนสูงจริง แต่พอเริ่มแก่ เจ็บป่วย ทำงานไม่ได้เหมือนเก่า เอกชนจะมองหาคนใหม่ เด็กรุ่นใหม่มาแทน ยามเจ็บป่วยก็ต้องดูแลตัวเอง ถ้าไม่มีคอนเน็คชั่นหรือเนื้อหอมมีหลายบริษัทอยากดึงตัวไปทำวานด้วย ช่วงปลายเอกชนคุณลำบากแน่ถ้าโดนให้ออกหรือลดบทบาท ส่วนราชการนั้นความมั่นคงคือข้อดีสุด จะน้ำท่วม เศรษฐกิจแย่ มีม็อบ มีโควิด ก็ยังมีกินมาใช้ไม่ขาดรายได้ ไม่อดตายแน่อะเอาง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้รวยเวอร์ ยกเว้นจะทำอะไรเทาๆมืดๆ แต่ก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเหมือนกัน เนื้องานก็แล้วแต่ที่ เจอแบบไม่ประสาทแดร๊กก็ดีไป แล้วจริงๆถ้าใต่เต้าได้ระดับสูงๆ ข้าราชการบางที่ เอกชนเค้าจะเชิญไปนั่งที่ปรึกษาหรือบอร์ดอีก ตรงนี้ก็ได้เงินเพิ่มหลักแสน แบบถูกกฎหมายด้วยครับ  


เอาจริงๆแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีนะครับ

เอกชนเค้าหาคนรุ่นใหม่เข้าเพื่อจะพัฒนาองค์กร

แต่รัฐบาลก็ ใช้คนเก่า ไม่พัฒนา เข้าไปเจอแต่ป้าๆลุงๆ หัวแข็งๆ

ไม่รับเทคโนโลยีใหม่ๆ ชั้นทำแบบนี้มา 30 ปี ชั้นก็จะทำอยู่แบบนี้

ใครๆเค้าก็ทำกัน มีการวางอำนาจ ชั้นอยู่มา 30 ปีแล้ว แกพึ่งเข้ามาใหม่  

เอกชนมีความคล่องตัวกว่าครับ ประสิทธิภาพสูงกว่าภาครัฐใครๆก็รู้ แต่ผมพูดในแง่ของการปกป้อง "คนในองค์กร" ซึ่งผมมองว่าภาครัฐทำได้ดีกว่า ในขณะที่ภาคเอกชนนั้นเค้าพร้อมจะเขี่ยคุณทุกเมื่อครับ นึกสภาพคุณอายุ50แล้วตกงานนะ ส่วนการไม่รับเทคโนโลยีใหม่ๆ ผมว่าภาครัฐทำนะครับแต่อาจจะทำในอัตราที่ช้ากว่าเอกชน คุณบอกว่า 30 ปีทำยังไงก็ทำยังงั้น ผมว่าไม่ใช่นะ ตอนนี้ภาครัฐใช้ระบบดิจิตัล การเก็บข้อมูลก็พัฒนาขึ้น ถ้าคุณบอกว่าภาครัฐไม่รับเทคโนโลยี ผมถามว่าแล้วนโยบายอย่างคนละครึ่งที่ใช้งานผ่านระบบธนาคารออนไลน์ก็ไม่เกิดขึ้นหรอก อีกอย่างการทำงานคนรุ่นใหม่จำเป็นแน่นอนครับ แต่คนที่มีประสบการณ์ก็จำเป็นเช่นกันครับ  


คนละครึ่งที่ต้องไปธนาคารเพื่อยืนยันตัวตน

เจ้าของร้านต้องไปเอาใบสมัครที่ธนาคาร แล้วเอาไปให้ผู้ใหญ่บ้านเซ็น

ที่ต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชนไป

ที่เงินเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง

ถ้าเอางบที่ทำขนาดนั้นไปให้เอกชน

ผมว่าคล่องกว่านี้เยอะนะครับ เพราะเงินนั้นก็เป็นเงินภาษีของพวกผมที่จ่ายเข้าไปเหมือนกัน

