คำขวัญโรงเรียนลูกคือเค้าจะเรียนรู้เมื่อเค้าพร้อม
ที่อ่านดูข้อมูลมันไม่เยอะ ไม่รู้ว่าเด็กมีปัญหาแบบไหน
จากประสบการณ์สอนลูก ผมว่าเด็กมันไม้อ่อนจริงๆนะ เรากระตุ้นได้ เราปรับ เราแก้ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันต้องกระตุ้นให้ถูกวิธี ต้องทำให้เค้าสนใจ เห็นความสำคัญ และสนุกกับการเรียน คิดว่าประมาณ 3 อย่างนี้ เด็กก็น่าจะเรียนอย่างมีความสุข

สิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องทำ ผมว่าแบบโอเล่น่ะ ทำบรรยากาศให้ดี

อย่างน้องที่ทำงาน ลูกไม่ทำการบ้านมันก็ตี สอบได้น้อยก็ตี เรียนออนไลน์ก็ช่วยลูกทำการบ้าน ทำข้อสอบ ไอ้อย่างนี้มันก็จะไม่ได้เรื่อง

4-5 ขวบนี่ยังเล็กนะ โรงเรียนอนุบาลลูกผมเน้น playbase learning เลย ไม่ใช่ว่าเล่นไม่ได้อะไรนะ การเล่นก็เรียนรู้ได้ เช่น การจำชื่อเพื่อนก็ทำให้รู้จักตัวอักษรไรงี้

น้องผมตอนเข้าป.1 เรียนอ่อน ได้เกรด 1 กว่าๆ โดนจับไปเรียนห้องเด็กพิเศษ แม่ก็ช่วยติวการบ้าน ตั้งแต่ป.1 เกรดก็ดีขึ้นเรื่องๆ จนตอนจบ ม.6 เกรด 3.5+ จบ CU เกียรตินิยม
ส่วนผมเฉลี่ยสองปลายๆถึงสาม ก็เป็นอย่างนั้นตั้งแต่ประถมยันมัธยม ยันจบมหาลัย

4-5 ขวบ มันวัยเล่นชัดๆ

หลานแฟนผม โดนจับเรียน EP สรุป ไม่ไหว เด็กหัวไม่เอา ทำการบ้านไม่ไหว
เด็กอยากเล่น เทอมหน้าเตรียตัวย้ายไปโปรแกรมธรรมดา

ถ้าผมมีลูก ผมปล่อยแม่งเล่นเลย ป.6 ค่อยสอนเขาว่า ทำไมต้องเรียนดีๆ
หรือรีบเจออะไรที่ชอบเร็วๆ จะได้รู้ว่าจะไปยังไงต่อเตรียมตัวยังไง

เรียนไม่เก่งไม่เป็นไร ขอแค่อย่า ติด 0 หรือ ซ้ำชั้น ก็พอแล้ว
ม.1-ม.3 ก็จะสอนแบบนี้แหละ

แต่ผมไม่มีหรอกลูกอ่ะ 55 ไม่ชอบเด็ก

อันนี้เห็นต่างนิดนึง ผมว่าเด็กๆสมัยนี้ระบบการเรียนมันไม่เหมือนกับสมัยเราแล้วนะครับ พวกรร.ทางเลือก ไม่ว่าจะ Waldorf/Montesseri พวกนี้ ไปโรงเรียนเหมือนไปเล่น ไปศึกษาการเข้าสังคม การใช้ชีวิตมากกว่า มีเรียนจริงๆไม่ถึง 2-3 ชม. แทบจะเล่นตลอดเวลาเลยครับ

แล้วผมเห็นเด็กพวกที่ผ่านรร.พวกนี้ EQ/IQ ดีทุกคน (หลานตัวเอง ลูกเพื่อน) และเด็กก็ฉลาดตั้งคำถามด้วยครับ แต่เห็นด้วยว่าถ้าปูพื้นมาดี เด็กจะคิดได้เองครับ

ถ้าเป็นเด็กน้อยวัย 4 - 5 ขวบ ผมบังคับเรียนครับ
เด็กเล็กขนาดนี้ผมให้เรียนเสริมวิชาภาษาไทย เน้นอ่านออก เขียนได้ (ถ้ายังทำไม่ได้) เพื่อตอนขึ้น ป.1 (ประมาณ 6 - 7 ขวบ)
เมื่ออ่านออกเขียนได้แล้ว ก็เพิ่มคณิตไปอีกนิดหน่อย แล้วพอแค่นั้น ถ้าเด็กอ่านออกเขียนได้ บวกเลขง่ายๆ ได้แล้ว การเรียนต่อไปจะแทบไม่มีปัญหาเลย

ส่วนพอโตแล้วจะอยากเรียนอะไร ทำอะไรก็ตามใจเจ้าตัวเลยครับ ผมจะเน้นให้เรียนรู้เรื่องการบริหารเงินและการลงทุนพอ