บัตรประชาชนมีชิปที่ยังต้องถ่ายสำเนาบัตร

กรมที่ดิน ที่ยังต้องไปแต่เช้า ไปหยิบบัตรคิว

ผมว่ามันก็ค่อนข้างล้าหลังอยู่นะครับ

ใช่ครับมันดีกว่า สำหรับตัวคนทำงาน ที่ทำงานนานๆไปจะไม่โดนเขี่ยออก

ถ้าเค้าทำงานดีก็ดีไปครับ

แต่ถ้าทำงานไม่ดี ช้า ตกประเมินตลอด มาสายกลับก่อน

แบบนี้คือประชาชนก็ต้องทนจมอยู่กับข้าราชการแบบนี้หรอครับ

อันนี้ผมมองในแง่ของประชาชนผู้ไปใช้บริการนะครับ ไม่ได้มองในมุมของข้าราชการ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 7633
ที่อยู่: Stamford Bridge
โพสเมื่อ: Tue Jan 04, 2022 16:31
ถูกแบนแล้ว
[RE: รีวิว ประสบการณ์รับราชการมา 10 ปี จาก 2 หน่วยงาน]
greencheer99 พิมพ์ว่า:
N'Square พิมพ์ว่า:
greencheer99 พิมพ์ว่า:
N'Square พิมพ์ว่า:
ข้าราชการลำบากต้น เหนื่อยกลาง สบายตอนปลาย
ถ้าใครอยู่ต่างจังหวัด การเป็นข้าราชการ มีเงินเดือนประจำเดือนละ15000+นี่คือสบายมากแล้ว
แต่ถ้าอยู่ในเมือง คนกรุง 15000 ไม่พอยาไส้แน่นอน
แต่ส่วนตัวผมเคยเห็นจากครอบครัว ทำงานเอกชน เงินเดือนสูงจริง แต่พอเริ่มแก่ เจ็บป่วย ทำงานไม่ได้เหมือนเก่า เอกชนจะมองหาคนใหม่ เด็กรุ่นใหม่มาแทน ยามเจ็บป่วยก็ต้องดูแลตัวเอง ถ้าไม่มีคอนเน็คชั่นหรือเนื้อหอมมีหลายบริษัทอยากดึงตัวไปทำวานด้วย ช่วงปลายเอกชนคุณลำบากแน่ถ้าโดนให้ออกหรือลดบทบาท ส่วนราชการนั้นความมั่นคงคือข้อดีสุด จะน้ำท่วม เศรษฐกิจแย่ มีม็อบ มีโควิด ก็ยังมีกินมาใช้ไม่ขาดรายได้ ไม่อดตายแน่อะเอาง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้รวยเวอร์ ยกเว้นจะทำอะไรเทาๆมืดๆ แต่ก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเหมือนกัน เนื้องานก็แล้วแต่ที่ เจอแบบไม่ประสาทแดร๊กก็ดีไป แล้วจริงๆถ้าใต่เต้าได้ระดับสูงๆ ข้าราชการบางที่ เอกชนเค้าจะเชิญไปนั่งที่ปรึกษาหรือบอร์ดอีก ตรงนี้ก็ได้เงินเพิ่มหลักแสน แบบถูกกฎหมายด้วยครับ  


เอาจริงๆแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีนะครับ

เอกชนเค้าหาคนรุ่นใหม่เข้าเพื่อจะพัฒนาองค์กร

แต่รัฐบาลก็ ใช้คนเก่า ไม่พัฒนา เข้าไปเจอแต่ป้าๆลุงๆ หัวแข็งๆ

ไม่รับเทคโนโลยีใหม่ๆ ชั้นทำแบบนี้มา 30 ปี ชั้นก็จะทำอยู่แบบนี้

ใครๆเค้าก็ทำกัน มีการวางอำนาจ ชั้นอยู่มา 30 ปีแล้ว แกพึ่งเข้ามาใหม่  

เอกชนมีความคล่องตัวกว่าครับ ประสิทธิภาพสูงกว่าภาครัฐใครๆก็รู้ แต่ผมพูดในแง่ของการปกป้อง "คนในองค์กร" ซึ่งผมมองว่าภาครัฐทำได้ดีกว่า ในขณะที่ภาคเอกชนนั้นเค้าพร้อมจะเขี่ยคุณทุกเมื่อครับ นึกสภาพคุณอายุ50แล้วตกงานนะ ส่วนการไม่รับเทคโนโลยีใหม่ๆ ผมว่าภาครัฐทำนะครับแต่อาจจะทำในอัตราที่ช้ากว่าเอกชน คุณบอกว่า 30 ปีทำยังไงก็ทำยังงั้น ผมว่าไม่ใช่นะ ตอนนี้ภาครัฐใช้ระบบดิจิตัล การเก็บข้อมูลก็พัฒนาขึ้น ถ้าคุณบอกว่าภาครัฐไม่รับเทคโนโลยี ผมถามว่าแล้วนโยบายอย่างคนละครึ่งที่ใช้งานผ่านระบบธนาคารออนไลน์ก็ไม่เกิดขึ้นหรอก อีกอย่างการทำงานคนรุ่นใหม่จำเป็นแน่นอนครับ แต่คนที่มีประสบการณ์ก็จำเป็นเช่นกันครับ  


คนละครึ่งที่ต้องไปธนาคารเพื่อยืนยันตัวตน

เจ้าของร้านต้องไปเอาใบสมัครที่ธนาคาร แล้วเอาไปให้ผู้ใหญ่บ้านเซ็น

ที่ต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชนไป

ที่เงินเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง

ถ้าเอางบที่ทำขนาดนั้นไปให้เอกชน

ผมว่าคล่องกว่านี้เยอะนะครับ เพราะเงินนั้นก็เป็นเงินภาษีของพวกผมที่จ่ายเข้าไปเหมือนกัน