บังคับให้เรียนจนอ่านออกเขียนได้ พอมีทักษะเอาชีวิตรอด

หลังจากนั้นลูกจะไปใช้ชีวิตยังไงก็ตามใจ ถ้ามันไม่อยากเรียน ก็ต้องให้มันทำงานหาเลี้ยงตัวเอง เราแค่ตามดู/ช่วยเหลืออยู่ห่างๆ

หาจุดเด่นด้านอื่นของเค้า แล้วส่งเสริมด้านนั้น

ผมยึดตามแนวทางหมอจิตรวิทยาเด็กครับ

เป้าหมายของการเรียนหนังสือ คือการให้คิดเป็นเหตุเป็นผล มีตรรกะ รู้จักเข้าสังคม และเรียนรู้ความผิดพลาด ไม่ใช่เพื่อให้ได้ใบปริญญาเพื่อสมัครงานเหมือนแต่ก่อน
ผมถือว่าการเรียนเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าถึงวัยอันควรคงต้องบังคับหรือคุยกันตามเหตุผลว่าทำไมต้องเรียนหนังสือ

สอนเอง

ทำไมต้องบังคับละครับ ใช้จิตวิทยาซิ การพูดเชิญชวน การให้รางวัล การสร้างทัศนคติที่ดีกับการเรียน เด็กไม่เรียนปัญหาเกิดจากอะไรก็ต้องหา และช่วยแก้ ถ้าเรื่องเรียนยังจัดการไม่ได้ ปัญหาอื่นๆจะจัดการยังไง

ผมให้เรียนจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานอ่ะ จากนั้นอยากทำไรก้ทำถ้าไม่เรียนก็ไม่ให้ตังไปทำงานหาเงินใช้เอง แต่ถ้าเรียนก็จะให้เงินใช้ไปจบปริญญาตรี+ซื้ออุปกรณ์การเรียน คอม+มือถือให้ด้วย แต่ถ้าไม่เรียนก็ไปหาเงินซื้อเอาเองละกัน

สำหรับผมจะคุยกันสอนกันตะล่อมด้วยเหตุผลตั้งแต่เล็กๆละครับ ที่ผมคิดไว้ เด็กคิดได้อนาคตก็ไม่ต้องห่วงเเล้ว

ปลูกฝังก็ต้องปลุกแต่เด็ก ผมบอกก่อนเลยว่าไม่มีเงินเปย์แบบพ่อแม่คนอื่น ทำงานลำบาก อยากสบายต้องขยันเรียน เพื่อหางานการดีๆทำ

ผมถูกสั่งสอนมาแบบนี้ ผมถึงยืนได้ ถ้าเสเพลป่านนี้ผมและครอบครัวจมไปแล้ว

ฉะนั้นต้องตั้งใจเรียน เพื่อหางานได้ ชอบอะไรเรียนอะไรไม่ว่า แต่เอาที่คิดว่าเรียนแล้วตัวเองมีเงินใช้ไม่อด ไม่ลำบากยามแก่

ยิ่งรู้ว่าตัวเองเก่งด้านไหน หรือชอบด้านไหนมากๆ ไปเลย ไม่ห้าม เพราะผมซัพพอร์ตได้แค่ช่วงที่เรียนจนจบได้ระยะหนึ่ง

ถือว่าตั้งใจเรียน เป็นลูกที่ดี ถ้าทำตัวเอง เกเร ขี้เกียจ อย่างมากคือให้ข้าวกินไม่อด หลัง23ก็ตัวใครตัวมัน ไปเผชิญโลกเอาเอง

คงมานั่งเลี้ยงไม่ไหวหรอก ถ้าไม่มีงานมีการทำอ่ะ

ลูกผม 4 ขวบ ชอบเรียนหนังสือตั้งแต่สามขวบแล้ว
อยู่ที่การพูดคุยเลย ไปโรงเรียนวัน จ-ศ วันหยุดพาไปเที่ยว
ฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆเค้าก็จะตั้งใจเรียนเอง
เวลาลูกทำอะไรได้อย่าลืมอวยเยอะๆ ถ้ามีคนชม เค้าจะได้มีกำลังใจ

ถ้าคนมันยังสติดีแล้วยังเป็นลูกเราอีก ผมว่ามันหาทางออกได้ครับโดยที่ไม่ต้อง บังคับ อะไรทั้งนั้น

อันนี้เห็นด้วยครับ หากิจกรรมให้เล่นฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ให้แข็งแรงก่อน ลูกผมตอน4-5ขวบ ตอนไปเนิส ก็เล่นทั้งวัน พยายามหัดให้เค้าแบ่งเวลาทำกิจกรรม ส่วนเรื่องเรียนค่อยป้อนทีละนิดครับ ถ้ายัดเยียดตอนพาจะไม่ชอบการเรียนหนังสือเปล่าๆ (เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าเอาลูกหลานเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น อันนี้สำคัญ)