บัตรประชาชนมีชิปที่ยังต้องถ่ายสำเนาบัตร

กรมที่ดิน ที่ยังต้องไปแต่เช้า ไปหยิบบัตรคิว

ผมว่ามันก็ค่อนข้างล้าหลังอยู่นะครับ

ใช่ครับมันดีกว่า สำหรับตัวคนทำงาน ที่ทำงานนานๆไปจะไม่โดนเขี่ยออก

ถ้าเค้าทำงานดีก็ดีไปครับ

แต่ถ้าทำงานไม่ดี ช้า ตกประเมินตลอด มาสายกลับก่อน

แบบนี้คือประชาชนก็ต้องทนจมอยู่กับข้าราชการแบบนี้หรอครับ

อันนี้ผมมองในแง่ของประชาชนผู้ไปใช้บริการนะครับ ไม่ได้มองในมุมของข้าราชการ  

1. คนละครึ่งยืนยันผ่านทางแอพเป๋าตังได้เลยนะครับ แต่สำหรับใครที่ทำไม่เป็น โลวเทค คนแก่คนเฒ่า ก็สามารถไปใช้บริการที่ธนาคารได้ครับเป็นทางเลือก
2. สำเนาบัตรประชาชนตอนนี้ราชกิจจาให้ยกเลิกการใช้แล้วนะครับ ถึงจะเพิ่งประกาศยกเลิกและหลายๆที่ยังคงเคยชินกันแบบเก่าๆ แต่ภาครัฐมีการปรับตัวกับเทคโนโลยีนะครับ
3. เลยนำมาสู่เรื่องไม่รับเทคโนโลยีไง ผมเลยแย้ง argument คุณไง คุณบอก 30ปียังไงก็ยังงั้น ซึ่งผมชี้ให้เห็นว่ามันไม่จริง ภาครัฐมีการปรับตัวกับเทคโนโลยีมากขึ้นแล้วครับ แต่ผมเองก็เขียนบอกเหมือนกันว่าแต่มันคงยังไม่เปิดรับและไฮเทคเท่ากับเอกชนที่มีความคล่องตัวกว่าหรอกครับ องค์กรภาคเอกชนมันขนาดเล็กกว่าภาครัฐมาก จะปรับเปลี่ยน จะทำอะไรก็ง่ายกว่าอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าภาครัฐเขาไม่ปรับเลย
4. ผมแชร์ให้ว่า ผมจะบอกให้ว่า ต่อให้คุณทำงานดี ประเมินดี คุณก็โดนเขี่ยออกได้ครับในภาคเอกชน ถ้าคุณค่าแรงเริ่มสูงมากเกินไป และผมพูดถึงเรื่องการเจ็บป่วย พูดง่ายๆเอกชนใช้งานคุณทำงานงกๆถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่งมาตลอดเป็นสิบปี แล้วเราทำงานดีมาตลอด โปรเจ็คไม่มีปัญหา แต่พอใช้งานเรามากๆจนเริ่มอายุมากขึ้น เริ่มเจ็บป่วย เริ่มใช้งานไม่ได้แล้ว แต่ยังต้องจ่ายเงินสูง เขาก็หาเรื่องเขี่ยคุณออกครับ หรือถ้าไม่เขี่ยก็จะลดบทบาทและให้ความสำคัญกับคุณน้อยลง ทั้งๆที่คุณทำงานดีนะ ทำเพื่อบริษัทมาตลอด บางบริษัทถ้าเจ้าของเค้าคำนึงถึงลูกจ้างบ้าง ก็อาจจะช่วยครับ แต่บางทีเค้าคำนึงถึงผลกำไรของบริษัทเป็นหลัก เค้าก็ไม่สนครับ ซึ่งต่างจากภาครัฐที่เค้าใช้งานคุณ แต่เค้ายังไม่ทิ้งขว้างคุณง่ายๆนะ แต่แน่นอนข้อเสียของภาครัฐคือพวกที่ทำงานไม่ได้เรื่องก็ยังได้อยู่แต่ภาคเอกชนก็จะปลิวไวกว่า
5. ในแง่ของประชาชน ใช่ครับเห็นด้วยว่าภาครัฐต้องบริการประชาชนให้ดีให้ไว ซึ่งจริงๆพูดไปก็เดี๋ยวหาว่าผมอวย ผมเป็นติ่งแม้วอีก แต่ในยุคลุงโทนี่ครับ เค้าสั่งภาครัฐให้ทำงานบริการประชาชน ทำงานให้ไว ผู้ว่าก็เป็นผู้ว่า CEO ฉับไว ใครทำงานไม่ได้ย้าย ส่วนทูตก็ต้องขายของเอาเงินเข้าประเทศด้วย พวกหน่วยงานราชการไม่ให้เช้าชามเย็นชาม นั่นเลยทำให้ลุงโทนี่โดนข้าราชการเกลียดเยอะครับ เพราะเขาอยู่สบายๆมาก่อนแล้วแม่มเหนื่อยขึ่้นเฉยเลย ไหนจะ30บาทอีก หมอ พยาบาลงานเพิ่มสุดๆ ส่วนยุคนี้เค้าเอาใจข้าราชการครับ เพราะลุงจะอยุ่ได้ต้องพึ่งระบอบแบบรัฐราชการไทย จริงๆผมเลยมองว่าภาครัฐจะดีไม่ดี ไวไม่ไว อยู่ที่ตัวหัวด้วยครับ ถ้าเป็นแนวลุงโทนี่นักธุรกิจ ก็จะทำให้ระบบราชการทำงานไว แต่ถ้าเป็นแบบสไตล์ทหารซึ่งก็เป็นราชการเดิมมาก่อน ก็จะสไตล์แบบราชการ ช้าๆ เจ้ายศเจ้าญานี่หละ ประชาชนก็รับเคราะห์
แก้ไขล่าสุดโดย N'Square เมื่อ Tue Jan 04, 2022 16:32, ทั้งหมด 1 ครั้ง
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel